“อิสสระ” ซัดอีแอบ ยุยง “ปชป.” แตกแยก ปัดปีก กปปส.ยึดพรรค

วันที่ 16 มิ.ย. นายอิสสระ สมชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ ไม่มีความขัดแย้ง แม้จะมีการทำหนังสือเวียนเพื่อสลับรัฐมนตรีในพรรค ระหว่างนายจุติ ไกรฤกษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ กับนายนิพนธ์ บุญญามณี ส.ส.บัญชีรายชื่อ การสลับตำแหน่งเป็นความพอใจของทั้งสองฝ่ายไม่ใช่ความขัดเเย้งหรือเเย่งตำแหน่งกัน

เพราะหลังจากที่ประชุมเห็นชอบ ทั้ง 7 ตำแหน่งแล้ว ปรากฎว่านายนิพนธ์ มาหาตนบอกว่าไม่ถนัดงานพัฒนาสังคมฯ แต่ถนัดงานมหาดไทย ทำงานท้องถิ่นมาตลอด ใน 3 จังหวัดชายเเดนก็คลุกคลีตีโมงมา ถ้าสลับสับเปลี่ยนกับนายจุติ ได้ก็คงจะดี

แต่นายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรค ไม่กล้าเปลี่ยนเองเพราะเกรงใจที่ประชุม โดยเฉพาะตน ที่อภิปรายในที่ประชุมไว้มาก ตนเลยบอกว่าถ้าเป็นความพอใจของผู้สลับตำแหน่งก็ไม่ขัดข้อง จากนั้นก็ได้ไปนั่งคุยกับนายจุรินทร์ ที่ห้องของนต.สุธรรม ระหงษ์ ผู้อำนวยการพรรค นี่คือที่มาของหนังสือเวียน ซึ่งทุกท่านก็พูดคุยอย่างยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่เห็นจะขัดแย้งกันแต่อย่างใด

นายอิสสระ กล่าวต่อว่า ขอชี้เเจงกรณีที่มีกระเเสข่าวพาดพิง ว่า กลุ่มส.ส.ที่เป็นอดีตกปปส. จะกลับมายึดพรรคแต่ไม่สำเร็จ จึงกวนน้ำให้ขุ่นนั้นไม่เป็นความจริง เพราะเรื่องสัดส่วนตำแหน่งรัฐมนตรีที่ออกมา ตนไม่ได้เคยโวยวายอะไร เมื่อพรรคเห็นชอบแล้วก็จบ เราเคารพมติพรรค

โดยเฉพาะคนที่อภิปรายก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องพูดกัน ที่ตนพูดมากในวันประชุมคือทักท้วงว่าทำไมในภาคอีสานถึงไม่ได้โควตารัฐมนตรี ทั้งที่ได้ส.ส.เขตถึง 2 คน ที่จ.อุบลราชธานี คือนายวุฒิพงษ์ นามบุตร และน.ส.แนน บุญย์ธิดา สมชัย ตนท้วงติงขอความเป็นธรรมให้คนอุบลฯ เเค่เรื่องนี้ เมื่อที่ประชุมชี้เเจงแล้วตนก็จบ

“ถ้าจะมาบอกว่า กปปส.จะมายึดพรรค ก็ขอให้ไปย้อนดูการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคระหว่างนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับนพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ว่าเหตุใดผมในฐานะอดีตกปปส. ถึงไม่ไปสนับสนุนนพ.วรงค์ ร่วมกับนายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา แต่ช่วยนายอภิสิทธิ์ จนกระทั่งได้รับชัยชนะ จึงไม่ใช่เรื่องกปปส.ป่วน เพราะภารกิจกปปส. จบไปตั้งแต่ 22 พ.ค.57

ผมไม่ทราบว่า เป็นความพยายามของใคร ฝ่ายไหน ที่พยายามตอกลิ่มพรรคให้เกิดความขัดเเย้งไม่เลิกราเสียที อย่าเป็นอีเเอบเเอบส่งข่าวให้สำนักโน้นสำนักนี้มาด่ากัน จอให้ออกมาจะได้จับเข่าคุย ทำความเข้าใจว่าจะเอาอย่างไร ขอให้หยุดเป็นอีเเอบสักที”นายอิสสระ กล่าว