การะเกต์ ศรีปริญญาศิลป์ : ทวีปที่สาบสูญ เราจะมาปฏิวัติชีวิตด้วยกัน!

เพียงบัว ลูกที่น่ารัก

แม่เขียนจดหมายฉบับนี้ส่งมาถึงลูก จากการที่ “พี่” บอกให้ว่าลูกอยากจะรู้จักแม่มากขึ้น แม่เองก็อยากรู้จักลูกเช่นกัน

ก่อนอื่น แม่ขอแนะนำตัวก่อน ในปีนี้ แม่อายุ 43 ปีแล้ว เข้าสู่วัยกลางคน อีกไม่นานก็จะแก่ชราลงไปทุกวัน แม่ดีใจมากที่ลูกของแม่ได้รู้จักกับคนดีๆ อย่างลูก แม่เห็นหนังสือที่ลูกส่งมาตั้งหลายกล่อง แม่มีความสุขมาก

ตัวแม่เองเป็นคนยากจน มีฐานะต่ำต้อย แม่ได้เรียนหนังสือแค่ชั้น ป.4 อันที่จริงแล้วก็ตั้งใจอยากให้พี่ได้เรียนต่อสูงๆ อยากให้ได้เข้าโรงเรียนชั้น มอ. แต่ทางบ้านก็ไม่มีกำลังพอจะส่งเสียได้ แม่รู้ว่าเขาอยากเรียนหนังสือ ตอนเขาเรียนอยู่ชั้น ป.1-ป.6 ก็สอบไล่ได้คะแนนดีทุกปี แม่เสียใจมากที่ไม่สามารถส่งลูกเรียนสูงๆ ทำให้เขาก็ต้องไปทำงานรับจ้างอยู่จนถึงทุกวันนี้

แต่ทุกวันนี้ เมื่อลูกของแม่ได้รู้จักกับลูก ดูเขามีความสุขขึ้นมาก พ่อยังพูดเลยว่า พี่เขาอารมณ์ดีขึ้น ไม่หน้าบึ้งหน้างออย่างแต่ก่อน เวลาเขาได้จดหมายจากลูกก็จะนั่งอ่านไปยิ้มไป แม่แอบเห็นเข้า แต่ก็ไม่ได้บอกเขาหรอก แม่ก็ไม่อยากขัดขวางความสุขของเขา

เพียงบัวเป็นเพื่อนที่ดีของเขาไปนานๆ นะลูก แล้วถ้าลูกอยากจะมาเที่ยวที่นี่ จะมาตอนไหนก็ได้ เราทุกคนยินดีต้อนรับเสมอ ขอให้คิดเสียว่าลูกเป็นลูกคนหนึ่งของพ่อกับแม่ด้วยเหมือนกัน

 

สวัสดีเพียงบัวลูกรัก

พ่อขอเขียนจดหมายมาด้วยอีกคนหนึ่ง แม้ว่าเราจะยังไม่รู้จักกันก็ตาม เอาละ พ่อจะแนะนำตัวสักหน่อยก็แล้วกัน

พ่อเป็นพ่อของ “พี่” คนที่ลูกเขียนจดหมายมาหาบ่อยๆ นี่เอง ลูกของพ่อเขาก็เป็นคนนิสัยดี ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาก็ไม่มีนิสัยลักขโมยอะไร ไม่ใช่คนดื้อรั้น พ่อจึงขอให้ลูกวางใจว่า ลูกของพ่อจะไม่ทำให้เพื่อนที่ดีอย่างลูกจะมีปัญหาในภายหลัง ลูกไว้ใจเขาได้ เหมือนที่จะไว้ใจพ่อกับแม่ทางนี้ได้เช่นกัน

พี่เขาเล่าให้พ่อกับแม่ฟังว่า ตัวลูกเองอยู่ไกลจากพ่อแม่จริงๆ มีป้ากับลุงดูแล พ่อก็หวังว่าลูกคงจะรักษาตัวเองเป็นอย่างดี แม้ว่าจะไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ที่ให้กำเนิดก็ไม่เป็นอะไรหรอก เพราะพ่อเองก็กำพร้าพ่อตั้งแต่ยังจำความไม่ได้ แต่พ่อก็อยู่มาได้เรื่อยๆ จนถึงบัดนี้

พ่อเขียนจดหมายมาพร้อมกับแม่ เพราะอยากจะบอกให้ลูกเพียงบัวได้รู้ว่า พ่อกับแม่และทุกคนทางนี้มีความรักใคร่ในตัวลูก แม้เราจะยังไม่เคยเห็นหน้ากัน หากวันใดลูกอยากจะมาสูดอากาศบริสุทธิ์ที่ท้องทุ่งนา พ่อจะยินดีต้อนรับเสมอ ถ้าเป็นวันพระ พ่อจะได้ขนมมาจากวัดหลายอย่าง ลูกจะได้ชิมของแปลกๆ เผื่อจะติดใจ…

 

คนเดินทางคะ

ฉันไม่รู้จะบอกกับเธอยังไง มันเป็นความรู้สึกที่แย่ร้ายกาจ แล้วก็รู้สึกดีมากๆ ไปพร้อมๆ กัน!

ฉันร้องไห้ไปตั้ง 3 รอบ กับทุกรอบที่อ่านจดหมายจากพ่อแม่ของเธอ

เธอรู้มั้ยว่า เธอเป็นคนโชคดีมากๆ! พ่อกับแม่ของเธอเป็นคนน่ารักเหลือเกิน ลายมือสวยด้วยกันทั้งคู่ ฉันสัมผัสได้ถึงความจริงใจที่เขาเขียนมา

ตั้งแต่เกิดมา ฉันยังไม่เคยได้รับความรู้สึกอุ่นใจขนาดนี้มาก่อนเลย! เธอคงไม่เข้าใจความรู้สึกแบบนี้ เพราะเธอมีความอบอุ่นมาโดยตลอด…

 

เพียงบัว, มิตรที่รักของเรา

เธอเอาอะไรมาพูด ว่าเรามีความอบอุ่นมาโดยตลอด ชีวิตของเราที่ผ่านมา ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเข้าใจเราทุกอย่าง

ถ้าหากเราไม่มีความเหงา ไม่มีความโดดเดี่ยว เราจะรู้จักกับเธอได้เพราะอะไรล่ะ เป็นเพราะบทกวี ลำนำ ความในใจ ไม่ใช่หรือ ที่เราได้สื่อสารออกไปจนได้รู้จักกัน

เราดีใจมากนะ ที่เธอชอบพ่อแม่ของเรา อันที่จริงมีความลับเล็กๆ น้อยๆ จะบอก เราไม่ได้รักทั้งสองคนนี้เพราะว่าเขาเป็นแค่พ่อแม่ของเราหรอกนะ (บางครั้งเราก็ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่พวกเขาทำ แต่ก็เรียนรู้จะอยู่ให้ดีที่สุด เพราะมันไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัวหรอกกระมัง ว่าเราจะต้องเอาชนะกันไปให้ได้) แต่เราคิดเสมอว่า เรามีความชอบพวกเขา เพราะพวกเขาก็เป็นคนคนหนึ่งที่มีนิสัยดีไม่น้อย

ถูกแล้ว ทั้งพ่อและแม่ของเราก็มีส่วนที่เป็นคนดี จะว่าไป พวกเขาก็ดีกว่าเราเสียด้วยซ้ำ แต่เพราะเราเป็นคนช่างคิดกระมัง จึงมีคำถามและความสงสัยเต็มไปหมด หลายๆ ครั้งจึงสงสัยว่า ถ้าหากไม่ได้เป็นพ่อแม่ลูกกัน พวกเขาจะให้เราอยู่ด้วยหรือเปล่า

เราไม่ได้ว่าพวกเขาใจแคบหรือใจร้าย แต่เพราะตระหนักว่า มีหลายอย่างที่คิดแตกต่างกัน และในจุดหนึ่ง เขาก็มีอำนาจเหนือเรา นั่นเพราะเขาเป็นเจ้าของบ้านที่เราอาศัยอยู่

เพียงบัว, แต่หลังจบชั้น ป.6 มาแล้ว เราก็มีความภูมิใจว่า เราเองมีส่วนในการหาเงินเข้าบ้าน ใช้ซื้อข้าวปลาอาหาร เราก็ไม่ได้กินแต่ของคนอื่นๆ แม้แต่พี่ตรี พี่โฟ ก็ว่าเราไม่ได้ว่าเกาะพ่อแม่กิน เราพูดได้เต็มปากว่าเราไม่ได้ใช้เงินของใคร และยังเป็นคนจ่ายเงินช่วยเหลือครอบครัวอยู่เสมอ

แต่พูดถึงเรื่องความรู้สึก…ความเหงา ความเศร้า หรือความอบอุ่นใจ มันก็คงวัดกันไม่ได้หรอกกระมัง เราก็ไม่แน่ใจว่า เราอบอุ่นใจกับสิ่งที่ได้รับจากใครบ้าง มันอาจจะมีบ้าง…แต่ก็ช่างรางเลือนเหลือเกิน แต่เธอสิ เธอคือคนที่ทำให้เรารู้สึกอุ่นใจได้อย่างชัดเจน เราขอยืนยันในสิ่งนี้

 

ลูกเพียงบัว

แม่ได้อ่านหนังสือเล่มที่พี่เขาชอบมากแล้ว ชื่อหนังสือเข้าใจยากมากในตอนแรก คำว่า “ปฏิวัติยุคสมัยด้วยฟางเส้นเดียว” ทำให้แม่คิดอยู่นานว่ามันหมายถึงอะไร

แต่เมื่อแม่ได้อ่านไปเรื่อยๆ แม่ก็เกิดความรู้สึกคล้อยตามขึ้นมาอย่างมาก ทุกวันนี้ สังคมของเรามีการแข่งขันสูงมาก เงินทองเป็นของหายาก ถ้าหากคนเราจะอยู่ต่อไปได้โดยไม่ต้องขึ้นอยู่กับเงินมากนัก มันก็คงจะดีที่สุด

ตอนที่แม่ยังเด็ก แม่ก็เคยมีความฝันว่าอยากจะเป็นเจ้าของร้านอาหารสักร้านหนึ่ง แม่อยากจะปลูกผักเอามาทำอาหาร แม่ชอบการทำอาหารทุกอย่าง เวลาเจอสูตรวิธีทำอาหารที่ไหนก็จะจดไว้ อย่างตอนนี้แม่ก็มีสมุดจดสูตรอาหารของตัวเองถึง 2 เล่ม

แม่ชอบการปลูกผัก มันมีความสุขมากจริงๆ เวลาได้ไปรดน้ำผัก ได้เก็บผักมากิน ถ้ามีมากก็เอามาขาย แต่แม่ก็จะแบ่งให้เพื่อนบ้านด้วย บางคนไม่มีเงินแม่ก็ให้เขาไปฟรีๆ การแบ่งกันกินเป็นเรื่องที่ดี เพราะยามเราไม่มี คนอื่นก็ช่วยเราเหมือนกัน

แม่อ่านพบในหนังสือเล่มนี้ว่า ถ้าเราทำไร่ทำสวนโดยไม่ต้องใช้ปุ๋ยใช้ยา ก็จะได้ผลผลิตที่ดี มีความปลอดภัย แม่ก็สนใจมาก สมัยก่อนแม่ก็ใช้ปุ๋ยขี้ไก่ ขี้วัว เพราะไม่มีเงินจะซื้อปุ๋ยเม็ดอย่างคนอื่น แต่ผักของแม่ก็งามดี แต่แม่ก็อดหวั่นใจไม่ได้ ลูกของแม่เขาเป็นคนมีความคิด แต่ร่างกายเขาก็ไม่ใช่คนแข็งแรง แม่ก็อดห่วงเขาไม่ได้ จะทนตรากตรำได้สักเพียงไหน

เขาเล่าให้แม่ฟังว่า ลูกเพียงบัวก็เห็นด้วยกับเขาในเรื่องการทำสวนเกษตร แล้วจะสนับสนุนเขา ข้อนี้แม่ได้ยินแล้วก็ดีใจ แต่ก็อยากจะให้ลูกทั้งสองช่วยกันคิดให้ดีๆ คนเรามีความฝันได้มากมาย แต่ก็ล้มได้ ถ้าไม่มองความเป็นจริง

 

ถึงเพียงบัว ลูกสาวอีกคนหนึ่งของพ่อ

พ่อขอแอบส่งจดหมายมาด้วยอีก 1 ฉบับ เพราะอยากจะเพิ่มเติมจากที่แม่เขียนเอาไว้

สำหรับพ่อนั้น ยินดีสนับสนุนลูกทุกคนทุกอย่าง พ่อพร้อมช่วยทุกอย่าง เพราะมีอย่างเดียวที่พ่อช่วยไม่ได้คือเรื่องเงิน พ่อต้องขอโทษด้วย เพราะชีวิตของพ่อเองก็ลำบากมามาก ไม่มีทุนจะตั้งตัวอย่างคนอื่นเขา แต่ความทุกข์หรือความสุขส่วนหนึ่งก็อยู่ที่ใจ พ่อจึงตั้งจิตว่า

ถ้าลูกของพ่อ ไม่ว่าคนไหนก็ตาม อยากจะทำอะไร พ่อจะไม่ขัดขวางทั้งสิ้น เพื่อให้ลูกๆ ได้มีความสุขตั้งแต่ตอนปัจจุบันนี้ไป เพราะความสุขใดจะเท่าที่คนทุกคนเข้าใจกัน พ่อคิดอย่างนี้

พ่ออยากย้ำมาในจดหมายฉบับนี้ว่า หากลูกทั้งสองคิดจะทำอะไรร่วมกัน อย่างที่พี่เขาเกริ่นๆ ไว้ พ่อกับแม่ยินดีทุกอย่าง บ้านทางนี้พร้อมจะต้อนรับลูกเสมอ จะมาวันใดก็ส่งข่าวมาได้ทันที

 

คนเดินทาง!

พ่อกับแม่ของเธอเป็นคนน่ารักและใจดีที่สุดในโลก! เธอไม่รู้เลยเหรอว่าตัวเองโชคดีแค่ไหน

ถ้าเธอได้เจอกับแม่ของฉัน (ส่วนพ่อนั้นอย่าไปพูดถึงเลย! ตั้งแต่ฉันลืมตาดูโลกก็ไม่เคยเห็นหน้าเขาหรอก) แม่ของฉันต่างจากพ่อแม่ของเธอ หล่อนเป็นคนไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจาอะไร ตั้งแต่เกิดมาจนถึงตอนนี้ ฉันเองก็ได้พบเขาไม่กี่ครั้ง เวลาพบกันก็ไม่รู้จะทำตัวยังไง บางทีมันก็บัดซบน่ะ!

ขอโทษด้วยนะ ในตอนที่เขียนถึงเธออยู่นี้ ฉันก็อดรู้สึกแปลบๆ ไม่ได้ เป็นเพราะมีความรู้สึกเหมือนเป็นตะกอนในใจ ตะกี้ฉันลุกไปจุดบุหรี่สูบมา 1 มวน รสชาติขื่นคอดี หึหึ เธอล่ะ สูบบุหรี่บ้างหรือเปล่า

ควันสีขาวที่ลอยอ้อยอิ่งอยู่ในห้อง ทำให้ฉันคิดถึงหมอกที่ลอยบนภูเขาเหมือนกันนะ ตอนยังเด็กฉันอยู่กับยายที่จังหวัดเลย มันหนาวมาก แต่ก็สวยมาก ฉันยังเคยคิดว่า สักวันหนึ่งอยากจะพาเธอไปดูบ้านในอดีตของฉัน แต่ไม่รู้นะ มันจะเหลือร่องรอยอะไรมั้ย

เอาละ! เรามาพูดถึงความฝันของเรากันเถอะ ฉันตกลงใจแล้วนะ เราสองคนจงมาทำความฝันให้เป็นจริงด้วยการปฏิวัติชีวิตตัวเองกันเถอะ เธอไม่ต้องสนใจไปหรอกที่คำหวานเขาจากไป ฉันจะเป็นคนเข้าไปแทนที่ในจุดนั้นเอง

เธอคิดอย่างไรล่ะ! ถ้าฉันจะไปอยู่กับเธอ ไปทำสวนเกษตรกัน ฉันคิดว่าที่ฟูกูโอกะเขาเขียนเอาไว้ อย่างที่เธอเล่ามาให้ฟัง มันน่าจะเป็นแนวทางสำหรับโลกยุคใหม่ ไชโย!

 

เพียงบัว, ที่รัก, คนดีของฉัน

เราต้องถึงกับหลับตาลงชั่วครู่ ตอนที่ได้จดหมายของเธอในวันนี้ เราถามตัวเองซ้ำๆ ว่า นี่คือความฝันหรือความจริงกันแน่ เราแค่ฝันไป หรือมันได้เกิดขึ้นแล้วจริงๆ

เธอแน่ใจแล้วใช่มั้ย ที่จะมาร่วมสร้างฝันด้วยกัน เธอมั่นใจจริงๆ ใช่มั้ย จะไม่เหมือนคำหวานที่เปลี่ยนใจไปเพียงชั่วข้ามคืนเท่านั้น ถ้าเธอยืนยัน เราคงจะฝันดีที่สุด นับแต่จากคืนนี้ไป

เรามีจินตนาการแล้วนะว่า เราสองคนจะมีไร่เกษตรที่สวยงาม เราจะปลูกถั่ว ปลูกข้าว เราจะมีแปลงผักสวนครัวกันด้วย จากนั้น ถ้าเราเริ่มขายผลผลิตได้ก็จะมีเงินพอเอาไว้ต่อทุนภายหน้า แล้วไม่นานช้า เราก็จะมีกระท่อมหลังเล็กๆ ที่เป็นบ้านอันสวยงามของเรา

หรือว่า…เราจะทำกระท่อมกันก่อน เราแอบไปสืบมาแล้วว่าราคาไม้ไผ่ลำละเท่าไหร่ ก็อาจจะพอทำได้ ถ้าเราทำหลังเล็กๆ เพียงหลังเดียว เราจะวาดแปลนให้ดูอีกทีดีมั้ย ถ้าพ่อแม่สนับสนุนเราจริง พวกเขาก็คงจะช่วยเราในเรื่องการติดต่อหาคนมาช่วยทำบ้านให้ แต่ถ้าจะต้องลงแรงเองในส่วนไหน เราก็จะทำเต็มที่

เพียงบัวคนดี เธอเป็นคนที่พิเศษมากๆ แล้วนะ เธอทำให้เราเกิดความหวังอีกครั้ง แน่นอน เราไม่ได้หวังถึงความร่ำรวยอย่างใครๆ แต่เราต้องการความมั่งคั่งที่จะไม่มีวันเสื่อมถอยค่าไปได้อีก ขอแค่เราตั้งหลักได้ก่อน สักวันหนึ่ง เมื่อเรามีที่หลบร้อน มีที่กันฝน มีใต้ชายคาที่เราจะนั่งจุดเทียนเขียนบทกวีด้วยกัน วันนั้น คือวันที่เราปฏิวัติชีวิตกันได้สำเร็จยังไงล่ะ

เออ…เราชอบคำนี้แล้วเช่นกันนะ ปฏิวัติ! การปฏิวัติ ! มันฟังดูชวนฮึกเหิมไม่น้อย ตกลงกันแล้วนะ เราจะมาปฏิวัติชีวิตด้วยกัน!