สิ่งที่คุณอาจไม่รู้มาก่อน เกี่ยวกับวิถีชีวิตอินดี้ของผู้ชื่นชอบการขี่มอเตอร์ไซค์ (ตรวจสอบข้อมูล) ไปจนตะวันตกดิน

สิ่งที่คุณอาจไม่รู้มาก่อน เกี่ยวกับวิถีชีวิตอินดี้ของผู้ชื่นชอบการขี่มอเตอร์ไซค์ (ตรวจสอบข้อมูล) ไปจนตะวันตกดิน (1)

เมื่อครั้งได้มีโอกาสศึกษามอเตอร์ไซค์ รอยัล เอ็นฟิลล์ ก็เปิดไปเจอยูทูบ

ที่ซีอีโอนามสิทธัตถะ ลาล ขึ้นรับรางวัล ซีอีโอออฟเดอะเยียร์ สองพันสิบเจ็ด (CEO OF THE YEAR 2017) จากหนังสือพิมพ์บิสซิเนส สแตนดาร์ด (Business Standard) ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์รายวันที่ใหญ่อันดับต้นๆ ของประเทศอินเดีย (จากน้องวิกี้)

เขาให้สัมภาษณ์ในงานรับรางวัลนั้นว่า

“คนแบบเขาไม่คู่ควรกับตำแหน่งนี้ ไม่คู่ควรกับห้องประชุมที่มีรัฐมนตรีกระทรวงการคลังเป็นประธาน…เขาไม่ใช่นักธุรกิจ แต่แค่ชอบที่จะขี่มอเตอร์ไซค์ไปจนตะวันตกดินเท่านั้นเอง”

อินดี้มาก…มันต้องอย่างนี้ ซีอีโอของบริษัทมอเตอร์ไซค์มันต้องอินดี้อย่างนี้ อินดี้เยี่ยงนี้

แต่ไม่เพียงท่านสิทธัตถะ ลาล จะอินดี้เท่านั้น ยอดขายของมอเตอร์ไซค์ รอยัล เอ็นฟิลล์ เพิ่มจาก 50,000 คันในปี 2010 เป็น 450,000 คันในปี 2015

ฝีมือยังคู่ควรกับรางวัลซีอีโอ ออฟ เดอะ เยียร์ อย่างไม่ต้องสงสัยอีกด้วย

“รักที่จะขี่มอเตอร์ไซค์ไปจนตะวันตกดิน…” สำนวนนี้โดนมาก ทั้งชีวิตมีเพียงทำงานไปจนตะวันตกดิน…

ก็อย่างที่โกวเล้งบอกไว้ในหนังสือชุดอาวุธทั้งเจ็ด เล่มยอดมือปราบ

“คนผู้หนึ่งมีชีวิตอยู่ในโลก หากได้กระทำเรื่องที่มันคิดกระทำจริงๆ มันสมควรมีความสุขหรือไม่”

เราคิดกระทำเรื่องนี้จริงๆ…เราสมควรมีความสุข

แล้วการเดินทางทริปขี่มอเตอร์ไซค์ไปจนตะวันตกดินก็เริ่มต้นขึ้น

เริ่มต้นที่เชียงใหม่ ขี่ไปกับกลุ่มสายกินเรซซิ่ง กลุ่มมอเตอร์ไซค์ที่รักการขี่มอเตอร์ไซค์และรักการกิน วันนั้นเป็นวันรวมกลุ่มใหญ่ ไปกันหลายสิบคันทีเดียว

กินข้าว พูดคุย สนุกสนานเฮฮาเสร็จ ก็แยกตัวออกไปสี่คัน

ดูคาติ สแครมเบลอร์ หนึ่งพันหนึ่งร้อย สองคัน ดูคาติ แปดสี่แปดทรงสปอร์ตสีแดงเพลิง หนึ่งคัน และยามาฮ่า เอ็กซ์เอสอาร์เก้าร้อยสามสูบเรียง อีกหนึ่งคัน

มุ่งหน้าสู่ร้านกาแฟที่ยอดเยี่ยม และทำให้ชีวิตเปลี่ยนโดยได้พบกับบุคคลที่ไม่ธรรมดา และชีวิตพัดพาผ่านสองล้อไปถึงสิงคโปร์

ร้านกาแฟหอมด่วน

เราใช้เส้นทางผ่านจังหวัดพะเยา บนถนนหมายเลข 1 ผ่านวังเหนือ บนถนนหมายเลข 120 และมุ่งสู่ร้านกาแฟหอมด่วน บนถนนหมายเลข 118

จากนั้นก็แยกย้าย คงเหลือเพียงดูคาติ สแครมเบลอร์พันหนึ่งร้อย สีเหลืองอร่ามท้าทายแสงตะวัน เจ้านายของมัน และภารกิจขี่มอเตอร์ไซค์ไปจนตะวันตกดิน

ซึ่งตะวันมาตกดินที่เมืองเชียงราย

สรุปวันแรกของทริปขี่มอเตอร์ไซค์ไปจนตะวันตกดิน ได้ระยะทาง 377.8 กม.

รุ่งเช้า เวลาประมาณแปดโมง ก็ได้เวลาล้อหมุนออกเดินทาง วันนี้มุ่งหน้าสู่เชียงแสน แวะมูลนิธิบ้านนานา กับภารกิจเด็กไร้สัญชาติที่พระเจ้ารับเลี้ยงดูไว้ ภารกิจที่หากใครคิดว่าพระเจ้าไม่มีอยู่จริงอาจลองหาเวลาแวะเวียนมาชม

ถึงเชียงแสนก็มุ่งหน้าต่อไปยังเชียงของ ระหว่างทางก็เกิดปัญหาขึ้นสองอย่าง เกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน…

คนกระหาย, มอเตอร์ไซค์กระหาย

และเมื่อหาอะไรไม่เจอสักอย่าง และเจ้าดูคาติเหลืองก็กระหายมากยิ่งแล้ว จึงได้เวลาจอดถาม

นี่คือร้านอะไร มีทั้งหมูน้ำตก กาแฟสด ส้มตำ ลาบอีสาน และซ่อมมอเตอร์ไซค์…จะคว้าน้ำมันเครื่องกับน้ำปลาผิดขวดกันไหม หรือจะบดเมล็ดกาแฟสดที่มีธาตุเหล็กติดมาด้วยไหม แล้วเขาจะล้างมือก่อนตำส้มตำหรือเปล่า…

เมื่อถามหาปั๊มน้ำมัน ได้คำตอบว่า เลยไปอีกนิดเดียว, เมื่อถามหาร้านกาแฟ (ตอนถามยังไม่เห็นป้ายว่ามีกาแฟขายด้วย) ลงมาดื่มที่นี่ก่อนก็ได้ แล้วก็เอาน้ำให้เราหนึ่งขวด ชงกาแฟปลูกเองคั่วเองให้อีกหนึ่งแก้ว แล้วเราก็นั่งคุยกัน

เมื่อรู้สึกเริ่มสนิทกันมากขึ้น ก็เริ่มถามไถ่ความเป็นมา “…ผมมาขี่มอเตอร์ไซค์เที่ยว ขี่มาจากเชียงใหม่ เมื่อคืนนอนเชียงราย และวันนี้จะขี่ไปเรื่อยๆ จนตะวันตกดิน…, พี่ล่ะ เป็นคนที่นี่ ?” “ผมทำงานให้เจ้านายที่ (จังหวัดหนึ่งทางภาคใต้) หากเจ้านายผมไม่ค่อยพอใจกับคนบางคน ผมก็คอยทำให้คนบางคนนั้น…” (ไม่สามารถเขียนได้)…

“ผมเพิ่งเสร็จงาน เลยมาพักผ่อนอยู่แถวนี้…”

…ด้วยเวลาเพียงเท่านี้ บางทีเราอาจจะสนิทกันมากเกินไปละ…

“คิดเงินเลยครับ”

“ไม่เป็นไร พรรคพวกกัน…”

ถึงแม้เขาจะมีอำนาจอำมหิตบางอย่าง และอำนาจนั้นอาจจะไม่ถูกกฎหมาย แต่ก็ไม่ได้เอามาปรับทัศนคติผม หรือขู่คุกคามใดๆ

อธิบายได้ง่ายๆ ว่า…ผมไม่รู้สึกถึงมาตราสี่สิบสี่

เพียงรู้สึกถึงการที่คนสองคนมาเจอกัน พูดคุยกันถูกคอ มีความปรารถนาดีให้แก่กัน

ผมก็ยอมรับน้ำใจไว้ด้วยความรื่นรมย์ในชีวิต ด้วยการรับรู้ได้ว่า นี่ไม่ใช่กาแฟธรรมดา นี่ไม่ใช่ประสบการณ์ธรรมดา

เหนือกว่ากาแฟสตาร์บัคส์ในร้านหรูหรา ที่เมล็ดกาแฟคัดสรรอย่างดี การชงถูกต้องสมบูรณ์แบบ

กาแฟชนิดนี้ ถึงแม้เมล็ดไม่ได้คัดสรรอย่างดี ไม่อยู่ในบรรยากาศหรูหรา และอาจไม่ใช่เพอร์เฟ็กต์ช็อต…แต่ให้รสชาติที่อบอุ่นอิ่มเอม

เป็นรสชาติกาแฟที่ไม่ได้รับรู้รสชาติในปาก แต่รับรู้รสชาติในใจ

นี่คือประสบการณ์ดื่มกาแฟคาร์ลมาร์กซ์…กาแฟสังคมนิยม…กาแฟที่ชงด้วยความรู้สึกว่าเราเป็นพวกเดียวกัน ชนชั้นเดียวกัน เป็นพี่น้องกัน

มีเงินทองล้นฟ้าใช่ว่าจะหาดื่มได้…