หน้า8 : ข่าวดี-ข่าวร้าย

มีทั้ง “ข่าวดี” และ “ข่าวร้าย” มาบอก

เริ่มจาก “ข่าวดี” ก่อน

การส่งออกเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 10.2%

สูงที่สุดในช่วง 9 เดือน

ข่าวนี้ถือเป็น “ข่าวดี” อย่างยิ่ง เพราะการส่งออกของไทยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาแย่ลงเรื่อยๆ

แทบจะไม่มี “ข่าวดี” ให้ได้ยินเลย

ตัวเลข 10.2% จึงเป็น “ข่าวดี”

คำถามสำคัญก็คือ “ข่าวดี” แบบนี้จะเป็นเหมือน “ผีพุ่งไต้” หรือไม่

สว่างแวบให้เห็นเดือนเดียวแล้วก็หายไป

หรือจะเป็น “แสงอาทิตย์” ยามเช้า ที่จะแผดแสงแรงกล้าต่อไปเรื่อยๆ

นั่นคือ “ข่าวดี” ของเศรษฐกิจไทย

 

ส่วน “ข่าวร้าย” นั้นเริ่มจากข่าว “ตั๋วบี/อี” หรือตั๋วแลกเงินระยะสั้น ของเคซี พร็อพเพอร์ตี้ ผิดนัดชำระหนี้

ตามมาด้วยตั๋วบี/อี ของบริษัทอินเตอร์ ฟาร์อิสต์ฯ หรือ “ไอเฟค”

เป็นสัญญาณ “ควัน” ที่น่าจับตามองว่าเป็นการยกระดับต่อจาก “หนี้เสีย” ของธุรกิจเอสเอ็มอีที่เริ่มขยายวงขึ้น

เพราะ “เคซี-ไอเฟค” เป็นบริษัทขนาดใหญ่พอสมควร

มีทุนจดทะเบียนเกิน 1,000 ล้านบาท

และอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

แม้ทุกฝ่ายจะเชื่อว่ากรณีตั๋วบี/อี ของ 2 บริษัทนี้จะไม่ลุกลาม

แต่ต้องเฝ้าระวังให้ดี

 

ตามมาด้วยเรื่องใหญ่ระดับ “ชุดใหญ่ไฟกะพริบ”

เป็นเรื่องตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา

ถ้า “การส่งออก” คือ เครื่องยนต์เศรษฐกิจที่ปีกซ้ายเครื่องบิน “ประเทศไทย”

“การท่องเที่ยว” ก็เป็นเครื่องยนต์เศรษฐกิจปีกขวา

ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เครื่องยนต์เศรษฐกิจไทยฝั่งซ้ายที่ชื่อ “การส่งออก” ดับสนิท

เหลือเพียงเครื่องยนต์เดียวที่นำรายได้เข้าประเทศ คือ “การท่องเที่ยว”

โดยเฉพาะ “นักท่องเที่ยวจีน” ที่ทะลักเข้าเมืองไทยจนถือเป็นนักท่องเที่ยวหลักของไทย เพราะมีสัดส่วนสูงถึง 30% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด

แต่หลังจากรัฐบาลโยนระเบิดใส่ “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” ด้วยการปราบปรามแบบถอนรากถอนโคน

แทนที่จะค่อยๆ ดึง “กาฝาก” ที่เกาะต้นไม้ใหญ่ออก

กลับโค่นต้นไม้เพื่อกำจัด “กาฝาก”

ผลกระทบทางจิตวิทยาจึงรุนแรงมาก

และตัวเลขเริ่มปรากฏชัดในเดือนตุลาคม

และชัดเจนยิ่งในเดือนพฤศจิกายน

จากเดิมที่นักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วทุกเดือนในอัตรา 10-25% ทุกเดือน

แต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวจีนลดลง 16%

และเดือนพฤศจิกายน ลดลงหนักมาก…

29%

เดือนธันวาคมก็คงจะลดลงเช่นกัน

ไม่มีใครรู้ว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนจะกลับมาสู่สภาพปกติอีกครั้งเมื่อไร

ตอนนี้ก็ได้แต่ภาวนาให้เครื่องยนต์การส่งออกที่ดับไปกลับมาจุดติดอีกครั้งหนึ่ง

เพื่อทดแทนตัวเลขรายได้จากการท่องเที่ยวที่หายไป

นี่คือ “ข่าวดี” และ “ข่าวร้าย” ที่ต้องจับตามองกันในปีหน้า