3 มิถุนายน เฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี

3 มิถุนายน เฉลิมพระชนมพรรษา

สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี

 

ในประเทศ

เรื่องราวความประทับใจงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 4-6 พฤษภาคม 2562 มีมากมายหลายเรื่อง

หนึ่งในนั้น

คือเรื่องราวประทับใจที่มีต่อสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี

ซึ่งเผยแพร่ผ่านเพจเฟซบุ๊ก Suthida Vajiralongkorn Na Ayudhya อ้างอิงข้อมูลจากคุณอธิมุติ กาญจนมณี ภริยาพันโทสมชาย กาญจนมณี รองเลขาธิการพระราชวัง ฝ่ายนโยบายและแผนปฏิบัติการ

ขออนุญาตนำมาเผยแพร่อีกครั้ง

“ไม่กี่ชั่วโมงก่อนการเสด็จทางสถลมารคเมื่อวานนี้…

สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พระบรมราชินี ทรงเปลี่ยนพระทัยจากการรอรับเสด็จในพลับพลาพิธี

เป็นเสด็จในขบวนในฐานะพระราชองครักษ์

เพื่อทรงแสดงถึงพระราชหฤทัยอันแน่วแน่ ที่จะทรงปกป้องพระมหากษัตริย์ไว้ยิ่งชีพ

ร่วมกับข้าราชบริพารและประชาชนทุกคน…

ดังนั้น เมื่อก่อนขบวนออก 2 ชั่วโมง สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ จึงทรงตัดสินพระทัยลงตามเสด็จสมเด็จฯ โดยทันที แม้ไม่ได้ทรงเตรียมพระองค์มา เช่นเดียวกันกับสมเด็จพระนางเจ้าฯ

ประชาชนที่เปล่งเสียงทรงพระเจริญตลอด 6 ชั่วโมงที่เสด็จพระราชดำเนินผ่านนั้นดังมากจนขบวนไม่ได้ยินเสียงกลองที่ให้จังหวะ

สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พระบรมราชินี ทรงแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการทรงเปล่งเสียงกลองใหญ่ให้จังหวะกับขบวนด้วยพระองค์เอง…

หลังจากนั้นข้าราชบริพารและทุกคนจึงช่วยกันให้จังหวะกับกองทหาร

ประเทศเรามีบุญเหลือเกินที่มีพระมหากษัตริย์และเจ้านายที่เข้มแข็งเช่นนี้

สมเด็จพระนางเจ้าฯ คงทรงทราบว่า พระราชยานที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับนั้น ไม่ได้เป็นสิ่งที่ทรงสุขสบายอะไร เพราะขยับพระองค์ไม่ได้

รอบๆ ก็มีลวดลายแข็งไม่ใช่บุนวม ที่วางพระบาทก็ยังไม่มีที่ขยับเลย ขบวนใช้เวลาเดินถึงแต่ละวัดก็ชั่วโมงกว่า

และเมื่อลงพระราชยานก็ทรงปฏิบัติพระราชพิธีอีกเกือบ 50 นาที เป็นเช่นนี้ทั้ง 3 วัด

เมื่อคืนเริ่ม 16.00 น. เสร็จหมาย 24.00 น. แต่เพื่อจะได้ให้ประชาชนได้เห็นในหลวงกันทุกคน พระองค์ท่านจึงทรงทำตามที่พระมหากษัตริย์รัชกาลก่อนๆ ได้ทรงปฏิบัติสืบต่อกันมา

และนี่คงเป็นเหตุผลที่สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ ทรงตัดสินพระทัยร่วมเสด็จข้างพระองค์ในหลวงตลอดเวลา

ด้วยความรัก ห่วงใย และมีน้ำพระทัยที่จะถวายความจงรักภักดีเป็นที่สุด

สีเหลืองๆ ตามข้างทางไม่ใช่ดอกดาวเรือง แต่เป็นสีเสื้อประชาชนที่มาร่วมรับเสด็จชื่นชมพระบารมีกันมืดฟ้ามัวดินเหมือนเช่นเดิม

เป็นบุญเหลือเกินที่เกิดมาใต้ผืนแผ่นดินไทยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงปกครอง… ขอพระองค์ทรงพระเจริญ”

 

พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงในเวลาต่อมา

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ถวายสดุดีแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ที่ทรงมีพระวิริยะอุตสาหะในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

โดยเฉพาะการเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครโดยขบวนพยุหยาตราทางสถลมารค

ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวต้องทรงฉลองพระองค์ครุยที่ทั้งหนักและหนา ประทับบนพระที่นั่งที่แคบและโคลงไปมาตลอดหลายชั่วโมง

เช่นเดียวกับพระขัตติยะมานะของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี

ที่ทรงร่วมขบวนทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ตลอดเส้นทางเสด็จพระราชดำเนิน

“นายกฯ กล่าวว่า พระองค์ท่านและทุกๆ พระองค์มิได้ทรงทำเพื่อพระองค์เอง แต่ทรงธำรงไว้ซึ่งโบราณราชประเพณีที่สืบทอดมาตั้งแต่อดีต เป็นต้นแบบของการรักษาคุณค่าของขนบธรรมเนียมที่มีอารยะและมีเอกลักษณ์ที่งดงามของโลก โดยสถาบันพระมหากษัตริย์ถือเป็นสถาบันหลักและเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งชาติ” พล.ท.วีรชนกล่าว

 

ย้อนกลับไปเมื่อเวลา 16.32 น. วันที่ 1 พฤษภาคม

คนไทยได้รับทราบอันเป็นมงคลและน่ายินดี

เมื่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออก ณ ห้อง ว.ป.ร. พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต

พร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

ในการสถาปนาสมเด็จพระราชินี

การนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อาลักษณ์อ่านประกาศสถาปนา พลเอกหญิง สุทิดา วชิราลงกรณ์ ณ อยุธยา เป็นสมเด็จพระราชินี

ความว่า

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่ทรงประกอบพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสกับพลเอกหญิง สุทิดา วชิราลงกรณ์ ณ อยุธยา ถูกต้องตามกฎหมายและราชประเพณีโดยสมบูรณ์ทุกประการแล้ว

จึงมีพระราชโองการให้สถาปนา พลเอกหญิง สุทิดา วชิราลงกรณ์ ณ อยุธยา พระอัครมเหสี เป็น สมเด็จพระราชินีสุทิดา

ทรงดำรงตำแหน่งพระอิสริยยศ ฐานันดรศักดิ์แห่งพระราชวงศ์ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

ประกาศ ณ วันที่ 1 พฤษภาคม พุทธศักราช 2562 เป็นปีที่ 4 ในรัชกาลปัจจุบัน

สำหรับพระราชประวัติ “สมเด็จพระราชินีสุทิดา” เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2521

ทรงสำเร็จการศึกษาหลักสูตรนิเทศศาสตรบัณฑิตจากคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เมื่อปี 2543

ต่อมาทรงเป็นนายทหารบกหญิง และทรงดำรงตำแหน่งเป็นรองผู้บัญชาการ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ (อัตราพลเอกพิเศษ)

และยังได้รับพระมหากรุณาธิคุณให้เป็นราชองครักษ์เวรในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร และพระบรมวงศานุวงศ์หลายพระองค์

ต่อมาวันที่ 4 พฤษภาคม

ในการมหาศุภมงคลการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก และการพระราชพิธีเฉลิมพระราชมณเฑียร พุทธศักราช 2562 ภายหลังพระราชพิธีสรงพระมุรธาภิเษก ทรงรับน้ำอภิเษก ทรงรับพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร เครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์ เครื่องขัตติยราชวราภรณ์ และพระแสงราชศัสตราวุธ และมีพระปฐมบรมราชโองการพระราชทานอารักขาแก่ประชาชนชาวไทยแล้ว

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้อาลักษณ์อ่านประกาศ พระบรมราชโองการ สถาปนาสมเด็จพระราชินี

ให้ทรงดำรงราชฐานันดรศักดิ์ เป็น สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี

ในพระนามาภิไธย

“สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี”

(กรมประชาสัมพันธ์ได้แจ้งการอ่านและสะกดพระนามาภิไธยว่า สม-เด็ด-พระ-นาง-เจ้า-สุ-ทิ-ดา พัด-ชะ-ระ-สุ-ทา-พิ-มน-ลัก พระ-บอ-รม-รา-ชิ-นี)

 

วันที่ 9 พฤษภาคม เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาลงประกาศเรื่อง การถวายพระเกียรติยศ สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี

ความว่า

ตามที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ประกาศสถาปนาเฉลิมพระเกียรติยศ สมเด็จพระราชินีสุทิดา ขึ้นเป็นสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ให้มีพระเกียรติยศสมบูรณ์ตามราชประเพณีทุกประการ เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม พุทธศักราช 2562 แล้วนั้น

จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ใช้คำราชาศัพท์และคำกราบบังคมทูลพระกรุณาถวายพระเกียรติยศแก่ สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เสมอด้วยคำราชาศัพท์ และคำกราบบังคมทูลพระกรุณาสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทุกประการ

ดังต่อไปนี้

คำขึ้นต้น ใช้ว่า

“ขอพระราชทานกราบบังคมทูลพระกรุณาทรงทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท”

คำลงท้ายในหนังสือราชการ ใช้ว่า

“ควรมิควรแล้วแต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม”

คำลงท้ายคำกราบบังคมทูล ใช้ว่า

“พระพุทธเจ้าข้าขอรับ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม” หรือ “ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม”

สรรพนามบุรุษที่ 1 ใช้ว่า

“ข้าพระพุทธเจ้า”

สรรพนามบุรุษที่ 2 ใช้ว่า

“ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท”

และเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตราพระนามาภิไธย ส.ท. ในสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี สำหรับให้ส่วนราชการ หน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องเชิญไปเผยแพร่ เพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสสำคัญต่างๆ

เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นโบราณมงคลนพรัตนราชวราภรณ์ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นโบราณมงคลนพรัตนราชวราภรณ์ แก่สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ตั้งแต่วันที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ.2562

สําหรับกิจกรรมวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายนนี้

รัฐบาลเชิญชวนให้ประดับพระฉายาลักษณ์-ผ้าระบายสีม่วงและสีเหลือง จัดสถานที่ลงนามถวายพระพรในหน่วยงาน 1-10 มิถุนายน

ขณะที่นางพัชราภรณ์ อินทรียงค์ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกิจกรรมเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ว่า ประกอบด้วย

  1. การจัดพิธีทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เวลา 07.30 น. โดยนิมนต์พระสงฆ์และสามเณรจำนวน 410 รูป รับบิณฑบาต ส่วนกลางจัด ณ ท้องสนามหลวง โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธี ส่วนภูมิภาคจัด ณ ศาลากลางจังหวัด โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานในพิธี และในต่างประเทศจัดพิธีตามความเหมาะสม
  2. การจัดพิธีอัญเชิญพานพุ่มถวายราชสักการะและจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เวลา 19.00 น. โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธี ณ ท้องสนามหลวง ส่วนภูมิภาคจัด ณ ศาลากลางจังหวัด
  3. การจัดกิจกรรม “จิตอาสาพัฒนาคู คลอง” เพื่อถวายพระราชกุศลพร้อมกันทั่วประเทศ ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค
  4. การจัดกิจกรรมบริการประชาชนในด้านต่างๆ

  ขอทรงพระเจริญ