หนุ่มเมืองจันท์ | ปรัชญา “ต้นไม้ใหญ่”

หนุ่มเมืองจันท์facebook.com/boycitychanFC

ตั้งแต่ “พี่เถียร” เล่นเฟซบุ๊ก

ผมก็เป็นแฟนเพจ “เสถียร จันทิมาธร” มาโดยตลอด

“พี่เถียร” เป็นคนอ่านหนังสือเยอะมาก

“รอยหยัก” ในสมองของคนอื่นคงเป็นลูกคลื่น

แต่ “รอยหยัก” ของ “พี่เถียร” น่าจะเรียงตัวเป็นพยัญชนะไทย

และมีสระและวรรณยุกต์กำกับ

ก่อนหน้านี้ผมอาศัย “ครูพักลักจำ” จากการคุยกับ “พี่เถียร”

แต่วันนี้เปลี่ยนมาเป็นการอ่านเรื่องราวในเพจ

มีทั้งเรื่องกำลังภายใน นิยายแปล ความรู้ต่างๆ รวมทั้งเรื่องธรรมะ

อย่างล่าสุด “พี่เถียร” เล่าเรื่อง “ประโยชน์ของสิ่งที่ไร้ประโยชน์” จากหนังสือ “จวงจื๊อ จอมปราชญ์”

“บุญศักดิ์ แสงระวี” เป็นคนเรียบเรียง

ชอบมากครับ

ขออนุญาตยกมาให้อ่านแบบเต็มๆ

ไม่ตัดต่อ

ไม่เรียบเรียงใหม่

อ่านจบแล้วมาถกกันต่อครับ

…ช่างสลักหินเดินทางไปแคว้นฉีเพื่อปลูกบ้าน ระหว่างทางพบต้นไม้ใหญ่มหึมาต้นหนึ่ง

ขึ้นอยู่ข้างศาลพระภูมิ

ลำต้นของมันใหญ่มาก ความสูงของมันก็เกือบเสียดก้อนเมฆบนฟ้า

กิ่งก้านใหญ่หลายร้อยกิ่ง

บรรดาลูกศิษย์ยืนจับกลุ่มกันที่ข้างทาง มองต้นไม้ประหลาดนั้นด้วยความตื่นตาตื่นใจ

มีแต่ช่างสลักหินที่มองครั้งเดียวแล้วก็ออกเดินทางต่อ

“อาจารย์ครับ นับแต่พวกเรามาฝึกงานอยู่กับท่านยังไม่เคยเห็นต้นไม้ใหญ่ขนาดนี้มาก่อนเลย

ทำไมท่านอาจารย์จึงไม่หยุดดูมันสักพักหนึ่งเล่า”

“ไม่เห็นมีอะไร” ช่างสลักหินตอบ

“เป็นต้นไม้ที่ใช้ไม่ได้ต้นหนึ่งเท่านั้นเอง

“ใช้ทำเรือก็จะจม ใช้ทำโลงศพก็จะเปื่อยผุเร็ว ใช้ทำเครื่องใช้ก็จะไม่แข็งแรง ใช้ทำวงกบประตูยางก็จะเยิ้มออกมา ใช้ทำเสาก็จะมีมอดขึ้น

รวมความว่ามันเป็นต้นไม้ที่ใช้การอะไรไม่ได้สักอย่าง

เพราะฉะนั้น มันจึงใหญ่โตถึงขนาดนี้ ในเมื่อมันไม่มีประโยชน์อะไร

เหตุไฉนเราจะต้องไปดูมันด้วยเล่า”

คืนวันนั้นเองช่างสลักหินก็เกิดฝันเป็นเรื่องเป็นราวที่พิสดาร ฝันว่าต้นไม้ใหญ่ต้นนั้นพูดกับเขาว่า

“เมื่อตอนกลางวันเจ้าว่าอะไรข้าบ้าง

เจ้าว่าข้าเป็นไม้ที่ใช้อะไรไม่ได้ ข้าว่าเจ้านั่นแหละที่เป็นคนที่ใช้การไม่ได้

เจ้าทำไมไม่ลองคิดดูว่า

ถ้าหากข้าใช้ได้ จะมิถูกตัดไปช้านานแล้วดอกหรือ ข้าจะมีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้ได้อย่างไร

จงดูพวกต้นส้มทั้งหลายเถิด

พอลูกมันสุกก็จะถูกดึงถูกทึ้ง ได้รับความอัปยศอย่างที่สุด ส่วนพวกต้นสนนั้นเล่ามักจะถูกตัดอยู่เสมอๆ

เอาชีวิตไว้ไม่รอด

คนในโลกมนุษย์นี้ มิใช่มักจะชอบหาเรื่องใส่ตัวดังนี้ตลอดมาดอกหรือ”

ได้ฟังดังนั้นช่างสลักหินจึงกล่าว

“ข้าต้องขอโทษเจ้าด้วย ที่แท้ เจ้าก็เป็นต้นไม้ที่มีความฉลาดเฉลียวต้นหนึ่ง”

ต้นไม้กล่าวต่อว่า

“เพื่อที่จะทำให้ข้ากลายเป็นต้นไม้ที่ไร้ประโยชน์ข้าต้องใช้หัวคิดไปมากมายเหลือเกิน มีอยู่หลายครั้งก็เพราะข้าเป็นต้นไม้ที่ไร้ประโยชน์นี่แหละจึงเกือบจะถูกโค่นไปหลายครั้งแล้ว

ในที่สุดข้าก็เลือกที่ตรงนี้ได้”

วันรุ่งขึ้น ช่างสลักหินจึงเล่าความฝันเมื่อคืนของตนให้บรรดาลูกศิษย์ฟัง

“พวกเจ้าจะต้องสนใจให้มาก

ประโยชน์ของสิ่งไร้ประโยชน์ จึงจะเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ที่สุด”

ลูกศิษย์พยักหน้ารับแล้วถาม “ในเมื่อต้นไม้นั้นทำตนให้กลายเป็นต้นไม้ที่ไร้ประโยชน์ แต่เหตุไฉนจะต้องไปขึ้นอยู่ที่ข้างศาลพระภูมิเพื่อให้คนทั้งหลายสนใจเล่า”

ช่างสลักหินตอบว่า

“พูดจาอะไรเสียงเบาๆ หน่อย อย่าให้ต้นไม้ต้นนั้นได้ยิน ต้นไม้ที่ใช้ทำอะไรก็ไม่ได้ต้นนั้นพวกเจ้าทำไมไม่ลองคิดดูว่า จะขึ้นอยู่กลางถนนตามความพอใจได้หรือ

ที่มันขึ้นอยู่ข้างศาลพระภูมิ ใครๆ ก็ต่างจะพากันคิดว่ามันเป็นต้นไม้ของศาลพระภูมิ แม้ว่าจะคิดตัดมันมาทำฟืน

ก็ไม่มีใครกล้าทำเช่นนั้นอย่างเด็ดขาด”

จบครับ

เรื่องนี้สอนอะไรผมมากมาย

เรื่องแรก สิ่งใดจะมีค่าหรือไม่มีค่า อยู่ที่ “มุมมอง”

“ช่างสลักหิน” มองทุกสิ่งในมุมของ “ช่าง”

ต้นไม้ที่มีประโยชน์ คือ ต้นไม้ที่สามารถนำมาทำสิ่งของเครื่องใช้ได้

ผมนึกถึง “ป๋า” ที่เป็นชาวสวน

ไม้ใบ ไม้ดอกที่สวยงามของคนกรุงไม่มีประโยชน์สำหรับ “ป๋า”

ต้องเป็นต้นไม้ที่ให้ “ผล” เท่านั้นจึงจะมีประโยชน์

เช่นเดียวกับคนที่ไปไหว้ศาลเจ้าหรือศาลพระภูมิ

ต้นไม้ใหญ่ที่ให้ร่มเงาคือ ต้นไม้ที่มีประโยชน์

ต้นไม้ที่เนื้อไม้มีลายสวยแข็งแรงที่ช่างไม้ชอบ ไม่มีประโยชน์

หรือถ้าเปลี่ยนเป็นมุมมองของ “ต้นไม้”

วิธีคิดของเขาก็เหมือนกับสิ่งที่มีชีวิตทั่วไป

นั่นคือ การมีชีวิตรอด

การทำตัวเป็นต้นไม้ที่ไร้ประโยชน์จึงทำให้ต้นไม้นี้รอดพ้นจากช่างไม้ทั้งหลาย

เรื่องที่สอง อย่าตัดสินอะไรเร็วเกินไปเหมือนช่างสลักหิน

อย่าคิดแต่ในมุมของตัวเอง

ต้องมองให้ครบถ้วนรอบด้าน

เรื่องที่สาม คุณค่าของตัวเราขึ้นอยู่กับ “ตำแหน่ง” ที่เราเลือกยืน

ถ้าต้นไม้นี้งอกอยู่กลางสวนผลไม้ที่ชาวสวนต้องการพื้นที่ปลูกไม้ที่ให้ผล

ต้นไม้นี้จะไร้ประโยชน์

แต่เพราะเลือกงอกอยู่ใกล้ศาลพระภูมิหรือศาลเจ้า

ยิ่งใหญ่โตเท่าไรก็ยิ่งให้ร่มเงากับคนที่มากราบไหว้ศาลแห่งนี้มากเท่านั้น

“ความใหญ่โต” คือ ประโยชน์ของต้นไม้นี้

และยิ่งงอกใกล้สิ่งที่ชาวบ้านนับถือ ต้นไม้ก็ยิ่งซึมซับ “ความศักดิ์สิทธิ์” ไปด้วย

ครับ ถ้ากิ่งก้านของต้นไม้สามารถหยิบจับสิ่งของได้เหมือนกับมือของคน

แค่หยิบผ้าสีสดๆ มาผูกที่ลำต้น

ต้นไม้ต้นนี้จะกลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ทันที

อาจเป็น “เจ้าพ่อ” หรือ “เจ้าแม่” อะไรสักอย่าง

การเลือกตำแหน่งยืนจึงเป็นเรื่องสำคัญ

สามารถทำให้ “สิ่งที่ไม่มีประโยชน์” ในมุมของคนทั่วไปกลายเป็น “สิ่งที่มีประโยชน์” ได้ทันที

…ชีวิตก็เช่นกัน

เรื่องสุดท้ายที่ผมเรียนรู้จากเรื่องนี้ ก็คือ เรื่องที่ดีไม่จำเป็นต้องคิดขึ้นเอง

ไม่ต้องเรียบเรียง

ไม่ต้องตัดต่อ

เพราะ “ปิกัสโซ” ศิลปินระดับโลกเคยบอกว่า “ศิลปินชั้นดีลอกเลียนแบบ

ศิลปินที่ยิ่งใหญ่

…ขโมย”

เรื่องนี้ก็เช่นกัน