พูดคุย-รู้จักตัวตน “2 นักแสดงดาวรุ่ง” ผู้รับบท “พิไล-บุญปลูก” ใน “กรงกรรม”

“กรงกรรม” ละครพีเรียดดราม่าสุดเข้มข้น ที่สร้างจากนิยายของ “จุฬามณี” หรือ “นิพนธ์ เที่ยงธรรม” ถือเป็นละครโทรทัศน์น้ำดีที่เพิ่งลาจอไปอย่างสวยงามและตรึงใจคนดู

วัดได้จากช่วงที่ละครออนแอร์ ซึ่งในโซเชียลมีเดียอย่างเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ล้วนมีแต่ภาพและชื่อของตัวละคร ทั้งเรณู, พิไล, แม่ย้อย, บุญปลูก, อาซา, อาตง ซึ่งถูกทำเป็นมีม (MEME) เต็มหน้าฟีดไปหมด

เพจเฟซบุ๊ก Feed ในเครือมติชน มีโอกาสสัมภาษณ์นักแสดงสาวสองรายผู้รับบทเป็นตัวละครเด่นในละครเรื่องนี้ นั่นคือ

“แพร พิชชาภา พันธุมจินดา” ดาราฝีมือเยี่ยม วัย 27 ปี ผู้สวมบท “พิไล” หญิงสาวผู้เพียบพร้อมไปด้วยฐานะ-การศึกษา แต่มีปมในใจเนื่องจากมีแม่เป็นเมียน้อย ซึ่งกำลังขึ้นแท่นเป็นนางร้ายหน้าสวยขวัญใจแฟนๆ

และ “น้ำฟ้า ธัญญภัสร์ ภัทรธีรชัยเจริญ” เด็กสาววัย 19 ปี ผู้รับบท “บุญปลูก” สาวรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ ลูกจ้างในร้านขายของชำของ “แม่ย้อย” (ใหม่ เจริญปุระ) ในอำเภอชุมแสง จังหวัดนครสวรรค์

นางร้ายฝีมือดีอย่างแพร พิชชาภา เล่าให้ฟังว่า นาทีที่รู้ว่าจะได้เล่นละครของ “อ๊อฟ-พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง” ก็รู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะที่ผ่านมาได้ติดตามผลงานของอ๊อฟ พงษ์พัฒน์ มาโดยตลอด

ต่อมาเมื่อรู้ว่าตนเองได้รับบทเป็น “พิไล” และได้อ่านบทละครร่วมกับนักแสดงคนอื่นๆ ก็รู้สึกได้ทันทีว่าตัวละครรายนี้มีชีวิต มีหลายมิติ และมีปมเยอะมาก

“ทำการบ้านเยอะมาก อย่างแรกเลยต้องอ่านบทให้ละเอียดว่าตัวละครพิไลมีความสัมพันธ์กับใครบ้าง โชคดีละครเรื่องนี้ แพรถูกรายล้อมไปด้วยนักแสดงมากฝีมือที่ช่วยกันสอนและส่งต่อพลัง ทำให้เกิดความกดดันที่กลายเป็นแรงผลักดัน ส่งผลให้ตัวละครพิไลมาถึงจุดนี้ได้”

ฉากที่เรียกเสียงปรบมือจากคนดูได้อย่างเกรียวกราวของ “พิไล” คือฉากไฮไลต์ที่ตัวละครสารภาพทุกอย่างที่เก็บไว้ในใจ ถือเป็นฉากที่ถ่ายทอดอารมณ์โกรธแค้นปนน้อยใจด้วยเวลายาวนานกว่า 7 นาที

“บทละครที่เล่นในฉากนี้มีความยาวกว่า 4 หน้ากระดาษเอสี่ ถือเป็นบทที่ยากที่สุดสำหรับตัวละครพิไล ที่จะต้องระเบิดปล่อยทุกอย่างที่คิดออกมา เป็นปมที่ต้นเรื่องไม่ได้เล่าไว้ และเราก็ไม่ได้ไปแสดงตรงนั้นมาก่อนว่าทำไมถึงเลว เลวเพราะอะไร

“แอบประหม่านิดหน่อยเมื่ออยู่ต่อหน้านักแสดงระดับท็อปทั้งนั้น ทำให้ทีมผู้กำกับฯ ต้องจัดคลาสเรียนสอนแอ๊กติ้งเพิ่มเติมให้ก่อนเข้าฉากนี้ เมื่อสำเร็จก็รู้สึกคุ้มค่ามากๆ”

แพร พิชชาภา ยังฝากขอบคุณแฟนละครที่ชื่นชอบ ติดตาม แสดงความคิดเห็น ทั้งติ-ชม ทำให้เธอมีกำลังใจในการทำงาน และยังให้ความสนใจตัวละคร “พิไล” อย่างละเอียด

“แฟนละครอินมาก เขามีปัญหากับรูจมูกแพรเต็มๆ คือแพรเป็นคนควบคุมรูจมูกไม่ได้ เวลาโกรธมันจะกระพือ มันเป็นอะไรที่น่ารัก เรารู้สึกว่าคนดูใส่ใจเรา คนดูติ-ชม-แนะนำเรามาตลอด ทุกข้อความมันมีความหมายกับเรามาก”

แม้บทบาทในละครจะดูร้าย แต่ตัวจริงของแพร พิชชาภา เธอเป็นสาวอารมณ์ดี เรียนจบมัธยมศึกษาตอนปลายจากโรงเรียนอัสสัมชัญ สมุทรปราการ ก่อนเข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยรังสิต คณะนิเทศศาสตร์ สาขาภาพยนตร์

จุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอหลงรักการแสดง เริ่มจากโอกาสที่ได้เรียนแอ๊กติ้งกับ “ครูเงาะ-รสสุคนธ์ กองเกตุ”

นั่นทำให้เธอเข้าใจทันทีว่า แอ๊กติ้งที่ถ่ายทอดออกมาไม่ใช่แค่การแสดง แต่คือการค้นหาความคิด-นิสัยของมนุษย์แต่ละคน แล้วเอามารวมอยู่ในตัวเอง เป็นศาสตร์ที่ล้ำลึก เป็นอะไรที่น่าค้นหา ทำให้รู้สึกว่ามนุษย์มีเสน่ห์

ส่วนความฝันสูงสุดในวงการบันเทิง แพรบอกว่า จุดที่เธอยืนอยู่ตอนนี้ มาไกลเกินกว่าสิ่งที่เธอคิดเอาไว้มากแล้ว การได้เข้ามาทำงานในวงการก็เป็นสิ่งที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน เพราะตนเองเป็นเพียงเด็กตัวเล็กๆ ที่ไม่ได้เป็นเด็กเรียน ไม่ได้เป็นเด็กกิจกรรม ไม่ได้โดดเด่นด้านใดด้านหนึ่ง

ความสำเร็จในวันนี้จึงนับเป็นเรื่องเกินความคาดหมาย

“บุญปลูก” คือลูกจ้างร้านชำ เธอเป็นเด็กสาวที่ซื่อสัตย์ พูดจาไม่ค่อยคิด มีแววตาดูใสซื่อ แต่สุดท้ายก็แอบได้เสียกับ “อาตง” อดีตสามีของ “พิไล” ลูกชายคนรองของ “แม่ย้อย” กระทั่งได้เป็นผู้ดูแลกิจการร้านขายของชำแห่งตลาดชุมแสงในท้ายที่สุด

น้ำฟ้า ธัญญภัสร์ เล่าว่า “บุญปลูก” เป็นตัวละครที่ผู้ชมอาจจะรู้สึกว่าเป็น “ผ้าขาว” แต่ความจริงแล้ว “บุญปลูก” ก็มี “ความเทา” อยู่ในตัวเอง เช่น การพูดโดยไม่คิด จนทำร้ายจิตใจตัวละครอื่นๆ ซึ่งลักษณะนิสัยดังกล่าวขัดแย้งกับตัวตนที่แท้จริงของเธออย่างสิ้นเชิง

“แม่สอนหนูเสมอว่าต้องคิดให้ดีก่อนจะพูดอะไรออกไป ช่วงเข้าฉากแรกๆ หนูจะติดคิดก่อนจะพูดออกมา แต่มันสะท้อนผ่านแววตาว่าเราคิด ทำให้ต้องปรับตัวอยู่เหมือนกัน ส่วนที่ตัวจริงเหมือนกับบุญปลูกน่าจะเป็นช่วงอายุ ความอดทน และความซื่อสัตย์ เพราะตอนนี้หนูเป็นนักแสดง หนูต้องรับผิดชอบงานของหนู”

นักแสดงรุ่นใหม่วัยไม่ถึง 20 วิเคราะห์สาเหตุที่ทำให้ “กรงกรรม” กลายเป็นละครทีวีที่ประสบความสำเร็จโกยเรตติ้งถล่มทลายว่า หากใครดูละครช่วงแรกๆ อาจจะรู้สึกว่านี่เป็นละครแม่ผัวตบตีกับลูกสะใภ้

แต่เมื่อดูต่อไปเรื่อยๆ จะค่อยๆ สัมผัสได้ว่าละครเรื่องนี้มีเนื้อหาสะท้อนเรื่องเวรกรรม สอนแง่มุมการใช้ชีวิตหลายๆ อย่าง ผ่านทุกตัวละครที่เป็นสีเทา ไม่มีดีที่สุดหรือเลวที่สุด และยังสะท้อนการใช้ชีวิตของลูก-หลานชาวจีน การค้าขาย ชุมชน และบรรยากาศเก่าๆ ของเมืองชุมแสง

ทำให้ผู้ชมรู้สึกอินไปกับทุกๆ ตัวละคร

นํ้าฟ้าระหว่างให้สัมภาษณ์มีบุคลิกแตกต่างจาก “บุญปลูก” ในจอโทรทัศน์อย่างชัดเจน ตัวตนแท้จริงของเธอเป็นเด็กสาวที่ร่าเริงและแอ๊กทีฟสุดๆ เธอบอกว่า ตนเองไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไหร่ เพราะมีพี่ชาย 2 คน ทำให้ชอบเล่นกีฬามาก เช่น ฟุตบอลและวอลเลย์บอล

แต่สิ่งที่น้ำฟ้าหลงรักมากที่สุดคือการเต้น ระหว่างพูดคุยกัน เธอได้โชว์สเต็ปเต้นคัฟเวอร์เพลงของวงแบล็กพิงค์ให้เราชมถึง 3 เพลงรวด เรียกได้ว่าท่าเป๊ะจริงๆ นอกจากนี้ยังชื่นชอบวง BTS จนถือเป็น ARMY (แฟนคลับ) ตัวจริงอีกหนึ่งคน

น้ำฟ้ายังแอบแง้มสเป๊กหนุ่มๆ ในฝันว่า เธอชอบผู้ชายน่ารัก ยิ้มสดใส หรือยิ้มแล้วดูน่ารัก ขาวๆ เกาหลีนิดๆ แต่สำหรับชีวิตจริงในอนาคต หากมีคนเข้ามา ก็ขอแค่เขาเป็นคนนิสัยดี สามารถเข้ากับเราและครอบครัวได้เท่านั้น

ปัจจุบันน้ำฟ้าเพิ่งเรียนจบจากโรงเรียนพระหฤทัยดอนเมือง และกำลังจะเข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ คณะนิเทศศาสตร์ สาขาวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์

จุดเริ่มต้นบนเส้นทางบันเทิงของสาวน้อยคือการรับงานโฆษณา ส่วนละครโทรทัศน์เรื่องแรกคือ “สายลับจับแอ๊บ” ต่อมาเธอได้เป็นนักแสดงรับเชิญในละครเรื่อง “ริมฝั่งน้ำ” ก่อนจะกลายเป็นที่รู้จักจาก “กรงกรรม”

“หนูเข้าไปแอบส่องดูในโซเชียลมีเดีย มีคนพูดถึงเยอะมาก หนูก็รู้สึกดีใจมากๆ ต้องขอบคุณทุกเพจ ทุกการตอบรับ ทั้งในโซเชียลมีเดีย แล้วก็ในชีวิตจริงด้วย ก่อนหน้านี้เหมือนเราค่อยๆ เริ่มจากหนึ่ง ตอนนี้เริ่มมีคนรู้จักเรามากขึ้น ก็ต้องขอบคุณทุกคำติ-ชมจากใจจริงๆ”

ใครที่อยากติดตามผลงานของน้ำฟ้า เร็วๆ นี้เธอกำลังจะมีละครเรื่องใหม่คือ “แก้วกลางดง” โดยรับบทเป็น “มันแกว” เด็กสาวที่มีบุคลิกแตกต่างจาก “บุญปลูก” ลิบลับ

นักแสดงวัย 19 ปี อ้อนแฟนๆ ว่า ขอให้ติดตามผลงานใหม่ของเธอด้วย และรับรองว่าทุกคนจะต้องหลงรักตัวละครรายนี้อย่างแน่นอน