ยานยนต์ สุดสัปดาห์/สันติ จิรพรพนิต [email protected]

เจาะสเป๊กปิกอัพ ‘4 ประตู’

ประชัน 5 ยี่ห้อ-รุ่นแต่งพิเศษ

 

นับวันรถปิกอัพเมืองไทยนอกจากจะแต่งสวย สะดวกสบายไม่แพ้รถเก๋งแล้ว สมรรถนะต่างๆ ต้องถือว่าระดับน้องๆ รถเอสยูวีก็ว่าได้

โดยเฉพาะในกลุ่มรถรุ่นพิเศษ ซึ่งแต่ละค่ายจัดเต็มทั้งอุปกรณ์ภายนอก-ตกแต่งภายใน เรียกว่านั่งขับอยู่ภายในนึกไม่ออกว่าเป็นปิกอัพก็แล้วกัน

ตลาดเมืองไทยที่ถือว่าเป็นตลาดใหญ่ของกลุ่มรถปิกอัพ ทำให้แต่ละค่ายแข่งกันออกรุ่นพิเศษเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อ

“ยานยนต์สุดสัปดาห์” ฉบับนี้ ขอนำปิกอัพรุ่นแต่งพิเศษจาก 5 ค่าย เป็นเกียยร์อัตโนมัติ มาประชันเพื่อให้เห็นภาพชัดเจนสำหรับคนที่กำลังเมียงๆ มองๆ รถประเภทนี้อยู่

 

เบิกฤกษ์ด้วยเจ้าพ่อตลาดรถยนต์เมืองไทย “โตโยต้า” เสนอในรุ่น “Rocco Prerunner 2×4 2.4G AT”

โตโยต้า ร็อคโค่ เป็นปิกอัพรุ่นพิเศษที่แยกย่อยมาจาก “รีโว่”

กระจังหน้า สีเทาและสีดำเงา กันชนหน้าสีเดียวกับตัวรถพร้อมชุดตกแต่งกันชนหน้า กันชนหลังสีเทาเมทัลลิก

ไฟหน้า LED โปรเจ็กเตอร์ มีระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ พร้อมระบบ Follow-me-home ระบบปรับไฟหน้าสูง-ต่ำอัตโนมัติ

ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน ไฟตัดหมอกหน้า และไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED

กระจกมองข้าง สีดำเมทัลลิก ปรับและพับเก็บด้วยไฟฟ้าพร้อมไฟเลี้ยว

ภายในเน้นสีโทนสีดำ เบาะนั่งด้านหน้า ปรับระดับสูง-ต่ำไฟฟ้า (เฉพาะเบาะผู้ขับ)

แผงคอนโซลหน้า ตกแต่งด้วยสีดำเมทัลลิกและโครเมียม เช่นเดียวกับหัวเกียร์หุ้มหนังแต่งด้วยโครเมียม

มาตรวัดเรืองแสง Optitron สีขาว จอแสดงข้อมูลการขับขี่ (MID) จอสีแบบ TFT

ความบันเทิงอุปกรณ์ USB/AUX วิทยุ FM/AM และเครื่องเล่นแผ่น DVD จอสัมผัสพร้อมรองรับ T-Connect เชื่อมต่อด้วย Bluetooth ระบบโทร.ออกด้วยเสียง ระบบนำทาง ลำโพง 6 ตำแหน่ง

ขุมพลังเครื่องยนต์ 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว VN เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ 2,393 ซีซี กำลังสูงสุด 150 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตร ระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อม Sequential Shift

ราคา 988,000 บาท

 

ตามมาด้วย “อีซูซุ ดีแมคซ์ สเทลธ์” 4 ประตูแต่งดุ

ดีไซน์ภายนอกที่เสริมให้เจ้าสเทลธ์ดุดันขึ้นประกอบด้วยชุดกระจังหน้าให้เห็นถึงความมีพลัง เส้น STEALTH LINE ต่อเนื่องรับกับไฟหน้าและสเกิร์ตหน้า กรอบไฟ ตัดหมอกสีดำ ล้ออัลลอยทูโทน 18 นิ้ว และกันชนดีไซน์ใหม่

ไฟหน้าแบบ Bi-LED เป็นทั้งไฟส่องสว่างเวลากลางวัน และไฟหรี่เวลากลางคืน บันไดข้างชิ้นเดียว เสาอากาศแบบ Shark Fin

ภายในออกแบบห้องโดยสารใหม่ทูโทน เบาะนั่งกึ่งหนังแท้สีดำ พร้อมสัญลักษณ์ STEALTH ที่แผงประตูข้าง เบาะนั่งปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง ช่อง USB ชาร์จไฟ 2 ตำแหน่ง

หน้าปัดพร้อมหน้าจอสีแสดงข้อมูลที่จำเป็น พวงมาลัยแบบ 3 ก้าน มัลติฟังก์ชั่น ระบบเอ็นเตอร์เทนเมนต์ หน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อไร้สาย ระบบนำทางเนวิเกเตอร์ แสดงภาพกล้องมองหลังขณะถอยพร้อมเส้นกะระยะ

ระบบช่วงด้านหน้า ปีกนก 2 ชั้น คอยล์สปริง/โช้กอัพแก๊ส ส่วนด้านหลังแหนบแผ่นรูปครึ่งวงรี/โช้กอัพแก๊ส

เครื่องยนต์ DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว คอมมอนเรล ความจุ 1,898 ซีซี กำลังสูงสุด 150 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร

ราคา 990,000 บาท

 

“นิสสัน นาวารา แบล็กอิดิชั่น” รุ่นนี้ถือเป็นตัวแต่งดุดันบวกกับตัวถังขนาดใหญ่

กระจังหน้าสีดำ กันชนหน้าสีเดียวกับตัวรถ ตกแต่งสีดำคาดส้ม กันชนหลังสีดำ คิ้วขอบหน้าต่างโครเมียม

ไฟหน้า LED โปรเจ็กเตอร์ กรอบสีดำ ไฟหรี่แบบ LED ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน ไฟตัดหมอกหน้าพร้อมกรอบสีดำ

กระจกมองข้างขนาดใหญ่สีดำคาดส้ม พร้อมไฟเลี้ยว LED

สปอยเลอร์ด้านหลัง เสาอากาศแบบ Shark Fin สีดำ

ภายในโทนสีดำ พวงมาลัยเพาเวอร์ ปรับระดับได้หุ้มหนัง 3 ก้าน พร้อมตกแต่งสีเงินและเดินด้ายส้ม

มาตรวัดรอบ มาตรวัดระยะทางแบบดิจิตอล แสดงข้อมูลการขับขี่แบบ 3 มิติ (3D Display)

ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง

เครื่องเสียงพร้อมวิทยุ FM/AM, MP3 พร้อมจอ Touch Screen ขนาด 8 นิ้ว, ช่องต่ออุปกรณ์ USB/AUX ระบบ NISSAN CONNECT ลำโพง 6 ตัว

มีระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) และระบบ Push Start

เครื่องยนต์ดีเซล 2.5 ลิตร คอมมอนเรล 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว VGS เทอร์โบแปรผัน อินเตอร์คูลเลอร์ 163 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 403 นิวตัน-เมตร เกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด

ราคา 950,000 บาท

 

รุ่นถัดมา เชฟโรเลต “โคโลราโด ไฮคันทรี สตอร์ม”

เน้นรูปลักษณ์และการตกแต่งรอบคัน สร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวของรถกระบะ ตกแต่งสีดำเน้นความดุดันบึกบึน

ชุดตกแต่ง “สตอร์ม” พัฒนาบนพื้นฐานของกระบะรุ่นโคโลราโด ไฮคันทรี เน้นสีดำทุกชิ้น ไม่ว่าจะเป็นสปอร์ตบาร์ ล้ออัลลอยสีดำดีไซน์สปอร์ตขนาด 18 นิ้ว มือจับเปิดประตู มือจับเปิดฝาท้าย เส้นขอบหน้าต่าง และกันชนท้ายพร้อมเซ็นเซอร์ถอยหลัง

สติ๊กเกอร์บนฝากระโปรงหน้าพร้อมโลโก้ High Country สติ๊กเกอร์ STORM ตกแต่งด้านข้างตัวรถลายสปอร์ต และกระจกมองข้างสีดำ

ขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบแปรผัน DURAMAX VGT (Variable Geometry Turbocharger) 2.5 ลิตร กำลังสูงสุด 180 แรงม้า แรงบิด 440 นิวตันเมตร ระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด มีทั้งระบบขับเคลื่อนสองล้อและขับเคลื่อนสี่ล้อ

ระบบความปลอดภัยมาครบ อาทิ ทั้งถุงลมนิรภัย 3 จุด ทั้งคู่หน้า และหัวเข่าสำหรับผู้ขับขี่ ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและการลื่นไถล (TCS), ระบบช่วยเบรกกะทันหัน (PBA), ระบบกระจายแรงเบรก (EBD), ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ESC) ฯลฯ

ระบบแจ้งเตือนเมื่อออกจากช่องจราจร ระบบแจ้งเตือนการชนด้านหน้า ระบบช่วยเหลือการจอดด้านหน้าและหลัง และระบบตรวจวัดและแจ้งเตือนแรงดันลมยาง

รุ่นขับเคลื่อนสองล้อ เกียร์อัตโนมัติ 1,028,000 บาท และขับเคลื่อน 4 ล้อ 1,098,000 บาท

 

ตบท้ายด้วย มาสด้า “BT-50 PRO THUNDER”

ภายนอกตกแต่งด้วยสติ๊กเกอร์ลายกราฟฟิก กระจังหน้าโครเมียมดีไซน์ใหม่ “Signature Wing” เป็นเส้นแนวนอน 3 ชั้น ไฟหน้ามัลติรีเฟล็กเตอร์ ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ กันชนหน้าออกแบบใหม่

ภายในโทนดำ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นสามก้าน พร้อมสวิตช์ควบคุมการทำงานทั้ง ระบบล็อกความเร็วอัตโนมัติ และสวิตช์ควบคุมการทำงานเครื่องเสียง

เครื่องเล่น DVD ระบบนำทาง 7 นิ้ว เครื่องปรับอากาศแยกอุณหภูมิอิสระซ้าย-ขวา Dual Zone

ช่วงล่างอัจฉริยะ super DE-S ที่ได้รับการยอมรับในเรื่องความนุ่มสบายและดูดซับแรงสะเทือนไม่ให้เข้าถึงห้องโดยสารได้เป็นอย่างดี เสริมด้วยเหล็กกันโคลงหน้า ช่วยเพิ่มเสถียรภาพการทรงตัว และมีประสิทธิภาพสูงในเรื่องยึดเกาะถนน

ระบบความปลอดภัยเพิ่มแรงเบรกฉุกเฉิน EBA (Emergency Brake Assist) และระบบเบรกอัตโนมัติ BOS (Brake Override System), ระบบสัญญาณไฟฉุกเฉินกะพริบเมื่อเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal), เข็มขัดนิรภัยแบบดึงรั้งกลับอัตโนมัติ 3 จุด 2 ตำแหน่ง, ถุงลมนิรภัยคู่หน้า, เฟืองท้ายแบบลิมิเต็ดสลิป (LSD) และกล้องมองหลัง

เครื่องยนต์ดีเซล Di-Thunder PRO 2.2 ลิตร 4 สูบ เทอร์โบแปรผัน กำลังสูงสุด 150 แรงม้า แรงบิด 375 นิวตัน-เมตร เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด

ราคา 952,000 บาท