BACK TO THE (new) FUTURE แบ๊ก ทู เดอะ (นิว) ฟิวเจอร์

เช้านี้เอามอเตอร์ไซค์ออกไปขี่เล่นหลังจากไม่ได้ขี่มาหลายวัน

ความเย้ายวนในการขี่มอเตอร์ไซค์ไปต่างประเทศถดถอยลงไปอย่างมากจากเหตการณ์เจ้าดูคาติเหลืองถูกจับเป็นตัวประกัน…เดี้ยงว่างั้นเถอะ…

แต่ก็ผ่านพ้นสถานการณ์มาได้หมดแล้ว การไปขี่ในเช้านี้จึงมีความปลอดโปร่งในจิตใจอยู่มาก

ควบเจ้าสองสูบเสียงเพราะท่อคู่สีแดง พุ่งตรงออกจากถนนทุ่งโฮเต็ลสู่ถนนเลียบทางรถไฟ ผ่านหลังโรงเรียนมงฟอร์ต ลอดผ่านถนนวงแหวนรอบหนึ่ง ลอดใต้ถนนวงแหวนรอบสอง แล้วข้ามทางรถไฟไปวิ่งอีกด้านหนึ่งของถนนสายเดียวกัน ขี่ไปจนสุดทาง เตรียมเลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนหนึ่งศูนย์หกสายต้นยางแสนคลาสสิค เปิดไฟเลี้ยวขวาปุ๊บ

ปุ้ง ปุ้ง ปุ้ง ปุ้ง ปุ้ง…เสียงเตือนรถไฟมา ไม้กั้นถนนกำลังเคลื่อนลง

เปลี่ยนเป็นเปิดไฟเลี้ยวซ้าย รอหน้าไม้กั้นถนน…

รอดูรถไฟ…

ในเวลาประมาณเก้าโมงกว่าๆ ของต้นเดือนพฤษภาคม ปีหกสอง อุณหภูมิเช้านี้ประมาณสามสิบกว่าองศาเซลเซียส หัวรถจักรใหญ่ยักษ์สีส้ม ลากตู้นอนแอร์มุ่งหน้ามาจากกรุงเทพฯ เปิดไฟแรงสูงสองดวงยักษ์ที่ติดตั้งอยู่เหนือหลังคาห้องคนขับ พุ่งผ่านไป รับรู้ได้ถึงพลังมหึมาที่แผ่ออกมาจากมัน

พลังมหึมานั่น กำหนดเส้นทางขี่มอเตอร์ไซค์เช้านี้ทันที

ไม้กั้นถนนเปิดขึ้น เราก็ปล่อยคลัตช์ บิดคันเร่ง พุ่งข้ามทางรถไฟ เลี้ยวซ้าย มุ่งหน้ากลับเข้าเมืองเชียงใหม่ วิ่งไล่ตามรถไฟไป

ไม่ต้องใช้ความพยายามมากนัก และไม่ต้องใช้ความเร็วสูงนัก เจ้าสองสูบเรียงเสียงเพราะสีแดงก็มาส่งเสียงไพเราะเพราะพริ้งอยู่ท้ายขบวน และค่อยๆ ตีคู่ไล่แซงมาทีละตู้ ทีละโบกี้

ล้อรถไฟที่อยู่บนราง เสียงเหล็กกับเหล็กกระทบกระทั่งกัน เสียดสีกัน รวมไปกับเสียงหวีดหวิวของลูกปืนล้อของโบกี้ตู้นอน และเสียงจากท่อไอเสียคู่ผสมกัน ผลิตผลลัพธ์เป็นความสุขภายในใจชนิดหนึ่ง เป็นความอิ่มเอมใจชนิดหนึ่ง

นี่เป็นประสบการณ์ขี่มอเตอร์ไซค์คู่กับรถไฟ บนถนนโล่งๆ เป็นครั้งแรก

ไม่นึกว่าจะให้ความรื่นรมย์กับชีวิตไม่น้อยไปกว่าขี่มอเตอร์ไซค์เลียบชายหาด…

ค่อยๆ ผ่านทีละตู้ ทีละโบกี้ไป ที่ความเร็วประมาณแปดสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง ก็มาตีคู่อยู่กับหัวรถจักรสีส้มที่กำลังพ่นไอร้อนขึ้นสู่ท้องฟ้าพร้อมกับเสียงที่แสดงพลังมหาศาลของมัน

พลังที่สามารถลากโบกี้รถไฟหนักขนาดนั้นขึ้นภูเขาผ่านถ้ำขุนตานมาได้ ย่อมไม่ใช่พลังธรรมดา มันไม่ใช่เครื่องจักรธรรมดา เว็บไซต์ http://www.railway.co.th/main/knowledge/Diesel.html อธิบายว่า มันคือเครื่องดีเซลขนาดยักษ์ ที่ผลิตแรงม้ามหาศาลมากกว่าสองพันแรงม้า

มันมีพลังปานนั้น และเสียงของมันก็แสดงพลังปานนั้นออกมาอย่างชัดเจน

เมื่อวิ่งอยู่คู่กับเจ้าสองสูบเสียงเพราะ เครื่องยนต์แปดร้อยหกสิบห้าซีซีท่อคู่ หกสิบแปดแรงม้า ส่งผลให้สมองทำงานได้ดี

ทำงานได้ซุกซนดี

นี่คือมอเตอร์ไซค์อังกฤษ ปีสองพันสิบห้า ผลิตด้วยเทคโนโลยีของยุคเก้าศูนย์

มันไม่มีระบบอิเล็กทรอนิกส์ยุ่งยากซับซ้อนใดๆ

มันคือรถเก่าที่ถูกผลิตขึ้นมาใหม่ มันมีความเป็นรีโทรยุคนายน์ตี้ส์แท้ๆ

และด้วยเทคโนโลยีของเจ้าหัวรถจักรสัญชาติอเมริกันนี่ก็เช่นกัน

มันผลิตด้วยเทคโนโลยีของปีเก้าศูนย์เช่นกัน มันมีความเป็นรีโทรยุคนายน์ตี้ส์แท้ๆ เฉกเช่นกัน

เราทั้งคู่อยู่ในปัจจุบัน ด้วยเทคโนโลยีของอดีต

สมองยังคงสนุกสนานซุกซนต่อไป…นึกไปถึงหนังเรื่องแบ๊กทูเดอะฟิวเจอร์ เจาะเวลาหาอดีต

ฉับพลันทันใด เมื่อความเร็วถึงระบบ ฟลักซ์ คาพาซิเตอร์เริ่มทำงาน ไฟก็ลุกท่วมเป็นสาย บนรางรถไฟ ตามรอยล้อของหัวรถจักร และรอยล้อของเจ้าสองสูบคู่ระบายความร้อนด้วยอากาศ

ในพริบตา เราก็มาโผล่ในอดีต…

นี่คือปีไหนกัน…

ถนนที่ไม่มีรถพลุกพล่าน ไม่มีบ้านเรือนมากนักอยู่ริมทาง แต่เต็มไปด้วยต้นไม้สูง สวย เรียงขนานไปกับถนน กำลังเริ่มออกดอก ผสมสีเหลืองสดกับสีเขียวไว้บนต้นอย่างงดงาม

มาร์ตี้ แม็กฟลาย เมื่อขับเจ้าเดอร์ลอเรียน สองประตูสีเงิน ตัวถังอะลูมิเนียม ประตูปีกนก ข้ามเวลามา ทิ้งรอยไฟไว้เบื้องหลัง ก็คงมาเห็นโลกในอดีตในเมืองของตัวเอง

เราก็คงเห็นโลกในอดีตของเมืองของเราเอง

ตามองเห็นเชียงใหม่ในอดีต หูก็ได้ยินเสียงจากลูกสูบคู่ที่ผลิตแรงม้าได้หกสิบแปดตัว ผสมกับเสียงจากเครื่องยนต์ยักษ์ใหญ่กว่าสองพันแรงม้า ให้ความพึงพอใจกับชีวิต ในระดับที่คาดไม่ถึง

เราตีคู่กันมาเรื่อยๆ ลอดผ่านถนนวงแหวนรอบสาม วงแหวนรอบสอง วงแหวนรอบหนึ่ง ผ่านหลังโรงเรียนมงฟอร์ต

เชียงใหม่ ส่วนผสมอันยาวนานมากกว่าเจ็ดร้อยปีของอาณาจักรล้านนา โรงเรียนสตรีแห่งแรกในภาคเหนือเมื่อกว่าร้อยสี่สิบปีที่แล้ว โรงเรียนชายวังสิงห์คำเมื่อร้อยปีที่แล้ว มาจนถึงเทคโนโลยีเกือบสามสิบปีที่แล้วของหัวรถจักรสีส้มกับมอเตอร์ไซค์สีแดง และถนนทุ่งโฮเต็ลในอดีตที่ยังมีโรงกลึง โรงเลื่อย อู่ซ่อมรถ และความเงียบสงบสองฝั่งถนน

เมื่อพ้นจากโรงเรียนมงฟอร์ตมา เราก็เตรียมตัวกลับสู่อนาคต เตรียมตัวแบ๊กทูเดอะฟิวเจอร์

เมื่อเจ้าหัวรถจักรใหญ่ยักษ์สีส้มเรโทรก็เริ่มลดความเร็วลง ปล่อยให้เจ้าสองสูบกระจ้อยร่อยแซงไป ไฟก็พุ่งตามรอยล้อของเจ้าสองสูบ แต่…เกิดปัญหาขึ้นกับระบบฟลักซ์ คาพาซิเตอร์

สองสูบเสียงเพราะ กับเจ้านายของมัน กลับมาถึงถนนทุ่งโฮเต็ลที่มีร้านกาแฟอเมซอน โคเวิร์กกิ้งสเปซ โรงแรม ร้านตัดผมฮิปสเตอร์ ร้านเฟอร์นิเจอร์ ร้านก๋วยเตี๋ยวคำหวาน และเซเว่น-อีเลฟเว่น

เรากลับมาเชียงใหม่ที่มียูนิโคล่ เอช แอนด์ เอ็ม และกระเป๋าโค้ชแล้ว…

แต่…

ไม่มีรอยไฟจากล้อของเครื่องจักรยักษ์ใหญ่สองพันกว่าแรงม้านั่น…มันไม่ได้กลับมา…

มันติดอยู่ในอดีต…

มันยังคงวิ่งมากกว่าสิบชั่วโมงเพื่อจะไปกรุงเทพฯ

ระบบอินเตอร์เน็ตเพื่อการจองต้องกรอกแบบฟอร์มพอๆ กับใบแจ้งเกิด และเมื่อไปจองที่สถานี มันก็เต็มตลอดกาล

ความเร็วสูงสุดหนึ่งร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมง…

รถบรรทุกและรถกระบะวิ่งเต็มทั่วท้องถนน ส่งของที่ถูกสั่งผ่านอินเตอร์เน็ต มันช้าเกินไปที่รถไฟจะมีส่วนร่วม…

แต่ร้ายไปกว่านั้น รัฐบาลคงประชุม ครม.สัญจรอยู่ในโบกี้หนึ่ง ที่ลากโดยหัวจักรสีส้มสัญชาติอเมริกัน…คันนั้น

ยุคเก้าศูนย์ เรามีนายกรัฐมนตรีที่มาจาก ผบ.ทบ. อยู่ในตำแหน่งเพียงเดือนครึ่ง (ไม่นับนายกฯ ขงเบ้ง, ท่านเป็นประชาธิปไตย ท่านเป็น #ความหวังใหม่…)

และอยู่ในช่วงที่นายกฯ ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งเพียงไม่ถึงสองปี

ระบบฟลักซ์ คาพาซิเตอร์คงรวนอย่างหนัก…

รถไฟยังคงติดอยู่ในยุคเก้าศูนย์ รีโทรนายน์ตี้ส์

ส่วนรัฐบาลน่ะ ย้อนไปติดอยู่ในยุคแปดศูนย์ รีโทรแท้ๆ ยุคเอตตี้ส์โน่นเลย

ที่กลับไปสู่อนาคต คงเป็นประชาชนส่วนใหญ่

… เยส วี ออล อาร์ แบ๊ก ทู เดอะ ฟิวเจอร์ …

หากระบบฟลักซ์ คาพาซิเตอร์คงทำงานได้สมบูรณ์แบบ เราทั้งหมดคงได้กลับมา และอนาคตคงเป็นอีกแบบหนึ่ง

อาจเป็น… #อนาคตใหม่

นี่จะโทษใคร…

คงต้องโทษระบบฟลักซ์ คาพาซิเตอร์…

มันรวน และทำงานผิดปกติไปมากหลังจากใช้เวลาปฏิรูปมันไปห้าปีเต็ม