ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 7 - 13 มิถุนายน 2562 |
---|---|
คอลัมน์ | วิถีแห่งอำนาจ |
ผู้เขียน | เสถียร จันทิมาธร |
เผยแพร่ |
วิถีแห่งอำนาจ เอี้ยก่วย/เสถียร จันทิมาธร
สถานการณ์ สร้างเอี้ยก่วย (194)
ในทางส่วนรวม การเข้าร่วมปฏิบัติการของเอี้ยก่วยครั้งนี้ไม่เพียงแต่สร้างความพ่ายแพ้ให้แก่ทัพมองโกลอย่างยับเยิน ไม่เพียงแต่ต้องสูญเสียข่านผู้มากด้วยบทบาท หากแต่ยังทำให้แผนยึดเมืองเซียงหยางต้องล้มเหลวอย่างไม่เป็นขบวน
กุบไลข่านจึงตัดสินใจถอนทัพ
ขณะที่ในทางส่วนตัวก็ได้มีส่วนอย่างสำคัญในการช่วยชีวิตก๊วยเซียง ธิดาคนเล็กของก๊วยเจ๋ง อึ้งย้ง ซึ่งมีบทบาทอย่างสำคัญในการต้านยันทัพมองโกล
อย่าได้แปลกใจเมื่อก๊วยเจ๋งนำทัพกลับถึงหน้ากำแพงเมืองเซียงหยาง ข้าหลวงใหญ่ลื่อบุ้นเต็กก็นำทหารคนสนิทตั้งแถวรอต้อนรับตั้งแต่แรก ย่ำกลอง รัวม้าฬ่อเป็นการใหญ่ ชาวเมืองก็หนุนเนื่องกันออกมาตั้งโต๊ะบูชาจุดธูปเทียนกราบไหว้
ก๊วยเจ๋งจูงมือเอี้ยก่วยรับสุราที่ราษฎรเสนอให้ส่งต่อให้เอี้ยก่วย
“ก่วยยี้ วันนี้เจ้าประกอบความดีความชอบใหญ่หลวง มิเพียงแต่สร้างชื่อเลื่องระบือทั่วแผ่นดิน ทหารและพลเรือนทั่วทั้งเมืองล้วนสำนึกในพระคุณ”
เอี้ยก่วยบังเกิดความตื้นตันใจ
“ก๊วยแป๊ะแปะ ผู้หลานเมื่อเยาว์วัย หากมิใช่ได้รับการอบรมเลี้ยงดูจากท่าน ไหนเลยมีทุกวันนี้”
ที่แล้วมาคนทั้ง 2 ล้วนซุกงำทุกเรื่องราวไว้ในใจ ไม่กล่าววาจาสำนึกบุญคุณคิดตอบแทน ยามนี้ดื่มสุราด้วยกัน 3 ถ้วย วีรบุรุษแห่งยุค 2 คนตีแผ่ความรู้สึกในใจออกมา รู้สึกว่าชีวิตคนดำเนินถึงขั้นนี้ยังมุ่งมาดปรารถนาใดอีกเล่า
ทั้ง 2 จูงมือกันเข้าเมือง ได้ยินทหารและพลเรือนที่ตั้งแถวอยู่ 2 ข้างทางเปล่งเสียงโห่ร้อง
เอี้ยก่วยพลันฉุกคิด “เมื่อ 20 กว่าปีก่อนก๊วยแป๊ะแปะก็จูงมือเราเช่นนี้ส่งเราขึ้นสู่ตำแหน่งเต้งเอี้ยง ภูเขาจงน้ำเพื่อกราบอาจารย์ร่ำเรียนวิชาฝีมือ ก๊วยแป๊ะแปะมีความจริงใจต่อเราไม่เคยเปลี่ยนผันมาก่อน แต่เราลำพองเหลวไหล
ทรยศอาจารย์หันหลังให้แก่สำนัก ก่อเหตุเภทภัยมากมาย หากแม้นสุดท้ายเราหลงเดินทางผิด ไหนเลยมีวันจูงมือกับเขาเข้าสู่ตัวเมืองเช่นนี้”
นึกถึงตอนนี้ถึงกับหลั่งเหงื่อเย็นยะเยียบจนชุ่มไปทั้งแผ่นหลัง
หากไม่ผ่านเหตุการณ์อันหนักหนาสาหัสตั้งแต่เข้าเกาะดอกท้อ ออกจากเกาะดอกท้อ ขึ้นเขาจงน้ำ หนีเข้าสำนักสุสานโบราณ ได้รับการฝึกวิชาฝีมือจากเซียวเล้งนึ่ง ไหนเลยเอี้ยก่วยจะมีอะไรติดตัวอย่างหนักแน่นเป็นจริงได้เพียงนี้
ที่สำคัญคือสถานการณ์ในงานเลี้ยงฉลองชัย
คํ่าคืนนั้นจวนข้าหลวงจัดงาน ลื่อบุ้นเต็กเชื้อเชิญเอี้ยก่วยนั่งที่นั่งตัวแรก เอี้ยก่วยไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยินยอม เกี่ยงงอนเป็นเวลานาน
ในที่สุด ยกให้อิดเอ็งไต้ซืออยู่อันดับแรก
รองลงมาเป็นจิวแป๊ะทง อึ้งเอี๊ยะซือ ก๊วยเจ๋ง อึ้งย้ง แล้วค่อยเป็นเอี้ยก่วย เซียวเล้งนึ่ง เย่ลุกชี้
สุราผ่านไปหลายรอบ ขุนนาง แม่ทัพ คหบดีภายในเมือง พากันมาคารวะสุราต่อก๊วยเจ๋ง เอี้ยก่วยและพวก ยกย่องเยินยอเหล่าผู้กล้า ประกอบความดีความชอบยิ่งใหญ่ มีวิทยายุทธ์ไร้ผู้ต่อต้าน ก๊วยเจ๋งหวนนึกถึงพระคุณของสำนักอาจารย์
“ครั้งกระโน้นหากมิใช่คูเต้าเจี้ยงแห่งสำนักช้วนจินถือคุณธรรม ซือแป๋ผู้มีพระคุณทั้ง 7 เดินทางไกลถึงมองโกล
กอปรกับอึ้งอึ้งซือ (ปรมาจารย์ผู้มีพระคุณแซ่อั้ง) ให้การอบรมสั่งสอน เราก๊วยเจ๋งไหนเลยประกอบความดีความชอบน้อยนิดนี้ได้ แต่วันนี้พวกเราร่วมชุมนุมดื่มกัน ซือแป๋ผู้มีพระคุณของข้าพเจ้านอกจากกัวเล่าอึงซือ (อาจารย์ผู้เฒ่าที่มีพระคุณแซ่กัว) แล้ว ท่านอื่นล้วนลาโลกไป ทำให้ผู้คนเศร้าเสียใจนัก”
อิดเอ็งไต้ซือและพวกล้วนสะทกสะท้อนรันทด
ก๊วยเจ๋งกล่าวต่อ “สถานการณ์ใหญ่ในที่นี้เมื่อคลี่คลาย วันพรุ่งข้าพเจ้าคิดเดินทางไปยังฮั้วซัวเพื่อเซ่นไหว้หลุมฝังศพของซือแป๋ผู้มีพระคุณ”
“ทั้งหมดร่วมทางกันโดยพร้อมเพรียงเป็นอย่างไร” เป็นคำถามจากเอี้ยก่วย
ที่ว่าสถานการณ์สร้างวีรบุรุษเป็นเช่นนี้เอง กิมย้งจัดวางบทบาทของเอี้ยก่วยอย่างเหมาะสมหลังจากมันคิดตกในหลายๆ เรื่อง
เรื่องหนึ่ง คือเรื่องอันเกี่ยวกับบิดาของมัน
เรื่องหนึ่ง คือเรื่องอันเกี่ยวกับความกินแหนงแคลงใจระหว่างเอี้ยก่วยกับก๊วยเจ๋ง อึ้งย้ง ที่ตกทอดมาตั้งแต่ยุคเอี้ยคัง บิดาของมัน
เรื่องหนึ่ง คือการได้พบประสบกันอีกครั้งกับเซียวเล้งนึ่งหลังจากพราก 16 ปีเต็ม
เส้นทางของเอี้ยก่วยก็ไปโลด และได้เข้าร่วมในการต่อสู้ขับไล่มองโกลอย่างแข็งขันเป็นที่ประจักษ์แก่สายตา