ฟ้า พูลวรลักษณ์ | อ่านเหตุผลเหล่านี้ แล้วจะเห็นว่า “ระบบดิจิตอล” เปราะบาง(มาก)เหลือเกิน

ฟ้า พูลวรลักษณ์

หนังสือเรียนสำหรับเด็ก เล่มใหม่ (๓๐)

เมื่อฉันได้ยินเรื่องราวของ blockchain ฉันรู้สึกดีใจ และเตรียมตัวไว้สำหรับได้ใช้มันในวันหนึ่ง เพราะฉันอยากไปโรงพยาบาลไหนก็ได้ ที่ทุกโรงพยาบาลจะมีข้อมูลของฉันครบถ้วน หรือไปเลือกตั้ง โดยมีระบบนี้รองรับ ทำให้ไม่ต้องกังวลใจว่าจะมีการโกงเสียง

แน่ละเพราะมันเป็นเทคโนโลยีที่สูงขึ้น จึงมีข้อดีมากมาย

แต่ระบบนี้มีจุดอ่อน และหนุ่มสาวมากมายที่หน้าตาสดใส กำลังคิดถึงแต่ข้อดี แต่มองข้ามข้อเสียของมันไป นั่นคือการขุดทองต้องใช้พลังงานมหาศาล

ทุกวันนี้ การขุดทองใช้พลังงานไฟฟ้าที่ใช้ได้กับครอบครัวนับล้านครัวเรือน คนขุดทองจะคุ้มหรือไม่ พวกเขาไปคิดกันเอาเอง แต่ในสภาวะโลกที่กำลังเดินหน้าสู่สภาวะโลกร้อน มันควรทำหรือไม่

จริงอยู่ระบบ blockchain คนใช้งานมัน ไม่ต้องจ่ายเพิ่มให้ใคร เหมือนได้มาฟรี แต่ที่จริงมันไม่ใช่ของฟรี ผู้ที่จ่ายราคาให้กับมัน คือดาวเคราะห์โลก

สภาวะโลกร้อนนี้น่ากลัวยิ่งนัก หากเกิดขึ้นแล้ว มันกินเวลานานนับหมื่นๆ ปี หรือนานกว่านั้น กว่ามนุษย์จะกู้คืนกลับดังเดิม หากกู้ได้

หากมนุษย์มีแหล่งพลังงานสะอาดและราคาถูก การเกิดขึ้นของ blockchain ย่อมเป็นเรื่องดี แต่พลังงานของโลกทุกวันนี้ มันสกปรก และราคาแพง

เหมือนเรานั่งลิฟต์ขึ้นไปพันชั้น วูบเดียว เราวืดไปวืดมากับชั้นนับพันชั้น มันย่อมน่าตื่นเต้น น่าสนุก ยกเว้นแต่ว่า หากเราคิดถึงพลังงานที่ใช้มัน ทันใดนั้นเอง สิ่งที่ดีงามก็อาจไม่ได้ดีอย่างที่คิด มันอาจเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เรียกว่าความฟุ่มเฟือย

เราต้องเตรียมพร้อมอยู่เสมอกับสภาวะโลกร้อน หากโลกเราเข้าสู่สภาวะวิกฤต เราจะอยู่อย่างไร

ในวันที่เกิด sunstorm เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดในโลกหยุดทำงาน อินเตอร์เน็ตหายไป เครื่องบินจะร่วงจากฟ้า นาฬิกาดิจิตอลหยุดทำงาน แต่ที่น่าทึ่ง ยังมีบางสิ่งทำงานได้ เช่น นาฬิกาไขลาน

หากเราเร่งรีบ และฟุ่มเฟือย จนโลกนี้เข้าสู่วิกฤต เราจะถดถอยครั้งใหญ่

ในวันนั้น เราจะเหลือแต่โลว์เทคที่ทำงานได้ ไฮเทคทั้งมวลหยุดทำงานไปแล้ว

คนส่วนใหญ่ชอบคิดว่าข้อมูลที่ถูกเก็บไว้ในระบบไฮเทค จะคงทนถาวร แต่นั่นเป็นการเข้าใจผิด ข้อมูลที่ถูกเก็บในโลว์เทค กลับแข็งแรง ยืนนานกว่า

หนังที่ถ่ายด้วยฟิลม์อาจเก็บได้ยาวนานกว่าหนังที่ถ่ายด้วยระบบดิจิตอล

ทั้งนี้เพราะระบบดิจิตอลอยู่ได้ไม่นานก็จะชำรุด ก็จะล้าสมัย มันอยู่ได้เพราะมีการ update ข้อมูลอยู่เสมอ มีการเปลี่ยนที่บรรจุมันใหม่ หากทำอย่างต่อเนื่อง มันก็อยู่ได้ เหมือนจะเป็นนิรันดร แต่หากหยุดชะงัก ไม่ช้าข้อมูลเหล่านั้นก็จะสูญหายไป

ความเปราะบางของระบบดิจิตอล น่าหวาดเสียวยิ่งนัก คุณคิดถึงภาพถ่ายดิจิตอลซี กี่ภาพแล้วที่สูญหายไปอย่างไร้ร่องรอย แต่ภาพถ่ายที่เป็นฟิล์ม ล้าสมัย แต่กลับเก็บเอาไว้ได้นานกว่า

หากโลกนี้โดน disrupt อย่างรุนแรง เราจะพบว่า ข้อมูลที่ยังคงอยู่ กลับอยู่ในรูปของหนังสือ หรือสิ่งเก่าแก่ เชยๆ เช่น สิ่งที่จารึกลงบนโขดหิน อยู่ยืนนานเป็นแสนปี ระบบดิจิตอลอยู่ได้เพียงไม่กี่วัน

เรากำลังเพลินกับข้อดีของโลกอินเตอร์เน็ต แต่เราก็อาจมองข้ามไปด้วยว่า โลกอินเตอร์เน็ตได้สร้างข่าวลวงมากมาย และข่าวลวงเหล่านี้มีพัฒนาการจนแยกเกือบไม่ออก ว่าอะไรจริง อะไรเท็จ เราที่เคยคิดว่า โลกอินเตอร์เน็ตนี้จะมาสร้างสันติภาพ ความก้าวหน้าครั้งใหญ่แก่มวลมนุษยชาติ เราอาจตกตะลึง พบว่า ก่อนจะถึงวันนั้น โลกถูกทำลายไปเรียบร้อยแล้ว ด้วยข่าวปลอมที่แพร่ระบาดในโลกอินเตอร์เน็ต และมีผลร้ายอย่างสุดจะคำนวณได้

ทุกวันนี้ ฉันกลัวข่าวปลอมเป็นอันมาก บางแหล่งข่าว ฉันต้องใช้การสังเกตอย่างยาวนานหลายปี กว่าฉันจะรู้ว่ามันเป็นข่าวปลอม

ข่าวปลอมเกิดจาก

๑ มีคนมีเจตนาสร้างมันขึ้น เพื่อผลประโยชน์บางอย่าง

๒ เกิดขึ้นโดยไม่มีเจตนา คนเสนอข่าวนี้ มีความจริงใจ แต่พวกเขาเข้าใจผิด

เราจะแก้ปัญหาโลกร้อนได้อย่างไร ปัจเจกชนทำอะไรได้น้อยมาก และไม่เพียงพอ ไม่ทันกาล คือมันน้อยไป และช้าไป

ความผิดของมนุษย์เกิดจากความมักง่าย เช่น สมัยหนึ่ง มนุษย์ค้นพบพลาสติก พบว่ามันมีประโยชน์มากมาย เช่น เอามาทำถุงพลาสติก ใช้กันทั่วไปในทุกร้านค้า แต่ทันทีที่มันถูกค้นพบ มนุษย์ก็รู้ตัวว่าสิ่งนี้ เวลาทิ้ง จะไม่ย่อยสลาย นานนับแสนปี แต่ความมักง่ายทำให้มนุษย์ละเลยปัญหาข้อนี้ มันจึงกลายเป็นปัญหาในวันนี้

ขยะมากมายนับล้านล้านตันที่เป็นพลาสติก จะทำยังไง เพราะมันไม่ยอมย่อยสลาย

หากเรารู้แต่แรก รัฐไม่ควรอนุญาตให้ใช้ของแบบนี้ เป็นบาปอย่างยิ่ง ที่เราจะสร้างปัญหาให้โลกวันข้างหน้า ทันทีที่รัฐไม่อนุญาตให้ผลิต หรืออนุญาตแบบมีเงื่อนไข มนุษย์จะต้องปรับตัวทันที เช่น เวลาเราไปซูเปอร์มาร์เก็ต เราจะเรียนรู้ที่จะใช้วัสดุอื่น เช่น ถุงผ้า มันจะกลายเป็นความเคยชิน หากวันนั้นเราลืมเอาถุงผ้าไป เราก็ไปซื้อใบใหม่ ซึ่งมีแขวนเกร่อ อยู่ภายในซูเปอร์มาร์เก็ตนั้นเอง

เพียงเท่านี้ รัฐก็กำจัดขยะที่เป็นถุงพลาสติกไปเรียบร้อย นับไม่ถ้วน

จริงอยู่ เราทำดีที่สุด ฉันทุกวันนี้ เวลาไปซื้อของในซูเปอร์มาร์เก็ต ฉันจะเอาถุงผ้าใบใหญ่ไปด้วย มันช่วยประหยัดถุงพลาสติกของที่ร้านได้นิดหน่อย แต่มันมีผลเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเอง

สิ่งที่เร็วและมีพลังมาก คือรัฐ

ปัญหาโลกร้อน จะป้องกันได้ด้วยการทำงานของรัฐ

หากฉันเป็นรัฐ ฉันจะทำในสิ่งง่ายๆ แต่ได้ผลฉับพลัน เช่น การให้ภัตตาคารและร้านอาหารทั้งประเทศ ไม่ทำอาหารที่ใช้เนื้อสัตว์ในทุกวันจันทร์

การออกกฎหมายให้ทุกร้านอาหารห้ามทำอาหารที่มีเนื้อสัตว์ในทุกวันจันทร์นี้ หากมองแบบคนไม่สนใจสภาวะโลกร้อนเลย จะรู้สึกว่าบังคับมากไป รุนแรงไป

แต่หากคนที่สนใจปัญหาสภาวะโลกร้อน จะพบว่า นี้เป็นการกระทำที่เรียบง่าย มีผล เพราะอาหารที่เป็นเนื้อสัตว์ ดาวเคราะห์โลกต้องจ่ายราคาหนักกว่า เราต้องการลดโหลดภาระของโลก

อาหารมังสวิรัตินั้น น่ากินออก อร่อย และเป็นโจทย์ที่ท้าทายความคิดสร้างสรรค์ ภัตตาคารทั้งประเทศ ย่อมมีทางออก พวกเขาย่อมสามารถรังสรรค์อาหารที่น่ากิน อร่อย โดยไม่มีเนื้อสัตว์อยู่เลยได้ หากพวกเขาเกียจคร้าน ไม่อยากทำ ไม่อยากคิด ก็ตามใจ พวกเขาก็ปิดร้านในทุกวันจันทร์

ส่วนประชาชนที่บอกว่า ทนกินอาหารมังสวิรัติไม่ได้ พวกเขาขาดเนื้อสัตว์แม้แต่วันเดียวก็ไม่ได้ พวกเขาก็ต้องไปทำกินเองที่บ้าน

นี้คือการทำงานของรัฐ มันกระทบความเป็นอยู่ ความเคยชินของประชากร แต่ที่สำคัญคือ นี้คือจิตสำนึกที่ดีงาม นี้คือความรักและห่วงใยดาวเคราะห์โลก ปัญหาโลกร้อนคือ การบ่งบอกว่าดาวเคราะห์โลกของเรา ทำงานหนักเกินไป เรามาช่วยกันลดโหลดงานเหล่านั้น

การทำรถไฟฟ้า แทนที่รถที่ใช้น้ำมัน ช่วยโลกได้ แต่มันเป็นระบบที่ต้องใช้เงินเยอะ ต้องปรับเปลี่ยนระบบ logistics อย่างซับซ้อน ในขณะที่การชักชวนให้ชาวโลกเรียนรู้ที่จะลดการรับประทานเนื้อสัตว์ เป็นอะไรที่เรียบง่าย แทบจะไม่มีต้นทุน

หากทำแล้วดี ประชาชนเริ่มหันมานิยมการทานมังสวิรัติมากขึ้น ภัตตาคารเหล่านั้น เริ่มมีอาหารมังสวิรัติจานเด็ด พฤติกรรมของมนุษย์จะเปลี่ยนไปทีละนิด

โดยไม่รู้สึกตัว เราก็เปลี่ยนให้เป็นสองวัน คือทุกวันจันทร์และวันศุกร์

เท่ากับรัฐช่วยโลก ช่วยทีละนิด