เปิดปฏิบัติการDSI ทลายแก๊งเงินกู้ดอกโหด! ผงะเหยื่ออื้อ1.7แสนคน แฉบิ๊กมีสี-เข้าพัวพันคดี

ถือเป็นปฏิบัติการกวาดล้างแก๊งอาชญากรรมครั้งใหญ่ส่งท้ายปี 2559

เมื่อดีเอสไอ สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปปง. บุกเข้าทลายแก๊งเงินกู้ชื่อดัง

ที่เริ่มขบวนการเครือข่ายตั้งแต่ปี 2554 ขยายจนมีผู้ร่วมขบวนการไม่ต่ำกว่า 3 พันคน มีเงินหมุนเวียนกว่า 4 พันล้านบาท

ที่สำคัญมีคนมีสี และคนในแวดวงข้าราชการพัวพันนับพันราย

หลอกลวงประชาชนตกเป็นเหยื่อกว่า 1.7 แสนคน

แม้จะอายัดทรัพย์สินได้กว่า 150 ล้านบาท ตัวการสำคัญก็ยังลอยนวล

เป็นหน้าที่ของเจ้าพนักงานต้องเร่งดำเนินการต่อไป%e0%b8%94%e0%b8%b5%e0%b9%80%e0%b8%ad%e0%b8%aa%e0%b9%84%e0%b8%ad2

ดีเอสไอทลายแก๊งเงินกู้

การทลายแก๊งเงินกู้ครั้งนี้เปิดเผยขึ้นเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม โดย พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อม พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รองอธิบดีดีเอสไอ พล.ต.ต.ถาวร ขาวสอาด ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี พ.ต.อ.วรรณพงษ์ คชรักษ์ รอง ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงผลบุกค้นจับกุมขบวนการปล่อยหนี้นอกระบบรายใหญ่ของประเทศ

โดยมีเครือข่ายผู้ร่วมกระทำความผิดมากกว่า 2 พันราย มีประชาชนเป็นลูกหนี้ประมาณ 1.7 แสนคนทั่วประเทศ รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ยึดและอายัดกว่า 150 ล้านบาท

ทั้งนี้ ปฏิบัติการดังกล่าวเริ่มต้นเมื่อช่วงเช้าวันที่ 20 ธันวาคม เมื่อเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายสนธิกำลังบุกค้นพื้นที่เป้าหมายทั้งหมด 26 จุด ในพื้นที่ จ.ปทุมธานี เชียงใหม่ สงขลา และขอนแก่น

สามารถยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด ได้แก่รถยนต์ 26 คัน จักรยานยนต์ 86 คัน ตู้นิรภัย 14 ตู้ ธนบัตรไทย และสกุลเงินต่างประเทศ อุปกรณ์สื่อสารและของมีค่าหลายรายการ

รวมถึงการอายัดบัญชีเงินฝาก 28 เล่ม อาวุธปืน 4 กระบอก กระสุนปืน 309 นัด โฉนดและสิ่งปลูกสร้าง 5 แปลง

มูลค่ากว่า 150 ล้านบาท

และเมื่อเปิดตู้เซฟของกลาง ก็พบเงินสดอีกร่วมล้านบาท เอกสารหลักฐานใบเงินกู้ อาวุธปืนและเครื่องกระสุน พระเครื่อง ผ้ายันต์เลสเตอร์ของเจ้าคุณธงชัย

ซึ่งทั้งหมดเก็บไว้เป็นของกลางในคดี

สำหรับผู้ต้องหา สามารถจับกุมได้ 1 ราย คือ นายไชยวุฒิ วิวัฒนอารีกุล ทำหน้าที่ดูแลเรื่องไอที และระบบการจัดเก็บเงินกู้ที่เชื่อมโยงทั้งส่วนกลางและภูมิภาค

นอกจากนี้ สามารถขยายผลไปยังตัวการสำคัญได้อีกหลายราย โดยพบว่าระดับหัวหน้าแก๊ง ก็คือ นายวิชัย ปั้นงาม นักธุรกิจที่มีชื่อเป็นหุ้นส่วนบริษัทหลายแห่ง

โดยเบื้องต้นคาดว่าจะสามารถจับกุมตัวได้ ภายในบ้านพักหมู่บ้านรัตนโกสินทร์ 200 ปี จ.ปทุมธานี แต่กลับเป็นว่านายวิชัย จองตั๋วเครื่องบินไว้ล่วงหน้า จึงต้องอยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวนว่าเจ้าตัวจะรู้แผนปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ก่อนหรือไม่ ทำให้ไหวตัวหนีทัน

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะขยายผลติดตามจับกุมผู้เกี่ยวข้องในเครือข่ายที่พบว่าน่าจะมีอยู่กว่า 2-3 พันคนทั่วประเทศ

%e0%b8%94%e0%b8%b5%e0%b9%80%e0%b8%ad%e0%b8%aa%e0%b9%84%e0%b8%ad3

แฉเก็บดอกร้อยละ 300 ต่อปี

สําหรับขบวนการดังกล่าว รู้จักกันดีในชื่อแก๊งหมวกกันน็อก ที่ออกปล่อยเงินกู้ให้เหยื่อทั่วประเทศกว่า 1.7 แสนราย โดยกระทรวงยุติธรรมได้รับเบาะแสทางการข่าวทั้งทางเปิดและทางลับ

จึงสั่งการให้ดีเอสไอไปสืบสวน โดยใช้เวลานานกว่า 2 ปี จนพบว่าเครือข่ายดังกล่าวเริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2554 โดยมีเครือข่ายสาขาย่อย 86 สาขาทั่วประเทศ

เงินหมุนเวียนในระบบกว่า 4 พันล้านบาท

มีการปกปิดแอบเปิดบริษัทประกอบกิจการอื่นๆ บังหน้า โดยบางบริษัทก็ปิดกิจการไปแล้ว และบางบริษัทก็จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย แต่ไม่ได้มีการประกอบกิจการตามที่ระบุไว้ อีกทั้งยังพบว่ามีองค์กรต่างๆ ในการสนับสนุน ทั้งกลุ่มไอที กฎหมาย และผู้มีอิทธิพล

ต่อมาเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2559 ดีเอสไอมีมติเห็นชอบให้รับคดีดังกล่าว ซึ่งเป็นกรณีขบวนการปล่อยเงินกู้นอกระบบในอัตราดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดเป็นคดีพิเศษ

สำหรับพฤติการณ์ พบว่าขบวนการดังกล่าวมีการคิดดอกเบี้ยเงินกู้อยู่ที่ร้อยละ 20-25 ต่อวัน โดยดอกเบี้ยต่อปีอยู่ที่ร้อยละ 300

หากใครตกเป็นเหยื่อ โอกาสจะหลุดจากวงโคจรดังกล่าวแทบไม่มีเลย เพราะดอกเบี้ยจะทบเงินต้น และจะมีแก๊งทวงหนี้สวมหมวกกันน็อกปิดบังใบหน้า ออกตระเวนทวงหนี้ ใครไม่ให้ก็จะทำร้ายร่างกาย พร้อมยึดทรัพย์สิน พร้อมขู่เอาชีวิต ทำให้เหยื่อไม่กล้าพึ่งพากฎหมาย

ยิ่งไปกว่านั้นยังพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องอีกกว่า 1 พันคน โดยทำหน้าที่เข้าไปไกล่เกลี่ย ใช้อำนาจบังคับให้ลูกหนี้จ่ายเงิน โดยแลกกับเงินใต้โต๊ะเป็นค่าเคลียร์คดี

เบื้องต้นทราบหมายเลขโทรศัพท์ของเจ้าหน้าที่รัฐเหล่านี้แล้ว เตรียมสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินการตามกฎหมาย

นอกจากนี้ ยังประสานไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ ปปง. เพื่อให้ตรวจสอบเส้นทางทางการเงินของเครือข่ายนี้รวมถึงหาแนวทางเยียวยากลุ่มลูกหนี้ด้วย

กวาดล้างเจ้าหน้าที่นอกรีตออกไปให้หมด

พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม
พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม

เผยบิ๊กมีสีเข้ามาวุ่นคดี

ภายหลังการปฏิบัติการจับกุม พ.ต.อ.ดุษฎี เผยว่า สำหรับหัวโจกคนสำคัญ ซึ่งก็คือ นายวิชัย ปั้นงาม มีถิ่นฐานพื้นเพเดิมเป็นคน จ.อุทัยธานี ปัจจุบันย้ายมาอยู่ที่ จ.ปทุมธานี

เครือข่ายส่วนใหญ่เป็นคนที่มีภูมิลำเนาจาก จ.อุทัยธานี พาหนะร้อยละ 90 ที่ใช้ปฏิบัติการทวงหนี้ ใช้ทะเบียน จ.อุทัยธานี ส่วนใหญ่มาจาก อ.ท่าซุง

อย่างไรก็ตาม การติดตามเอาผิดนายวิชัยก็ทำได้ไม่ง่ายนัก เพราะมีคนดูแลเครือข่ายเป็นโยงใยซับซ้อน หลายชั้น มีการคัตเอาต์ก่อนถึงนายวิชัย และเช่าเซิร์ฟเวอร์ป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่สืบรู้ความลับ เบื้องต้นพบว่านายวิชัย เคยถูกตรวจสอบเมื่อ 3-4 ปีก่อน แต่ไม่มีหลักฐาน

“นอกจากนี้ ยังพบรายชื่อเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ทำหน้าที่เคลียร์คดีจำนวนมาก มีชื่อเล่น เบอร์โทรศัพท์ ทำงานที่โรงพักไหน สีอื่นสังกัดอะไรบ้าง ซึ่งต้องดูต่อว่าบุคคลดังกล่าวเป็นใคร แต่เป็นเป้าหมายในการกวาดล้างผู้มีอิทธิพล”

ทั้งนี้ ในระหว่างจับกุม พ.ต.อ.ดุษฎี ได้โทรศัพท์พูดคุยกับนายวิชัย ที่เดินทางไปต่างประเทศ โดยบอกว่าให้เลือกว่าจะอยู่ต่างประเทศไปตลอดชีวิต หรือจะกลับมามอบตัวต่อสู้คดี ซึ่งเจ้าตัวบอกว่าจะขอวางแผนมอบตัวอีกที

แต่หากมีหลักฐานเชื่อมโยง ก็ต้องดำเนินการแน่นอน

พ.ต.อ.ดุษฎี ยังระบุอีกว่า ก่อนหน้านี้เสนอรายชื่อผู้มีอิทธิพล 3,000 ราย ที่ไม่ตรงกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) และส่งให้ รมว.ยุติธรรมไป

หลังจากมีข่าว คนที่คิดว่าเป็นผู้บงการหรืออยู่เบื้องหลัง แต่หลักฐานไปไม่ถึง ซึ่งก็เป็นบิ๊กคนมีสี เข้ามาถามผมเหมือนกัน ถามว่ามีนายวิชัยเข้าไปเกี่ยวข้องไหม เพราะหนึ่งในสามเป็นเรื่องหนี้นอกระบบ

เขาถามผมว่าจะให้ดูแลยังไง ผมบอกว่าดูแลไม่ไหวหรอก อย่ามาดูแลเลย ให้ผมทำงานเถอะ ถ้าจะดูแลต้องดูแลลูกหนี้ทั้งหมด 200,000 คน ก็ต่างคนต่างอยู่กันไป

เรื่องนี้ไม่ได้บอกผู้ใหญ่ เพราะก่อนหน้านี้ส่งประวัติผู้มีอิทธิพล 3,000 รายขึ้นไปก็ยังนิ่งอยู่ แม้ว่าผู้ใหญ่คนนี้ไม่ได้อยู่ในบัญชีดังกล่าว และปัจจุบันยังรับราชการอยู่

ขณะที่ พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวว่า ดีเอสไออยู่ระหว่างการตรวจสอบรายชื่อเจ้าหน้าที่รัฐที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าว บางคนเป็นชื่อเล่น หรือชื่อที่ในวงการเรียกขานกัน เช่น จ่าดำ จ่าแดง ตามที่ชาวบ้านเรียก

บางครั้งก็ไม่ได้หมายความว่าคนเหล่านี้จะเป็นเจ้าหน้าที่จริง บางคนอาจจะเคยเกณฑ์ทหารหรือเคยรับราชการมานานมากแล้ว ดังนั้น ทุกอย่างต้องตรวจสอบให้แน่ชัด หากพยานหลักฐานเกี่ยวพันเชื่อมโยงก็จะต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

รายงานแจ้งว่าจากการตรวจสอบเซิร์ฟเวอร์ มีประมาณ 500,000 ไฟล์ นอกจากนี้ จะเร่งดำเนินการปูพรมสนธิกำลังตรวจค้นเป้าหมายและสาขาที่เหลือของขบวนการปล่อยเงินกู้รายดังกล่าว

ส่วนความเคลื่อนไหวของนายวิชัย นายพรชัย จงสุขศรี ทนายความผู้รับมอบอำนาจ ส่งหนังสือถึงอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ขอเลื่อนนัดมอบตัว

โดยระบุว่า ตามที่เคยแจ้งว่าจะเข้ามอบตัวเมื่อวันที่ 23 ธันวาคมที่ผ่านมา ปรากฏว่านายวิชัยติดภารกิจสำคัญต้องดำเนินการเร่งด่วน จึงขอเลื่อนเข้ามอบตัวไปอีกระยะหนึ่ง

แต่ก็ยืนยันว่าพร้อมจะเข้ามอบตัวแน่นอน

ที่เหลือก็ว่ากันตามพยานหลักฐาน