ตั้งไข่รัฐบาลโคลงเคลง เช็กเก้าอี้ ครม.ใหม่ ขู่หนักยิ่งกว่า งูเห่า-พังพอน/ในประเทศ

ในประเทศ

ตั้งไข่รัฐบาลโคลงเคลง

เช็กเก้าอี้ ครม.ใหม่

ขู่หนักยิ่งกว่า งูเห่า-พังพอน

 

เริ่มตั้งไข่ ก็ดูจะไม่ราบรื่นอย่างที่หวังจะให้เป็น สำหรับพรรคพลังประชารัฐ ที่คิดว่าการฟอร์มรัฐบาลเป็นเรื่องหมูๆ

คิดว่าหมูๆ เมื่อเอาโควต้าตำแหน่งรัฐมนตรี วางเป็นเหยื่อล่อให้ผู้ประสงค์จะร่วมรัฐบาลเข้ามาติดกับดัก และไม่มีทางที่จะพลิกไปอยู่ขั้วประชาธิปไตย 7 พรรค ที่เป็นแกนนำโดยพรรคเพื่อไทย

คิดว่าหมูๆ ที่พรรคร่วมจะเห็นว่า อยู่ขั้วอำนาจเดิม มีองค์กรมากมายเป็นเครื่องไม้เครื่องมือ ที่จะค้ำชูรัฐนาวาได้

คิดว่าหมูๆ ว่าการต่อรองครั้งที่ 1 เพื่อเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร จะผ่านไปอย่างราบเรียบประหนึ่งเส้นทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ…

แต่เมื่อถึงวันเลือกประธานสภา เรื่องก็ไม่หมูอย่างที่คิด…!!

 

คิดว่าเอาเก้าอี้ประธานสภาไปล่อพรรคประชาธิปัตย์ให้มาเข้าร่วมรัฐบาล แล้วหวังตลบหลังดัน ‘สุชาติ ตันเจริญ’ ขึ้นแท่นแทน ถึงขั้นเสนอเลื่อนญัตติเลื่อนการเลือกประธานสภาออกไปก่อน แต่ก็ไม่สำเร็จ จนพลังประชารัฐเองต้องถอย สุดท้าย ‘ชวน หลีกภัย’ คว้าเก้าอี้ประธานสภามาครองด้วยเสียง 258 ต่อ 235

ขณะที่ ‘สุชาติ ตันเจริญ’ ได้รางวัลปลอบใจด้วยตำแหน่งรองประธานสภาคนที่ 1 กับคะแนนปริ่มน้ำแทบขาดใจ 248 ต่อ 246

และในขณะที่ ‘ศุภชัย โพธิ์สุ’ จากพรรคภูมิใจไทย เป็นรองประธานสภาคนที่ 2 ด้วยคะแนน 256 ต่อ 239 ซึ่งเป็นคะแนนที่มากกว่าคะแนนของ ‘สุชาติ ตันเจริญ’ ถึง 8 คะแนน นั่นแปลว่างานนี้มีงูเห่า!!!

งูเห่าที่รู้มาก่อนว่าจะมีการหักหน้า เพื่อไม่ให้พรรคภูมิใจไทยได้ตำแหน่งรองประธานสภา เพื่อลดอัตราต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรี

แต่อย่างที่โบราณว่าไว้ “ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่” จึงมีการเตรียมงูเห่าสำรองไว้แก้เกมกลับ ผลจึงออกมาอย่างที่เห็น ทำเอาพรรคพลังประชารัฐสะอึก กะว่าถือไพ่เหนือกว่า กลับตีไพ่โง่เสียเอง…

เกมจึงกลับมาอยู่ที่พรรคภูมิใจไทย ที่แต้มต่อเหนือกว่า…

 

ในขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ได้เก้าอี้ประธานสภาและประธานรัฐสภาไปครอง มาเกมเหนือชั้นกว่า ตามประสาพรรค “เขี้ยวลากดิน” เพราะก่อนโหวตประธานสภา ได้มีการตกลงกระทรวงในเบื้องต้นว่าจะยกตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้พรรคประชาธิปัตย์

แต่ในท้ายที่สุด พรรคพลังประชารัฐขอเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ คืน พร้อมแลกด้วยเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการแทน…

ถึงขั้นวันแห่ขันหมากมาสู่ขอ ยังมีการเจรจาเรื่องนี้อีกครั้งแต่ไม่สำเร็จ ประชาธิปัตย์ไม่ยอมคืนให้ ทำเอา ‘สมศักดิ์ เทพสุทิน’ เถ้าแก่ฝั่งเจ้าบ่าวขอตัวกลับก่อนทันที…

กระทั่งวันที่พรรคประชาธิปัตย์จะต้องประชุมเพื่อมีมติร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ และพร้อมยกมือให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ท่ามกลางกระแสข่าวลือว่า ‘อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ’ จะลาออกจากการเป็น ส.ส. เพราะเคยประกาศชัดแล้วว่าไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ

แต่เมื่อถึงเวลานัดหมาย นอกจากเรื่องรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ที่พรรคประชาธิปัตย์จะไม่ยอมคืนให้แล้ว

ยังมีเงื่อนไขเรื่อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้ามาจุ้นจ้านในการขอเลือกรัฐมนตรีทั้งหมด ซึ่งถือเป็นเรื่องผิดมารยาท เพราะตามโควต้าของพรรคร่วม พรรคแกนนำไม่มีสิทธิจะจิ้มใครออก เพราะพรรคร่วมได้คัดเลือกบุคคลที่มีความเหมาะสมของพรรคแล้ว

อีกทั้งพรรคประชาธิปัตย์ยังไม่พอใจเงื่อนไขการแก้รัฐธรรมนูญ ที่ พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ไปในทางเห็นต่างหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)

ทำให้การประชุมกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ล่าช้าไป 1 ชั่วโมง และเมื่อเริ่มประชุม น.ต.สุธรรม ระหงษ์ ผอ.พรรค ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า “กลับบ้านไปก่อนเลยครับ เพราะทางพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แจ้งว่ายังไม่เรียบร้อย จึงขอเลื่อนประชุมออกไปอย่างไม่มีกำหนด”

สะท้อนให้เห็นว่าการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ไม่หมูจริงๆ

 

ขณะที่พรรคชาติไทยพัฒนาก็ป่วนไม่แพ้กัน เพราะหลังจากได้รับดีลครั้งแรก ให้ร่วมรัฐบาลและโหวตประธานสภา เพื่อแลกกับ 2 เก้าอี้รัฐมนตรี ซึ่งพรรคชาติไทยพัฒนาเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย ปฏิบัติตามทุกอย่างตามที่อีกฝ่ายเสนอ และแถลงเปิดตัวว่าพร้อมสนับสนุนพรรคพลังประชารัฐ เมื่อค่ำวันศุกร์ที่ 24 พฤษภาคม

แต่สุดท้ายฝ่ายชายก็ไม่เคยติดต่อกลับมาอีกเลย งานนี้ยิ่งกว่าม่าย เพราะแก้ผ้านอนรอแต่เขาไม่มาหาเสียที

กระทั่ง ‘วราวุธ ศิลปอาชา’ ถึงขั้นออกมาประกาศเป็นนัยว่า 10 เสียงของชาติไทยพัฒนาไม่จำเป็นต้องเป็นรัฐบาลก็ได้ และพร้อมที่จะอยู่ตรงกลาง

เป็นการปลุกวิญญาณ ‘ปลาไหล’ กลับมาอีกครั้ง!!

ทำเอา พปชร.จัดขันหมากไปขอโดยพลัน ยกสินสอดให้ตามที่ขอมา

 

อย่างไรก็ตาม สำหรับรายชื่อและโควต้ารัฐมนตรีชุดใหม่ ณ วันนี้ อาจจะยังมีการปรับเปลี่ยนไปจนกว่าจะมีการโหวตเลือกนายกฯ เป็นที่เรียบร้อย จึงจะเห็นหน้าค่าตาว่าใครเป็นใคร

สำหรับเก้าอี้รัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ 17 ตำแหน่ง ประกอบด้วย บิ๊กโฟร์จากรัฐบาลเก่า คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการ (รมว.) กระทรวงกลาโหม หรือ พล.อ.ประยุทธ์นั่งควบแทน นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย

ส่วนนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ยังไม่รู้ว่าจะได้ตำแหน่ง รมว.เกษตรและสหกรณ์คืนหรือไม่ หรือจะได้โยกไปคุมกระทรวงยุติธรรมแทน ขณะที่นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ยอมรับ รมว.อุตสาหกรรม แม้ว่าก่อนหน้านี้ต้องการตำแหน่ง รมว.มหาดไทยมากกว่า แต่ต้องหลีกทางให้ พล.อ.อนุพงษ์

ขณะที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.พลังงาน นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม

นายดอน ปรมัตถ์วินัย ได้กลับมาเป็น รมว.ต่างประเทศ ตามโควต้าของ พล.อ.ประยุทธ์ ส่วนนายสนธยา คุณปลื้ม ส่งนายอิทธิพล คุณปลื้ม นั่ง รมว.แรงงานแทน เพราะตัวเองยังต้องรักษาการนายกเมืองพัทยา

พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล รมช.มหาดไทย นายวิรัช รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม นายอนุชา นาคาศัย รมช.พาณิชย์ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

ขณะที่พรรคภูมิใจไทยได้มา 7 โควต้า โดยนายอนุทินเป็นรองนายกฯ ควบ รมว.สาธารณสุข นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม นางนาที  รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย ส่วนดำรงตำแหน่ง รมช.เกษตรฯ และ รมช.ศึกษาธิการ ในพรรคยังจัดสรรไม่ลงตัว

ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ 7 เก้าอี้ มีรองนายกฯ รมว.ศึกษาธิการ รมว.พาณิชย์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รมว.เกษตรฯ รมช.มหาดไทย รมช.คลัง

ส่วนพรรคชาติไทยเดิม มีโควต้า รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ รมช.เกษตรฯ

สำหรับพรรครวมพลังประชาชาติไทย 1 เก้าอี้ คือ รมว.วัฒนธรรม พรรคชาติพัฒนา 1 เก้าอี้ คือ รมช.อุตสาหกรรม และพรรคพลังท้องถิ่นไท 1 เก้าอี้ คือ รมช.มหาดไทย

 

อย่างไรก็ตาม ยังอดหวาดเสียวไม่ได้ เพราะหลังจากที่พรรคนั้นออกมาขู่ พรรคนี้ออกมาขู่ ทำให้นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ขู่กลับว่า ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ไม่เข้าร่วมรัฐบาล ก็จะใช้เสียงที่มีอยู่ 191 เสียง ร่วมกับเสียง ส.ว. 250 เสียง รวมเป็น 441 เสียง โหวตเลือกนายกฯ และหลังจากนั้นจะยุบสภาและเลือกตั้งใหม่ เพื่อให้ประชาชนตัดสินใจอีกครั้ง…

ถึงแม้จะขู่กันอย่างไร ต้องไม่ลืมว่า ภาษีที่ประชาชนเสียไป 5.8 พันล้าน ยังใช้ไม่ทันจะคุ้ม…