E-DUANG : พลันที่ “อ้อย” เข้าปาก “ช้าง” “ข้าวสาร”ก็กลายเป็นข้าวสุก

ไม่ว่าจะมองไปยังพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าจะมองไปยังพรรคภูมิ

ใจไทย ภายหลังสถานการณ์ในที่ประชุมรัฐสภา ตลอดวันที่ 5 มิถุ นายน

พลันที่ นายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฎ์ นำลูกพรรคขานชื่อ พล. อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

สรุปตามสำนวนจีนก็ต้องว่า “ข้าวสารกลายเป็นข้าวสุก”

พลันที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นำลูกพรรคขานชื่อ พล.อ.ประ ยุทธ์ จันทร์โอชา สรุปตามสำนวนไทยก็ต้องว่า “อ้อยเข้าปากช้าง”

อย่าได้แปลกใจหาก นายอุตตม สาวนายน จะคึกคัก อย่าได้แปลกใจหาก นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ จะคึกคัก

คึกคักกระทั่งพร้อมจะเปิด”ดีล”ใหม่ในทางการเมือง

 

แม้ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ จะออกมายืนยันในความเป็นเอก ภาพภายในพรรคพลังประชารัฐ แต่หากฟัง”น้ำเสียง”หลายน้ำเสียงอันปรากฏ

ไม่ว่าจะเป็น นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ไม่ว่าจะเป็น นายอนุชา นาคาศัย

ไม่แน่ใจนักว่าจะร้องเพลงเดียวกันกับ นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค ไม่แน่ใจนักว่าจะร้องเพลงเดียวกันกับ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค

เพราะว่าที่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน และ นายอนุชา นาคาศัย เน้นอย่างหนักแน่นก็คือ

ห่วงใยและผูกพันกับ “เกษตรกร” อย่างลึกซึ้ง

ยิ่งกว่านั้น ยังมีส.ส.อันเป็นลูกพรรคบางคนนอกจากออกมา แสดงความห่วงใยต่อ”เกษตรกร”แล้วยังยืนยันว่าจำเป็นต้องเข้าไปคุมกระทรวงเกี่ยวกับการคมนาคม ขนส่ง

เป็นเสียงจาก”ภายใน”ของพรรคพลังประชารัฐ

 

ก็ในเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เป็นนายกรัฐมนตรีแล้วเท่า กับว่า ที่เคยเป็น”ข้าวสาร” ได้กลายเป็น “ข้าวสุก”จากการหุงในวันที่ 5 มิถุนายน

ก็พร้อมกินแล้วอย่างเต็มที่

เท่ากับ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย ได้กลายเป็นเช่นเดียวกับ “อ้อย” ที่เข้าไปอยู่ภายในปากของ”ช้าง”แล้วอย่างบริบูรณ์

อย่างนี้สำนวนไทยเรียกว่า “หมูในอวย”ชัดแจ้ง เป็นจริง