วิถีแห่งอำนาจ เอี้ยก่วย/เสถียร จันทิมาธร /กำราบ กิมลุ้นฮวบอ้วง (193)

เสถียร จันทิมาธร

วิถีแห่งอำนาจ เอี้ยก่วย/เสถียร จันทิมาธร

กำราบ กิมลุ้นฮวบอ้วง (193)

 

ความจริง กิมลุ้นฮวบอ้วงมั่นใจว่าจะกำชัยได้ พลันถูกฝ่ามือกำสรดวิญญาณสลายฟาดใส่หัวไหล่ต้องส่ายร่างโงนเงน ในใจทั้งแตกตื่น ทั้งเดือดดาล

พลันถาโถมเข้าหา เอี้ยก่วยถอย กายหลบเลี่ยง

จากนั้นใช้ออกด้วยท่า “วิญญาณไม่อยู่กับตัว” (ซิ้งปุกสิ่วเสี่ย) ตามด้วยท่า “ฝืนทวนความประพฤติ” (ต้อเที้ยเง็กซี) ตามด้วยท่า “เลื่อนลอยราวสูญเสีย” (เยียกอู่ซอซิก) ติดต่อกัน 3 กระบวนท่า

พร้อมกับตวัดเท้าเตะออกด้วยท่า “ซากศพที่เดินได้” (เกี้ยซีเจ้าเน็ก)

เท้านี้ยามเตะออกเคลิบเคลิ้ม เลื่อนลอย คล้ายมี คล้ายไม่มี เลือนราง ไม่ชัดเจน ยากที่จะตั้งรับ ยากที่จะหลบเลี่ยง

เสียงโครมเมื่อทรวงอกกิมลุ้นฮวบอ้วงถูกเตะ

ที่ตามมาอย่างฉับพลันคือเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดจากกิมลุ้นฮวบอ้วง อ้าปากกระอักโลหิต ร่างพลิกร่วงลงจากหอสูง

นี่คือสภาพพลิกเปลี่ยนแปรผันอย่างรวดเร็ว

ทหารซ้องกับทหารมองโกลพากันส่งเสียงร้องออกมาราวกับนัดกันไว้ ทหารซ้องส่งเสียงร้องด้วยความยินดี

แม่ทัพนายกองมองโกลอุทานด้วยความตระหนก

 

กิมย้งบรรยายสภาพตามสำนวนแปล น.นพรัตน์ ว่า ยามนี้หอสูงส่ายโคลงเคลง บังเกิดเสียงดังเอี้ยดอ้าด เอี้ยก่วยทราบว่าเรื่องราวรีบร้อนคับขันไม่ทันแก้มัดให้แก่ก๊วยเซียง ผลักดันฝ่ามือออกกระแทกไม้ที่ใช้มัดร่างของนางหักกลาง

โอบอุ้มนางและไม้ขึ้นกระโดดปราดไปบนหลังของพี่อินทรี

อินทรีขยับปีกขึ้นสูงวาเศษ นกตัวนี้น้ำหนักตัวมากไม่สามารถโบยบิน แต่การกระโดดครั้งนี้ยังทำได้สูงกว่าผู้คนหลายช่วงตัว เอี้ยก่วย ก๊วยเซียง ทิ้งตัวลงบนหลังอินทรีอย่างมั่นคง ร่อนลงสู่พื้นอย่างแช่มช้า ท่ามกลางควันไฟแลบพุ่ง

บังเกิดเสียงระเบิดติดต่อกัน หอสูงถล่มลง

กล่าวทางด้านกิมลุ้นฮวบอ้วงถูกเอี้ยก่วยเตะมาตรแม้นรับบาดเจ็บสาหัสแต่ยังคิดดิ้นรนมีชีวิตรอด กลิ้งตัวทอดหนึ่ง ขณะจะลุกขึ้นยืนพลันได้ยินที่ด้านหลังบังเกิดเสียงหัวร่อฮาฮาฮา คนผู้หนึ่งกอดเอวกิมลุ้นฮวบอ้วงกดร่างสู่พื้น

กิมลุ้นฮวบอ้วงรู้สึกคล้ายมีเข็มพันเล่ม ลูกเกาทัณฑ์หมื่นดอก ทิ่มแทงใส่ร่างโดยพร้อมเพรียงกัน ที่แท้ผู้ที่กดร่างกิมลุ้นฮวบอ้วงคือ เฒ่าทารก จิวแป๊ะทง

สถานการณ์ตอนนี้สมควรให้ความสำคัญ

 

จิวแป๊ะทงสวมเกราะอ่อนขนเม่นซึ่งเป็นของวิเศษประจำเกาะดอกท้อ เกราะวิเศษชุดนี้เต็มไปด้วยหนามแหลม มีสภาพคล้ายขนเม่น

กิมลุ้นฮวบอ้วงรับบาดเจ็บสาหัสจากพลังฝ่ามือและเพลงเตะเอี้ยก่วย

พอถูกจิวแป๊ะทงโอบกอดแล้วจับกด ไหนเลยขยับดิ้นรนได้ หอสูงพอถล่มลง จิวแป๊ะทงพุ่งถอยหลบเลี่ยง กิมลุ้นฮวบอ้วงกลับถูกทับอยู่ใต้เสาอัคคี

สถานการณ์พลิกผันแปรเปลี่ยนจริงๆ

โดยเฉพาะเมื่อเอี้ยก่วยเปล่งเสียงร้องขึ้น “ลามะโฉดแม้ตกตาย ทหารข้าศึกยังไม่แพ้พ่าย พวกเราต้องทำศึกใหม่ ท่านเหน็ดเหนื่อยหรือไม่”

3 ประโยคแรกเต็มไปด้วยความฮึกเหิม อาจหาญ

1 ประโยคสุดท้ายกลับเปลี่ยนเป็นนุ่มนวล ปลอบประโลมใจ

ได้ยินดังนั้นเซียวเล้งนึ่งยิ้มเล็กน้อย กล่าวว่า “ท่านบอกว่าบุกก็บุกเถอะ” สิ้นคำเซียวเล้งนึ่ง เอี้ยก่วยจูงม้าศึกสำนองรับอย่างฮึกเหิม

“ข้าพเจ้าขอเบิกทาง ทั้งหมดบุกโดยพร้อมเพรียง”

 

พูดจบเอี้ยก่วยกระโดดขึ้นบนหลังม้าควบขับออกไป เซียวเล้งนึ่งกับก๊วยเซียงขี่ม้าคนละตัว ติดตามอยู่ด้านหลัง

ทั้ง 3 ควบม้าลงใต้

เห็นบันไดหลายร้อยสายยกตั้งอยู่นอกกำแพงเมืองเซียงหยาง ทหารมองโกลปีนป่ายขึ้นไปราวกับมดปลวก

แต่พอปะกับธงอัคคีของเอี้ยก่วย เยลุกชี้ โบกสะบัด

ทหารมองโกลพอเฉียดกรายเข้าใกล้ล้วนถูกเผาจนใบหน้าพุพอง ต่อให้ทหารมองโกลเหี้ยมหาญดุดันก็มิอาจไม่ล่าถอย

แผนสยบมองโกลจึงประสบความสำเร็จอย่างมีชัย