เครื่องเคียงข้างจอ/วัชระ แวววุฒินันท์ /เรื่องดราม่า

วัชระ แวววุฒินันท์

เครื่องเคียงข้างจอ/วัชระ แวววุฒินันท์

เรื่องดราม่า

เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์ที่เปรียบเป็น “วันประกาศอิสรภาพ” ของจอดิจิตอลทีวีก็ว่าได้ เนื่องด้วย กสทช.ได้มีน้ำใจยื่นขอนไม้มาให้เกาะเพื่อไม่จมน้ำตายไปต่อหน้าต่อตา โดยการอนุญาตให้เจ้าของสถานีดิจิตอลทีวีที่เหลืออยู่ 22 ช่อง สามารถแจ้งความประสงค์ขอคืนช่องได้

และก็มีผู้เลือกใช้บริการ 7 รายด้วยกันได้แก่

ช่อง 3 คืนจำนวน 2 ช่อง คือ 3Family (13) และ 3SD (28) เหลือเก็บไว้ทำมาหากินต่อเพียง 1 ช่องเท่านั้นคือ 3HD (33)

อีก 5 ช่องที่คืนก็มี MCOT Family (14), Bright tv (20), Voice tv (21), Spring News (19) และ Spring (26)

ตัวเลขในวงเล็บคือตัวเลขช่องนะครับ

สรุปว่าตอนนี้มีผู้กล้าลุยต่อ 15 สถานีด้วยกัน ถือว่าเป็นตัวเลขที่ลดลงไม่น้อยจากเดิม 24 ช่องเต็ม เหลืออยู่ 15 ฮีโร่มาร์เวลที่จะลุยไฟในอุตสาหกรรมนี้กันต่อไป

 

นี่คือสิ่งที่ไม่เกินการคาดเดา หลังจากการประมูลช่องผ่านไปได้ 1 ปี หลายเสียงบอกว่า สุดท้ายผู้ประกอบการจะอึดไม่ไหว และจะเหลือช่องอยู่ 10-12 ช่อง สำหรับตัวเลข 15 นี่ก็ใกล้เคียง

ที่เกิดเช่นนี้ขึ้นคงไม่ย้อนความกันอีก เพราะข้อมูลการดำเนินงานที่ผิดพลาดของรัฐในเรื่องนี้มีออกมาเป็นระยะๆ

และเหตุการณ์ประกาศอิสรภาพนี้ ก็เหมือนเป็นการ “ชดเชย” ในสิ่งที่พลาดไปนั้น

สรุปว่า… “ก็ยังดี”

นี่คือธรรมชาติของสิ่งต่างๆ บนโลก ที่ทุกอย่างจะมีวิธีการจัดการกับมันเอง อะไรที่มากไปน้อยไป ไม่นานก็จะเกิดการปรับตัวทั้งที่เป็นบวกและลบ

ถามว่า แล้วเหตุการณ์นี้ส่งผลอะไรต่อมา

 

ข้อมูลบอกว่า 5 สถานีนี้จะปิดตัวลงไม่เกินเดือนสิงหาคม จะมีคนต้องออกจากงานราว 1,500 คน ส่งผลแน่นอนกับ 1,500 ครอบครัว

ในขณะที่คนที่เดินต่อก็ต้องเดินต่อไปอย่างระมัดระวัง คงไม่สามารถใช้ทุนรอนมาเสริมความแข็งแรงได้มากนัก แต่ก็จำเป็นต้องสร้างงานเพื่อแย่งชิงคนดู ที่จะสะท้อนมาเป็นเรตติ้งเพื่อเรียกเม็ดเงินโฆษณา

แน่นอนที่คนยังดูทีวี แต่ด้วยพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปอย่างมาก และเปลี่ยนเร็วจนอุตสาหกรรมตามไม่ทัน นั่นหมายความว่าดิจิตอลทีวียังต้องเหนื่อยหนักจากการแย่งชิงคนดูจากแพลตฟอร์มอื่น และผู้เล่นรายอื่นๆ ที่ไม่ใช่แค่ 15 ช่องที่เหลือ

5 ปีที่ผ่านมาได้สร้างดราม่าหนักๆ ให้กับอุตสาหกรรมนี้เหลือเกิน เป็นยิ่งกว่า “กรงกรรม” เพราะกรงกรรมสุดท้ายยังมีบทสรุปและบางคนก็แฮปปี้เอ็นดิ้ง แต่นี่ยังมองบทสรุปในอีก 10 ปีที่เหลือไม่ออก และแน่นอนที่คงจะไม่แฮปปี้เอ็นดิ้งกันทุกตัวละคร

ถ้าเป็นละครก็เป็นละครที่สุดแสนดราม่า โศกสลดเศร้ารันทดในชะตากรรมของตัวละครยิ่งนัก

 

ดราม่านี้สะท้อนให้เห็นว่า การวางนโยบายของรัฐบาลและการเดินเกมที่ไม่อยู่บนทางสายกลางก่อให้เกิดโศกนาฏกรรมขึ้นจริงๆ กับผู้คนในประเทศ

นี่กำลังจะมีการแย่งกันเป็นรัฐบาลเพื่อนำประเทศ ยังไม่รู้ว่าผู้ที่ได้เป็นจะนำพาเรือลำใหญ่นี้ได้ถูกทิศทางเพียงไร ลำพังเรือนี้ก็มีรูรั่วรูเบ้อเริ่มอยู่รอบลำ แค่ไล่อุดก็เหนื่อยแล้ว แล้วยังจะต้องเผชิญกับคลื่นลมในมหาสมุทรของโลก ที่เพียงอเมริกากับจีนจิกตีกันก็ส่งผลสะเทือนไปทั่ว แล้วไทยจะเลี่ยงผลกระทบได้อย่างไร

กังวลใจว่า หากรัฐบาลคิดนโยบาย โดยวัดกันแต่เพียงตัวเลขก็อาจจะก่อโศกนาฏกรรมซ้ำซ้อนขึ้นมาอีกได้

หากยังดราม่ากันเรื่องผลประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้อง ยังตกลงเรื่องเก้าอี้กันไม่เสร็จ ยังแสวงหาอำนาจมาครอบครองให้มากที่สุด ก็อาจจะมีเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์เกิดขึ้นกับประเทศนี้อีก

หากคนใหญ่คนโตมีหน้าที่การงานสำคัญ แต่วางตัวไม่เหมาะสม คอยเบ่งแม้แต่กับตำรวจผู้น้อยที่ปฏิบัติตามหน้าที่ ก็อย่าหวังว่าจะเห็นสังคมที่พัฒนาไปกว่านี้

เรื่องนี้ทำให้คนหลายคนอยากเปลี่ยนชื่อจาก “โชค” เป็นอย่างอื่น

ถึงขั้นทำสติ๊กเกอร์ติดท้ายรถว่า “รถคันนี้เพื่อนโชค” คล้ายๆ กับที่เคยมี “รถคันนี้สีดำ” มาแล้ว

เห็นว่ามีการทำสติ๊กเกอร์ตามมาอีก เขียนว่า “รถคันนี้มีอธิบดี” ล้อเลียน “รถคันนี้มีเด็ก” แต่เจ็บๆ คันๆ กว่ากันเยอะ

 

ย้อนไปเรื่องดิจิตอลทีวีที่พูดถึงไปตอนต้น ตอนที่ประมูลนั้นก็แย่งกันทุ่มเงินเพื่อให้ได้ครอบครองช่อง เพื่อหวังเป็นแหล่งทำมาหากินทางธุรกิจ ซึ่งเป็นเรื่องปกติของระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม และก็เกิดเหตุการณ์พลิกความคาดหมายต่างๆ ดังที่ทราบ

มาถึงเรื่องการเมือง ที่ก็กำลังจะแย่งโอกาสแย่งอำนาจกัน ซึ่งก็ได้แต่หวังว่าจะไม่ได้แย่งโอกาสกันเพื่อหวังเป็นแหล่งทำมาหากินเหมือนที่ผ่านๆ มา

จากเรื่องของดิจิตอลทีวี ที่สุดท้ายแล้วธรรมชาติจะจัดการหาทางออกของมันได้เอง

เรื่องการเมืองเหมือนกัน ที่หากสุดท้ายแล้วหาทางออกไม่ได้ หรือหาทางออกได้แต่ยังวุ่นวายไม่รู้จบ ก็จะมีธรรมชาติที่จะลุกขึ้นมาจัดการจนได้

ธรรมชาตินั้นมาจากไหน มาจากธรรมชาติของคนเรานี่แหละ ที่หากอัดอั้นตันใจ ไร้ทางออกมากๆ เข้า ก็ต้องรวมตัวกันลุกขึ้นมาสู้เพื่อ “จัดการ” กับมัน

ขอเพียงแต่ว่าอย่าบังคับให้ถึงวันนั้นเลย หากว่าผู้มีอำนาจเห็นแก่ประเทศชาติจริงๆ

ก็เพียงแต่ครองอำนาจด้วยความเป็นธรรม ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา สร้างประโยชน์เพื่อส่วนรวม ไม่ใช่ส่วนตนและพวกพ้อง

ไม่อย่างนั้น ต้องมีดราม่าระดับประเทศเกิดขึ้นแน่นอน