อนาคต คือ ตอนนี้ / ฉบับประจำวันที่ 14-20 มิถุนายน 2562

Future is now
อนาคต คือ ตอนนี้
ดูเหมือนจะเป็นธรรมชาติของคนรุ่นใหม่
คนรุ่นใหม่ที่กระหายอยากให้ความฝัน อุดมการณ์ของตนเป็นจริงโดยเร็วที่สุด
บ่อยครั้งไฟอันร้อนแรง ทำให้อยากดึง “อนาคต” มาเป็น “ตอนนี้” เสียเลย
ทั้งที่เงื่อนไขยังเป็นไปไม่ได้ หรือยังไม่เป็นจริง
จึงเกิดจุดอ่อน เกิดแรงเสียดทาน ตอบโต้ ต่อต้าน และหลายครั้งนำไปสู่ความรุนแรง แบบหักโค่น
ซึ่งสังคมไทยเราเคยมีบทเรียนใหญ่มาหลายครั้ง

ปรีดี พนมยงค์ เคยให้บทเรียนกับหนุ่มสาว
ด้วยการกล่าวว่า
(1)”จงพิทักษ์เจตนารมณ์ประชาธิปไตยสมบูรณ์ของวีรชน 14 ตุลาฯ”
และ
(2)”ตอนที่ข้าพเจ้ามีอำนาจ ข้าพเจ้าไม่มีประสบการณ์ แต่เมื่อข้าพเจ้ามีประสบการณ์แล้ว ข้าพเจ้าไม่มีอำนาจ”
แต่ อย่างที่ทราบ หนุ่มสาว และคนรุ่นใหม่ ไม่อาจพิทักษ์เจตนารมณ์ประชาธิปไตยสมบูรณ์ของวีรชน 14 ตุลาฯ ตาม(1)เอาไว้ได้
ด้วยความปรารถนาที่จะเปลี่ยนแปลงสังคมอย่างรวดเร็ว ทันใจ ผ่านการ “ปฏิวัติหักโค่นสิ่งเก่า” ลงเสียโดยไว
จึง “หันเห” ไปสู่แนวทางสังคมนิยมและคอมมิวนิสต์
ทำให้เกิดการปะทะอย่างรุนแรงกับกลุ่มอำนาจดั้งเดิม
นำไปสู่การสังหารโหดการเมือง 6 ตุลาคม 2519
มีนิสิตนักศึกษาหลายพันคนแห่เข้าป่า ทำสงครามประชาชนกับรัฐบาล
สร้างความเสียหายมากมายมหาศาลแก่ทั้งสองฝ่ายกว่าจะยุติสงครามประชาชนลงได้
และแม้เริ่มหวนคืนกลับสู่ความเป็นประชาธิปไตย
แต่ก็เป็นประชาธิปไตยที่ลุ่มๆ ดอนๆ

ตั้งแต่บัดนั้นจนบัดนี้ เราก็ยังไม่สถาปนาประชาธิปไตยอันแท้จริงขึ้นได้ แม้กระทั่งปัจจุบัน
นำไปสู่วิกฤตรุนแรงอย่างต่อเนื่อง
หลังรัฐธรรมนูญปี 2540 สังคมไทยได้สัมผัสสิ่งที่เรียกว่า ระบอบ “ทักษิณ” ซึ่งแม้จะประสบความสำเร็จ”มีอำนาจ”ในระยะแรกอย่างรวดเร็ว
แต่ที่สุดก็ต้องเผชิญกับแนวคิดอนุรักษ์ แนวชาตินิยม ต่อต้าน
จนทำให้ระบอบทักษิณถูกหักโค่นลง
มีการรัฐประหารที่ต่อเนื่อง 2 ครั้งพร้อมออกแบบรัฐธรรมนูญปี 2560 โดยหวังว่าจะทำให้ระบอบทักษิณ ที่เป็น สิ่งใหม่แปลกปลอมขึ้นมา ให้หายสาบสูญไป
แต่ในท่ามกลางการบดขยี้ดังกล่าวได้เปิดช่องให้เกิดพรรคคนหนุ่ม-คนสาว พรรคของคนรุ่นใหม่อย่าง “อนาคตใหม่” ขึ้นมา”ทดแทน-ท้าทาย”
อย่างเหนือความคาดหมาย จนก่อให้เกิดการสั่นไหวทางการเมืองอีกครั้ง
แน่นอนย่อมถูกจับตาจากฝ่ายครองอำนาจปัจจุบัน ว่า นี่จะเป็นหน่อเนื้อความคิดที่เป็นอันตราย ต่อระบอบของเขาหรือไม่
และเริ่มควบคุม ขจัด กำจัดให้พ้นไป อย่างที่เห็น

นอกจากประเด็นทางกฎหมายต่างๆ ที่พุ่งเป้าเข้าใส่พรรคอนาคตใหม่ ทั้งต่อบุคคลและองค์กร เพื่อควบคุมการเติบโตแล้ว
สิ่งที่บังเกิดในอดีต ทั้งต่อนายปรีดี ทั้งต่อนายทักษิณ ก็ย้อนรอยกลับมาสู่พรรคอนาคตใหม่ให้เรียนรู้ด้วย
เมื่อมีการหยิบเอาปูมหลังของคนในอนาคตใหม่ ทั้งเมื่อเป็นนักศึกษา อาจารย์ มาเล่นงาน ในฐานะผู้ที่มีทัศนะอันตรายต่อสถาบันหลักของชาติ
นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เป็นเป้าหมายแรกๆ ที่ถูกดำเนินการดังกล่าว
และที่สุดตอนนี้ ลามมาสู่พรรณิการ์ วานิช หรือช่อ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ และโฆษกพรรค ที่กำลังมีบทบาทโดดเด่นอย่างสูงในสภาขณะนี้
ภาพและข้อมูลเก่าๆ ในเฟซบุ๊กของ น.ส.พรรณิการ์ สมัยเป็นนิสิตจุฬาฯ ถูกปลุกให้เห็นว่ามีแนวคิดและทัศนะคดี “อันตราย” ต่อสถาบันหลักของชาติ
กระแส #อีช่อหนักแผ่นดิน ถูกปลุกขยายไปสู่วงกว้าง
เป็นภาวะอัน “สาหัส” ที่ น.ส.พรรณิการ์คงคาดไม่ถึงว่าจะถูกอดีตไล่ล่าเช่นนี้
จากนี้คงเป็นภาวะที่ต้องตั้งรับ และสรุปบทเรียนอย่างจริงจัง ว่าจะมีทางออกอย่างไร
ซึ่งมิใช่เพียงช่อ หรือ น.ส.พรรณิการ์เท่านั้น ที่ต้องคิด
หากแต่หมายถึงทุกคนในพรรคอนาคตใหม่ และคนรุ่นใหม่ด้วย
โดยเฉพาะคำกล่าวของนายปรีดีที่ว่า
“ตอนที่ข้าพเจ้ามีอำนาจ ข้าพเจ้าไม่มีประสบการณ์ แต่เมื่อข้าพเจ้ามีประสบการณ์แล้ว ข้าพเจ้าไม่มีอำนาจ”
——————