สิ่งแรกในพระพุทธศาสนา | สาวกรูปแรก

สิ่งแรกในพระพุทธศาสนา (9)

สาวกรูปแรก

หลังจากพระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมจักกัปปวัตตนสูตรอันว่าด้วยแนวทางที่ไม่พึงดำเนินและแนวทางที่พึงปฏิบัติเพื่อดับทุกข์แล้วต่อท้ายด้วยการอธิบายอริยสัจครบวงจรจบลง หัวหน้าปัญจวัคคีย์คือโกณฑัญญะก็ได้ “ดวงตาเห็นธรรม”

ดวงตาเห็นธรรม แปลมาจากบาลีว่า ธัมมจักขุ การที่โกณฑัญญะได้ดวงตาเห็นธรรม ก็คือได้เกิดความรู้เห็นตามเป็นจริงซึ่งธรรมชาติและธรรมดาของสิ่งทั้งหลาย ว่ามีการเกิดขึ้นเป็นธรรมดา มีการดับสลายเป็นธรรมดา

พระบาลีตรงนี้ว่า ยํ กิญฺจิ สมุทรยธมฺมํ สพฺพนฺตํ นิโรธธมฺมํ = สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีการเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งปวงมีการดับไปเป็นธรรมดา

ความรู้เห็นอย่างนี้เป็นความรู้เห็นด้วย “ตาใน” มิใช่ด้วยตาเนื้อ ทางพระพุทธศาสนาบอกว่า เป็นความรู้ระดับโสดาปัตติผล ผู้รู้เห็นอย่างนี้เรียกว่าเป็นพรธโสดาบัน พระอริยบุคคลระดับที่ 1

พระอริยบุคคลมีระดับด้วยหรือ?

บางท่านอาจคิดเช่นนี้ มีครับ มีถึง 4 ระดับแน่ะ คือ (1) พระโสดาบัน (2) พระสกทาคามี หรือสกิทาคามี (3) พระอนาคามี และ (4) พระอรหันต์

ระดับสุดท้ายนี้นับว่าสูงสุดยิ่งกว่าเหรียญทองโอลิมปิกอีก อ่านว่า “พระ-อะ-ระ-หัน” พจนานุกรมราชบัณฑิตยสถานฉบับปรับปรุงใหม่ให้อ่านว่า “ออ-ระ-หัน” ได้ บังเอิญผมไม่เชื่อพจนานุกรม ผมไม่อ่านตาม กลัวคนจะเข้าใจว่า “พระอรหันต์” ไม่ต่างอะไรกับ “อรหัน” สัตว์ในนิยายชนิดหนึ่งมีลักษณะครึ่งนกครึ่งคน

อรหันต์ประเภทด่าพ่อล่อแม่คน ท้าเตะปลายคางคนก็มีแล้วไม่อยากให้เลอะเทอะไปกว่านี้

หมายเหตุไว้ในแง่วิชาการว่า “ดวงตาเห็นธรรม” นั้น เป็นการรู้ความจริงระดับพระอนาคามีได้ด้วยพูดอีกนัยหนึ่งผู้ดวงตาเห็นธรรม เป็นไปทั้งพระโสดาบันและพระอนาคามี หลักฐานก็คือ เมื่อพระพุทธองค์เสด็จพุทธดำเนินจะไปโปรดชฎิลสามพี่น้องนั้น ทรงพบ “ภัททวัคคีย์” เด็กหนุ่มเจ้าสำราญ 30 คน กำลังตามหาสตรีที่ “ยกเค้า” เครื่องประดับของพวกเขาไป ขณะไปแสวงหาความสำราญอยู่ในสวนแห่งหนึ่ง พระพุทธองค์ตรัสเตือนว่า ให้แสวงหา “ตนเอง” ดีกว่าแสวงหาสตรี เมื่อพวกเขาได้ฟังธรรมเทศนาจากพระองค์แล้วก็ได้ “ดวงตาเห็นธรรม” แล้วทูลขอบวช

ตรงนี้พระอรรถกถาจารย์อธิบายว่า พวกภัททวัคคีย์ได้บรรลุเป็นพระอนาคามี

เรื่องมันเป็นเช่นนี้แหละครับ ท่านสารวัตร ผมจึงสรุปว่า “ดวงตาเห็นธรรม” มีทั้งระดับพระโสดาบัน และระดับพระอนาคามี

กล่าวถึงท่านโกณฑัญญะ เมื่อได้ดวงตาเห็นธรรมแล้ว พระพุทธองค์จึงตรัสเปล่งพระอุทานว่า อญฺญา สิ วต โภ โกณฺฑญฺโญๆ = โกณฑัญญะได้รู้แล้วหนอๆ

จากนั้นโกณฑัญญะก็ได้ทูลขอบวช พระพุทธองค์ก็ประทานการบวชที่เรียกว่า “เอหิภิกขุ อุปสัมปทา” ให้ พิธีกรรมไม่มี เพียงตรัสสั้นๆ ว่า “เอ หิ ภิกฺข = จงมาเป็นภิกษุเพื่อทำที่สิ้นสุดทุกข์เถิด” (ตรงนี้ถ้าผู้ขอบวชเป็นพระอรหันต์ ก็ไม่ต้องมีคำว่า “เพื่อทำที่สุดทุกข์” พระโสดาบันอย่างพระโกณฑัญญะ ยังไม่หมดกิเลสโดยสิ้นเชิง จึงตรัสอย่างนี้”

ท่านโกณฑัญญะจึงนับได้ว่าบวชเป็นพระสาวกรูปแรกในพระพุทธศาสนา คำว่า “อัญญา” ในคำว่า “อญฺญาสิ” ได้กลายมาเป็นคำนำหน้าชื่อของท่าน ท่านจึงปรากฏนามว่า “อัญญาโกณฑัญญะ” แต่บัดนั้นมา

การเกิดพระสาวกขึ้นครั้งแรก ทำให้เกิดพระรัตนตรัยครบ ก่อนหน้านี้มีเพียงพระพุทธเจ้าและพระธรรม เมื่อเกิดพระสงฆ์ขึ้น จึงเป็นพระรัตนตรัยครบถ้วน

วันนี้จึงเป็นวันสำคัญในพระพุทธศาสนา คือ เป็นกำเนิดแห่งวันอาสาฬหบูชาขึ้น ดังที่ชาวพุทธทราบกันดี

ที่คิดว่าทราบกันไม่ค่อยจะดีคือคำอ่าน อ่านว่า “อา-สาน-หะ-บู-ชา” ไม่ใช่ “อา-สา-ละ-หะ-บู-ชา”

แล้วอย่ายกพจนานุกรม มาเถียงล่ะครับผมไม่ฟังใครดอก พวกขาประจำน่ะ