รายงานพิเศษ : คุยกับทูต อันดรีย์ เบชตา ยูเครนกับวิถีทางการทูต (1)

เอกอัครราชทูตนายอันดรีย์ เบชตา

ยูเครน (Ukraine) เป็นประเทศที่ตั้งอยู่ในยุโรปตะวันออก มีพื้นที่ 603,628 ตารางกิโลเมตร นับว่ามีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของทวีปยุโรป รองจากประเทศรัสเซีย

ในคริสต์ศตวรรษที่ 9 ยูเครนเป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรมสลาฟตะวันออกในยุคกลาง ส่งผลให้เกิดรัฐที่มีอำนาจในแถบนั้นในชื่อ เคียฟรุส (Kievan Rus”) อีกหลายศตวรรษ หลังจากนั้นจึงถูกแบ่งไประหว่างกลุ่มอำนาจต่างๆ โดยเฉพาะรัสเซีย โปแลนด์ และจักรวรรดิออตโตมัน โดยมีเอกราชระยะสั้นๆ ในช่วงปี ค.ศ.1917-1921

จากนั้นในปี ค.ศ.1922 ได้กลายเป็นสาธารณรัฐหนึ่งของสหภาพโซเวียต

แต่หลังจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียตในปี ค.ศ.1991 ยูเครนจึงได้ประกาศเอกราชจากสหภาพโซเวียตในวันที่ 24 สิงหาคม ค.ศ.1991

และต่อมาในวันที่ 1 ธันวาคม ปีเดียวกันนั้น ประชาชนชาวยูเครนได้ร่วมลงประชามติในการประกาศเอกราชอย่างเป็นทางการจากสหภาพโซเวียต

ปัจจุบันยูเครนมีประชากรกว่า 47 ล้านคน

ปราสาท Kamianets-Podilskyi Castle หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์อันน่าทึ่งแห่งยูเครน
ปราสาท Kamianets-Podilskyi Castle หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์อันน่าทึ่งแห่งยูเครน

จากที่เคยมีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษา (Counsellor) ประจำสถานทูตยูเครนในประเทศไทย ระหว่างปี ค.ศ. 2007-2011 แล้วเว้นช่วงไป 5 ปี ต่อมาได้กลับสู่ประเทศไทยอีกเป็นครั้งที่สองในปี ค.ศ.2016 คราวนี้ในตำแหน่งเอกอัครราชทูตยูเครนประจำประเทศไทย นายอันดรีย์ เบชตา (H.E. Mr. Andrii Beshta) ซึ่งมีความคุ้นเคยกับประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จึงได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากคนไทยและคนต่างชาติที่รู้จักมักคุ้นกันเป็นอย่างดี

นับตั้งแต่มาอยู่ช่วงแรก ท่านทูตเบชตา มีความมุ่งมั่นเป็นอย่างสูงที่จะขยายความร่วมมือในประเด็นต่างๆ ที่จะเสริมสร้างความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างไทยและยูเครนให้ใกล้ชิดแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นในช่วงระยะเวลาสี่ปีที่ประจำในประเทศไทย

“ผมเกิดที่ภาคตะวันตกของยูเครนซึ่งมีพรมแดนติดต่อกับโปแลนด์ในระหว่างที่ยังตกอยู่ภายใต้อำนาจของสหภาพโซเวียต ได้ทันเห็นการล่มสลายของสหภาพโซเวียตและก้าวแรกของการแยกตัวเป็นอิสระจากสหภาพโซเวียตในช่วงที่ผมยังเป็นนักเรียน ทำให้คิดว่าการทูตเป็นงานที่น่าสนใจมากที่สุด โดยผมหวังว่าจะสามารถมีส่วนในการเปลี่ยนแปลงยูเครนให้เป็นรัฐสมาชิกสหภาพยุโรปที่เป็นประชาธิปไตยและมีความเจริญรุ่งเรือง”

ท่านทูตเบชตา เริ่มการสนทนา

วิวของเทือกเขาคาร์เพเทียน Carpathian Mountainsในยูเครน
วิวของเทือกเขาคาร์เพเทียน Carpathian Mountainsในยูเครน

“ผมเริ่มต้นรับราชการโดยเป็นนักการทูตที่กระทรวงต่างประเทศของประเทศยูเครน ภายหลังที่สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยแห่งเมืองลวิฟ (Lviv State University) ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ในปี ค.ศ.1998”

“มาประจำที่เมืองไทยเป็นครั้งแรก หรือในความเป็นจริงคือ การมาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ.2007 ในฐานะที่ปรึกษา นับเป็นการประจำในต่างประเทศครั้งที่สองของผม จริงๆ แล้ว ในเวลานั้นผมค่อนข้างสับสนนิดหน่อยในการตัดสินใจมาปฏิบัติงานที่ประเทศไทยเพราะไม่เคยมีประสบการณ์โดยตรง ณ ภูมิภาคแห่งนี้ อีกทั้งความรู้ของผมที่เกี่ยวกับประเทศไทยก็ยังมีขีดจำกัด ที่ทราบก็คือ ประเทศไทยเป็นหนึ่งในเสือแห่งเอเชีย (One of the Asian Tigers) และมีแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามหลายแห่ง”

“วันหนึ่งเมื่อผมจะต้องไปปฏิบัติหน้าที่ยังต่างแดนในฐานะเอกอัครราชทูต และมีโอกาสเลือกประเทศที่จะไปประจำ ผมจึงขอเลือกประเทศไทย เพราะมีความเชื่อมั่นว่า จากประสบการณ์ที่ได้เคยมาทำงานที่ประเทศไทยในช่วงแรก จะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติหน้าที่ในความรับผิดชอบ และผมดีใจมากที่ได้รับการสนับสนุนทั้งจากประธานาธิบดีและรัฐมนตรี”

“ประธานาธิบดีแห่งยูเครนได้ลงนามแต่งตั้งผมในวันที่ 24 พฤศจิกายน ค.ศ.2015 ผมเดินทางมาถึงประเทศไทยปลายเดือนมกราคม ค.ศ.2016 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จออกแทนพระองค์ พระราชทานพระราชวโรกาสให้เฝ้าทูลละอองพระบาทเพื่อถวายอักษรสาส์นตราตั้งเป็นเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งยูเครนประจำประเทศไทยเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม ค.ศ.2016”

“นับเป็นการมาดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตครั้งแรกในสายงานการทูตของผม ผมจึงมีความสุขที่จะได้มาอยู่ในราชอาณาจักรไทย ทุกคนในครอบครัวของเราต่างพูดกันว่า เราได้กลับมาสู่บ้านหลังที่สอง กล่าวได้ว่านอกจากยูเครนประเทศของเราแล้ว ไม่มีประเทศใดที่เราจะอยู่นานเท่าที่ประเทศไทย”

“โดยปกติ การไปประจำในต่างประเทศมีวาระ 4 ปี ผมจึงมุ่งมั่นที่จะใช้ทักษะและพลังความสามารถทั้งหมดของผมไปในการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างยูเครนและราชอาณาจักรไทยให้บรรลุความคืบหน้าและประสบผลสำเร็จ”

“ทีมงานที่สถานทูตของเราในกรุงเทพฯ มีจำนวนไม่มากนักคือ มีนักการทูต 4 คน (รวมทั้งผม) อีก 2 คนเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารจากยูเครน มีคนไทยคือ เลขานุการ และคนขับรถ”

 

เมื่อถามถึงหน้าที่และความรับผิดชอบของเอกอัครราชทูต

“จะไม่แตกต่างจากประเทศอื่น ได้แก่ การรักษาความสัมพันธ์ทางการทูตกับราชอาณาจักรไทย การติดต่อสื่อสารผ่านช่องทางการทูต การพัฒนาความร่วมมือทางวัฒนธรรม การเมือง การค้า ความมั่นคง ตลอดจนการสนับสนุนและคุ้มครองชาวยูเครนในประเทศไทย”

“สถานทูตยูเครนที่นี่มีเขตอาณาครอบคลุมประเทศ สปป.ลาวและพม่าด้วย โดยได้รับการสนับสนุนจาก นายปรีชา ถิรกิจพงศ์ กงสุลกิตติมศักดิ์ยูเครนประจำประเทศไทยตั้งแต่ปี ค.ศ.2002 และ นางสาวบังอร จานสันเทียะ ซึ่งเป็นกงสุลกิตติมศักดิ์ยูเครนประจำเมืองพัทยา โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมจังหวัดชลบุรี”

สำหรับความรู้สึกที่มีต่อเมืองไทย ท่านทูตเบชตา ไม่ลังเลที่จะตอบในทันที

“กลับมาอยู่ที่นี่ได้ไม่นานนัก ครอบครัวของเราก็หลงรักเมืองไทยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเหตุที่คนไทยมีจิตใจดี มีความเป็นมิตร เมืองไทยอุดมสมบูรณ์ไปด้วยมรดกทางประวัติศาสตร์ ศิลปะและวัฒนธรรม มีธรรมชาติที่สวยสดงดงาม แม้กระทั่งอาหารไทย มีหลายอย่างที่เราโปรดปรานเพราะหลากหลายความอร่อย เช่น ส้มตำไทย หรือต้มยำกุ้ง เป็นต้น”

“ดังนั้น เราจึงพยายามหาโอกาสออกเดินทางเพื่อสำรวจประเทศไทยทั้งภาคตะวันออก ตะวันตก เหนือ และใต้ เราเลือกการพักผ่อนทั้งบนเกาะและการผจญภัยในอุทยานแห่งชาติ เช่น อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ หรือแก่งกระจาน แน่นอนที่สุด รวมถึงการเยี่ยมชมสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ได้แก่ อยุธยา สุโขทัย และล่าสุดที่ลพบุรีเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ได้ไปเยี่ยมชมพระนารายณ์ราชนิเวศน์ และร่วมงานเทศกาลโต๊ะจีนลิง ลพบุรี (Monkey Festival in Lopburi 2016) อีกด้วย”

เทศกาลโต๊ะจีนลิง เป็นงานประเพณีที่สำคัญของจังหวัดลพบุรี ณ บริเวณศาลพระกาฬ และพระปรางค์สามยอด จัดเป็นประจำทุกปีในวันอาทิตย์สุดท้ายของเดือนพฤศจิกายน ครั้งแรกจัดเมื่อวันที่ 25พฤศจิกายน ค.ศ.1989 เป็น 1 ใน 10 ของเทศกาลที่แปลกที่สุดในโลก เป็นเทศกาลแห่งความสนุกสนานและรอยยิ้มของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ