รายงานพิเศษ / จับอาการ ‘บิ๊กป้อม’ อ่านใจ ‘พี่ใหญ่’ สังขารไม่ไหว แต่ใจสู้ ถอดรหัสกองทัพนิ่ง สยบการเมือง จับบทบาท ‘บิ๊กแดง’ ค้ำ ‘บิ๊กตู่’

รายงานพิเศษ

 

จับอาการ ‘บิ๊กป้อม’

อ่านใจ ‘พี่ใหญ่’

สังขารไม่ไหว แต่ใจสู้

ถอดรหัสกองทัพนิ่ง สยบการเมือง

จับบทบาท ‘บิ๊กแดง’ ค้ำ ‘บิ๊กตู่’

แม้ใครๆ จะรู้ว่า พี่น้อง 3 ป. “ป้อม-ป๊อก-ประยุทธ์” ไม่มีวันที่จะพรากจากกันได้ ต้องแท็กทีมไปด้วยกัน ทำอะไรด้วยกัน ครบทั้งแผง แบบที่เรียกว่า ไม่มีทางที่จะทิ้งกัน

ด้วยเพราะมีปูมหลังที่อยู่ร่วมหน่วยทหารเสือราชินี ร.21 รอ. และอยู่ร่วมชายคา “บ้านเสือ” หลังเดียวกัน ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมากรำศึกทั้งรักษาอธิปไตยและศึกการเมือง

แต่จู่ๆ บิ๊กป๊อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่ ก็กลับออกอาการที่ดูเหมือนถอดใจ

ด้วยการประกาศต่อหน้าสื่อว่า “ผมแย่แล้ว ผมไม่สบาย ผมไม่แข็งแรงเท่าที่ควร”

ก่อนที่จะย้ำในวันต่อมาอีกว่า “ไม่ไหว ผมเดินไม่ไหวแล้ว” โดยเฉพาะเป็นวันที่ พล.อ.ประยุทธ์ รับพระบรมราชโองการโกรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ที่ทำให้การจัดคณะรัฐมนตรีใกล้เข้ามาแล้ว

ท่าทีและคำพูดของ พล.อ.ประวิตร ส่งผลให้นายทหารทีมที่ปรึกษา ทั้งผองเพื่อนเตรียมทหาร 6 และน้องๆ ทีมนายทหารฝ่ายเสนาธิการ หน้าห้อง ต่างพากันแปลกใจถึงท่าทีของคำพูดของ พล.อ.ประวิตร แบบที่เรียกว่า “เหวอ”

ด้วยเพราะนายทหารที่ใกล้ชิด ต่างเชื่อว่า พล.อ.ประวิตรจะไปต่อ ต้องช่วย พล.อ.ประยุทธ์ดูแลกองทัพและตำรวจ นั่งเก้าอี้รองนายกฯ และ รมว.กลาโหมต่อ

แถมก่อนหน้านี้ พล.อ.ประวิตรก็เปรยๆ ว่า “เก็บของหมดแล้ว” ทั้งที่ทำเนียบรัฐบาลและกระทรวงกลาโหม ที่แม้จะมีของไม่มากมายอะไรก็ตาม

ทั้งๆ ที่ พล.อ.ประยุทธ์ ก็เปิดทางแล้วว่า อยากให้ พล.อ.ประวิตรมาช่วยงานต่อ เพราะรู้ใจกัน

แต่ก็แสดงออกถึงความเป็นห่วงสุขภาพของ พล.อ.ประวิตร ที่ไม่ค่อยแข็งแรง จึงไม่รู้ว่าท่านจะตัดสินใจแค่ไหน อย่างไร ก็แล้วแต่ท่าน

แต่น่าสังเกตตรงที่มีการใช้เรื่องสุขภาพเป็นเงื่อนไขเหมือนกัน จนทำให้เกิดกระแสข่าวสูตรการจัด ครม.ความมั่นคง ออกมาว่า พล.อ.ประวิตรจะวางมือทางการเมือง ไม่ร่วม ครม. แต่จะไปเป็นที่ปรึกษา อยู่เบื้องหลังแทนบ้าง

หรือ พล.อ.ประวิตรจะเป็นรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ตำแหน่งเดียว แล้วให้ พล.อ.ประยุทธ์ควบทั้งนายกฯ และ รมว.กลาโหม แล้วให้ บิ๊กช้าง พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม น้องรักที่บิ๊กป้อมไว้วางใจ มาเป็น รมช.กลาโหมช่วยงานต่อ

หรือหากประหยัดเก้าอี้รัฐมนตรี ก็อาจให้มีแค่ผู้ช่วย รมว.กลาโหมเท่านั้น แต่ก็ยังทำงานเป็นหลัก เพราะ พล.อ.ประยุทธ์คงไม่มีเวลามาดูแลกองทัพเต็มๆ

แต่ที่ไม่อาจมองข้าม เมื่อนายทหารน้องรักในระดับท็อปไฟว์ของบิ๊กป้อม เผยว่า เมื่อไม่กี่วันมานี้ พล.อ.ประวิตรเปรยๆ ว่าอยากจะพักผ่อน เพราะอยากดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง เนื่องจากตลอด 5 ปีของการทำงานในรัฐบาล คสช. เหนื่อยมาก

“คนเรา พอมาถึงช่วงเวลาหนึ่ง อายุจะ 74 แล้ว ไม่มีเรื่องไหนสำคัญกว่าสุขภาพแล้ว เพราะถ้าขืนทำงานต่อไปอีก ก็กลัวจะแย่ จะยิ่งหนักกว่าเดิม”

“ห่วงก็ห่วงน้องนะ แต่จะช่วยอยู่ข้างหลัง เป็นแค่ที่ปรึกษาเท่านั้น” พล.อ.ประวิตรบอกกับคนใกล้ชิด

“ยินดีที่ท่านได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นนายกฯ และให้กำลังใจ ให้ทำงานต่อ” บิ๊กป้อมระบุ

อีกทั้งบิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา พี่รอง ก็ยังคงอยู่ช่วยบิ๊กตู่ ให้พี่ใหญ่คลายกังวลไปได้

ที่สำคัญ พล.อ.ประวิตรบ่นเรื่องการถูกโจมตี ไม่ว่าจะพูดอะไร ทำอะไร ก็โดนด่าตลอด จนบางทีรู้สึกเหนื่อยและท้อ ว่า เราทำงานให้ประเทศชาติและประชาชน ทำไมเราต้องมาโดนด่าเสียๆ หายๆ

“ไม่ไหว โดนด่าตลอด” พล.อ.ประวิตรออกตัวกับสื่อ

โดยเฉพาะเมื่อถูกกระแซะว่า เป็นต่อ ช่วยงานบิ๊กตู่อีกแค่ 4 ปีเท่านั้นเอง พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า โอ้ย ฉันก็ตายพอดี

ทั้งนี้ เพราะสุขภาพของ พล.อ.ประวิตร ไม่มีใครรู้ดีเท่าตัว พล.อ.ประวิตรเอง

แม้ภายนอกจะดูยิ้มแย้มแจ่มใส หัวเราะ และเดินเหินได้คล่องพอสมควร จะมีก็ตอนที่ขึ้น-ลงบันได ที่ต้องเกาะไหล่นายทหารคนสนิท หรือทีม รปภ.ก็ตาม

แต่คนใกล้ชิดก็พอรู้ว่า พล.อ.ประวิตรไม่แข็งแรงเหมือนเดิม หลังจากที่ไปผ่าตัดทำบายพาสเส้นเลือดหัวใจถึง 5 เส้น ที่สวิตเซอร์แลนด์ เมื่อ 2 ปีที่แล้ว

แถมเป็นการผ่าตัดที่ไม่ได้พักฟื้นเต็มที่ เพราะต้องรีบกลับมาทำงาน ดูแลสถานการณ์ต่อ และต้องปิดข่าวไม่ให้คนอื่นๆ รู้ เพราะจะเสียขวัญ

ที่สำคัญ พล.อ.ประวิตรซึ่งทั้งชีวิตเป็นนายทหารนักรบ ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ชายแดนไทย-กัมพูชามาตลอด ไม่อยากให้ใครเห็นว่า ตนเองไม่แข็งแรง อ่อนไหว

หลังผ่าตัดได้แค่ 2 สัปดาห์ ก็ลุกจากเตียงมาทำงาน เพื่อสยบกระแสข่าวที่ว่า ไปผ่าตัดหัวใจมา ทั้งๆ ที่มันเป็นความจริง แต่ พล.อ.ประวิตรไม่ยอมเปิดเผยมาจนทุกวันนี้

แต่เคยบอกแค่ว่า ครั้งนั้นทำให้น้ำหนักลดลงไปถึง 10 กิโลกรัม จากนั้นมา ก็ต้องคอยดูแลสุขภาพร่างกายอย่างดีมาตลอด และต้องเดินทางไปตรวจร่างกายที่สวิตเซอร์แลนด์ทุก 6 เดือน จึงมีข่าวว่า พล.อ.ประวิตรลาไปพักผ่อนเป็นระยะๆ

แต่การทำบายพาสหัวใจ 5 เส้น ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเทคโนโลยีการแพทย์สมัยใหม่ โดยเฉพาะที่สวิตเซอร์แลนด์

แต่ที่กลัวจะเป็นปัญหาคือ เส้นเลือด หลอดเลือด ที่หลังคอด้านขวา ที่ตีบตัน และกดทับเส้นประสาท ที่ส่งผลต่อการเดินของ พล.อ.ประวิตร จนเจ้าตัวเปรยหลายครั้งว่า ขาไม่ค่อยดี อยากเดินได้ดีๆ

แม้ว่าทุกเช้ามืด ตี 4 ครึ่ง พล.อ.ประวิตรจะตื่นมาออกกำลังกาย และว่ายน้ำก่อนมาทำงานทุกวันก็ตาม แต่ก็ยังไม่แข็งแรงดังใจ

พล.อ.ประวิตรจึงอยากที่จะพักผ่อน และไปรักษาร่างกายให้หายดี เพราะก็อยากที่จะแข็งแรง อายุยืน อยู่ไปได้นานๆ

ประการนี้ อาจจะกลายเป็นเหตุผลที่ทำให้ พล.อ.ประวิตรต้องคิดหนัก

เพราะตลอด 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อถูกนักข่าวถามเรื่องการตัดสินใจมาช่วยงาน พล.อ.ประยุทธ์ในรัฐบาลใหม่ต่อหรือไม่นั้น พล.อ.ประวิตรจะบอกซ้ำๆ แต่เพียงว่า ยังไม่รู้ นายกฯ ยังไม่ได้คุย ยังไม่ได้ชวน ยังไม่ได้ทาบทาม

จนบางครั้งทำให้หลายคนเข้าใจไปว่า พล.อ.ประวิตรส่งสัญญาณ “งอน” หรือน้อยใจไปถึง พล.อ.ประยุทธ์หรือไม่

แต่นายทหารใกล้ชิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์นั้นคุยกับ พล.อ.ประวิตร หมดทุกเรื่อง รวมทั้งการร่วม ครม.ใหม่ด้วย ว่าอยากให้ “พี่ป้อม” ช่วยงานต่อ

แต่ทั้งหมดอยู่ที่ พล.อ.ประวิตรเอง ที่ก็คิดหนัก ทั้งเรื่องสุขภาพ และเรื่องกระแสต่อต้านโจมตีตนเอง ที่จะกลายเป็นตำบลกระสุนตก หรือจุดอ่อนของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ สมัย 2

บรรดานายทหารใกล้ชิดส่วนใหญ่ก็สงสาร พล.อ.ประวิตร อยากให้พักผ่อน ไปดูแลสุขภาพ เพื่อที่จะได้แข็งแรงอยู่ได้นานๆ แบบป๋าเปรม พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ที่เพิ่งถึงแก่อสัญกรรมเมื่อไม่นานมานี้ ด้วยวัยเกือบ 99 ปี

แต่อีกจำนวนไม่น้อยที่เป็นห่วงว่า ถ้ากองทัพไม่มี พล.อ.ประวิตรดูแล กุมบังเหียนเองโดยตรง จะเกิดปัญหาความแตกแยก ขัดแย้งรุนแรงหรือไม่  หรือแม้แต่วงการตำรวจ

รวมถึงความเชื่อในเรื่องดวงชะตา ที่ว่า 3 ป.พี่น้องทหารเสือฯ จะต้องไปไหนไปด้วยกัน ทำอะไรทำด้วยกันก็ตาม

“ยังไม่ถอดใจ แต่ไม่สบาย ไม่แข็งแรง” พล.อ.ประวิตรย้ำคำตอบ เมื่อถูกถามว่า ออกตัวเรื่องสุขภาพ แสดงว่าถอดใจ พร้อมวางมือแล้วใช่หรือไม่

 

นายทหารใกล้ชิดมองใจบิ๊กป้อม ที่ออกตัวเรื่องสุขภาพร่างกายไม่แข็งแรงว่า อาจแค่หยอกล้อกับนักข่าวเล่น เพราะถามกันทุกวัน เพราะทุกครั้งที่พูด พล.อ.ประวิตรก็มีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส

ด้วยเพราะยังเชื่อว่า พล.อ.ประวิตรห่วง พล.อ.ประยุทธ์ คงไม่อาจทิ้งไปช่วยอยู่แค่เบื้องหลังได้ โดยเฉพาะเมื่ออยู่ท่ามกลางนักการเมือง เป็นรัฐบาลผสมที่มีมากถึง 19 พรรค แถมเสียงปริ่มน้ำ

การมี พล.อ.ประวิตรอยู่ใน ครม.ใหม่ แม้แค่รองนายกฯ อย่างเดียว ก็เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของความน่าเกรงขาม เกรงใจของบรรดาพรรคร่วมรัฐบาล หรือแม้แต่ในพรรคพลังประชารัฐเอง ที่ พล.อ.ประวิตรก็มีส่วนสำคัญในการก่อตั้ง

รวมทั้งเป็นผู้มีส่วนในการให้กำเนิดรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ สมัย 2/1 ขึ้น

เว้นเสียแต่ว่า พล.อ.ประวิตรจะมีอาการน้อยใจร่วมด้วย หากไปได้รับข้อมูลใดๆ มา ที่จะทำให้คิดไปว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่ต้องการพี่ป้อมอีกต่อไปแล้ว เพราะห่วงภาพพจน์รัฐบาลใหม่

ด้วยเพราะ พล.อ.ประวิตรยังคงมีเรื่อง “นาฬิกาหรู” และการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ ที่ถูกโจมตีมาตลอด

แต่เชื่อได้ว่า ความเป็นพี่น้องที่แนบแน่นยาวนานขนาดนี้ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร ย่อมต้องคุยกันทุกเรื่อง ไม่มีการมาแอบงอน หรือน้อยใจใดๆ

หรือในอีกมุมหนึ่ง การออกตัวเรื่องสุขภาพที่ไม่แข็งแรง อาจกลายเป็นทางออก หรือทางลงที่ดีที่สุดของ พล.อ.ประวิตร เพื่อไม่ให้ถูกมองว่า ถูกกัน ถูกบล็อก หรือมีใบสั่งให้พักผ่อน ด้วยการเป็นรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ตำแหน่งเดียว

เพื่อลดโหลดปริมาณงาน และลดการตกเป็นเป้าโจมตี เรื่องการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์และการแต่งตั้งโยกย้าย

แต่ พล.อ.ประวิตรก็จะยังคงเป็นเสมือน รมว.กลาโหมเงา ที่ยังคุมกองทัพอยู่เช่นเดิม

แต่หาก พล.อ.ประยุทธ์ ควบ รมว.กลาโหม ที่ยังมี พล.อ.ประวิตร ช่วยดูแลอยู่ก็ตาม แค่คาดกันว่า บทบาทของบิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. น้องรักของ พล.อ.ประยุทธ์ จะเพิ่มมากขึ้นด้วย

จากเดิมที่มีอะไร พล.อ.อภิรัชต์ก็สายตรงถึง พล.อ.ประยุทธ์เองอยู่แล้ว และจะกลายเป็นกำลังหลักของ พล.อ.ประยุทธ์ในการทำหน้าที่ รมว.กลาโหม หรืออาจเรียกได้ว่า เป็นเสมือน รมช.กลาโหมเลยทีเดียว

ในขณะที่การเมืองกำลังเข้มข้นจากการแบ่งโควต้า แบ่งเก้าอี้รัฐมนตรีนั้น กองทัพก็ดูจะนิ่งเงียบ

ประการหนึ่ง เพราะเตรียมพร้อมรับการสิ้นสภาพของ คสช. และกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) เมื่อนายกฯ นำ ครม.ชุดใหม่เข้าถวายสัตย์ฯ

อีกประการหนึ่งคือ มีการเตรียมจัดโผแต่งตั้งโยกย้ายทหารปลายปีกันแล้ว เพราะกลางเดือนกรกฎาคมนี้ก็จะต้องเตรียมเสนอโผแรกแล้ว

ไม่แค่นั้น กองทัพเงียบ นิ่ง เพราะทั้งบิ๊กณัฐ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วยบิ๊กกบ พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผบ.ทหารสูงสุด บิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์  บิ๊กลือ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผบ.ทร. บิ๊กแป๊ะ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. อยู่ระหว่างการฝึกหลักสูตรราชองครักษ์  เป็นเวลา 2 สัปดาห์

ส่วนบิ๊กต่าย พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน ผบ.ทอ. นั้น รอไปฝึกผลัดที่ 3 เนื่องจากในช่วง 2 สัปดาห์นั้น ต้องเดินทางไปตามคำเชิญของกองทัพอากาศจีน กองทัพอากาศญี่ปุ่น ซึ่งกำหนดเวลาไว้นานมาแล้ว รวมทั้งการประชุม Paris Air Show เพื่อร่วมประชุม Gripen User Group โดยมี ผบ.ทอ.ของประเทศที่ใช้ Gripen มาประชุมกัน

การที่ 5 ผบ.เหล่าทัพ รวมทั้ง พล.อ.อภิรัชต์สงบนิ่ง ไม่ออกมาเคลื่อนไหว หรือแสดงความคิดเห็นใดๆ ทางการเมือง ก็มีส่วนทำให้การเมืองนิ่ง

แต่ก็ยังออกมาทำหน้าที่ของ ส.ว.ในการโหวตเลือก พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีมาแล้ว

รวมทั้งหากมีงานสำคัญของกองทัพ ก็สามารถที่จะลาการฝึก ออกมาปฏิบัติหน้าที่ก่อนแล้วเข้าไปรับการฝึกต่อได้

แต่การเข้าไปฝึกด้วยกัน กินอยู่หลับนอนด้วยกัน ก็ยิ่งทำให้ ผบ.เหล่าทัพชุดนี้ ที่เป็นทั้งเตรียมทหาร 18 และเตรียมทหาร 20 ก็ยิ่งมีความสนิทสนมใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น และคงมีเวลาพูดคุยในการจัดโผทหาร และการวางตัวนายทหารในส่วนของกลาโหม และ บก.ทัพไทย รวมทั้งการส่งนายทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ จากกลาโหม และกองทัพไทย กลับเหล่ากันได้สะดวกขึ้น

แม้แต่การหารือเรื่องสถานการณ์บ้านเมือง ทั้งปัจจุบัน และในอนาคต

ในฐานะที่ ผบ.เหล่าทัพชุดนี้ ที่มีอายุราชการถึง 2563-2564 ยังคงต้องทำหน้าที่กองหนุนของ พล.อ.ประยุทธ์ต่อไป ในการกรำศึกการเมือง ที่ส่อเค้าเข้มข้นและรุนแรง