สี่ปีก่อน เคยเกิดข่าวใหญ่ซึ่งได้รับความสนใจจากทั้งสื่อไทยและสื่อต่างประเทศ เมื่อพ่อแม่ชาวไทยครอบครัวหนึ่งที่โศกสลดหลังต้องสูญเสียลูกสาวสุดที่รักวัยเพียง 2 ขวบ ตัดสินใจครั้งสำคัญ ด้วยการเลือกนำร่างอันไร้วิญญาณของเด็กน้อยไป “แช่แข็ง” เอาไว้ เพื่อรอคอย “ความหวัง” บางอย่างในอนาคต

ล่าสุด เรื่องราวต่อเนื่องจากประเด็นดังกล่าว ได้ถูกนำไปผลิตเป็นภาพยนตร์สารคดีชื่อ “Hope Frozen” โดย “ไพลิน วีเด็ล” สื่อมวลชน-นักทำหนังเชื้อสายไทย และเพิ่งได้รับรางวัลภาพยนตร์สารคดีนานาชาติยอดเยี่ยมจากเทศกาลหนังสารคดี “Hot Docs” ที่โตรอนโต ประเทศแคนาดา

การได้รับรางวัลดังกล่าวส่งผลให้ “Hope Frozen” มีสิทธิ์ได้รับการพิจารณาคัดเลือกให้เข้าชิงรางวัลภาพยนตร์สารคดีขนาดยาวยอดเยี่ยมในออสการ์ครั้งหน้า โดยไม่ต้องเข้าฉายที่โรงภาพยนตร์ในสหรัฐอเมริกา

เว็บไซต์ทางการของ “Hope Frozen” ระบุถึงเรื่องย่อของหนังเอาไว้ว่า “น้องไอนส์” เด็กหญิงวัย 2 ขวบจากกรุงเทพมหานคร กลายเป็นมนุษย์ที่อายุน้อยที่สุดในโลก ซึ่งถูกนำร่างเข้าเก็บรักษาในกระบวนการแช่แข็ง

ภายหลังจากที่เด็กน้อยเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งสมอง ครอบครัวของเธอก็ส่งร่างน้องไอนส์ไปยังแล็บในสหรัฐ

ปัจจุบัน ศีรษะและสมองของเธอถูกเก็บรักษาเอาไว้ในห้องแล็บที่แอริโซนา

หนังสารคดีเรื่อง “Hope Frozen” จะติดตามสมาชิกครอบครัวของน้องไอนส์ โดยเฉพาะคุณพ่อ นักวิทยาศาสตร์เลเซอร์ผู้จบการศึกษาระดับปริญญาเอก และนับถือพุทธศาสนา อันมีหลักธรรมคำสอนว่าด้วยความเป็นอนิจจัง

คุณพ่อน้องไอนส์ให้ความเชื่อมั่นแก่ครอบครัวของตนว่า ทุกคนควรทุ่มเทความหวังในการฟื้นคืนชีวิตลูกสาวไว้กับเทคโนโลยี “แช่แข็ง” ซึ่งยังเผชิญหน้ากับข้อโต้แย้งถกเถียงมากมาย ณ ปัจจุบัน

คุณพ่อมีความหวังว่า สักวันหนึ่ง น้องไอนส์คนเดิมจะมีโอกาสฟื้นคืนชีพในร่างใหม่ แม้ตัวเขาเองอาจมีชีวิตอยู่ไม่ถึงวันนั้นก็ตาม

ขณะเดียวกัน “แมทริกซ์” พี่ชายคนโตวัย 15 ปี ผู้เฉลียวฉลาดของน้องไอนส์ ก็ได้เข้ามาช่วยเติมเต็มความฝันของครอบครัว

หนุ่มน้อยผู้นี้เดินทางไปสหรัฐอเมริกา เพื่อหารือกับคณะนักวิทยาศาสตร์ที่มีแนวโน้มจะค้นพบวิทยาการใหม่เกี่ยวกับการเก็บรักษาความทรงจำของมนุษย์

ความศรัทธาที่มีต่อวิทยาศาสตร์อย่างเข้มข้นแรงกล้าของครอบครัวน้องไอนส์กำลังจะถูกท้าทาย-ทดสอบใหญ่อีกครั้งหนึ่ง โดยสิ่งที่แมทริกซ์เพิ่งค้นพบ

“Hope Frozen” จะถักทอฟุตเทจวิดีโอที่พ่อแม่เคยบันทึกภาพวิถีชีวิตของน้องไอนส์ เข้ากับการเฝ้าติดตามสังเกตวิถีชีวิตของสมาชิกครอบครัวรายอื่นๆ ภายหลังการถึงแก่กรรมของน้อง

นี่คือภาพยนตร์สารคดีที่พยายามจะสำรวจตรวจสอบเทคโนโลยี ซึ่งให้ความหวังว่าสมอง/ความทรงจำของมนุษยชาติอาจถูกเก็บรักษาเอาไว้ได้ และการต่อสู้ทางอารมณ์ความรู้สึกของสมาชิกในครอบครัว ซึ่งพร้อมจะอุทิศทุกอย่าง เพื่อชุบชีวิตเด็กน้อยวัย 2 ปี ขึ้นมาใหม่

“ไพลิน วีเด็ล” ผู้กำกับฯ และโปรดิวเซอร์ของหนังสารคดีเรื่องนี้ เคยเป็นช่างภาพนิ่งให้แก่หนังสือพิมพ์ในสหรัฐ ก่อนจะตกหลุมรักการเล่าเรื่องราวต่างๆ ด้วยวิดีโอ และตัดสินใจเรียนรู้ศาสตร์แขนงนี้ด้วยตนเอง

เธอเคยผลิตสื่อภาพเคลื่อนไหวให้สำนักข่าวต่างชาติหลายแห่ง เช่น อัลจาซีรา, เอบีซี ออสเตรเลีย, นิวยอร์กไทมส์, เนชั่นแนล จีโอกราฟิก, โมโนเคิล, เดอะ วอลล์ สตรีท เจอร์นัล และเอพี

ภาพยนตร์สารคดีของไพลินมักมุ่งความสนใจไปยังประเด็นว่าด้วยความศรัทธา, บาดแผลในจิตใจ และการปรับตัวเข้ากับภาวะสมัยใหม่ของมนุษย์

แม้จะพึ่งพาบุคลากรต่างชาติในตำแหน่งสำคัญๆ ทว่า “Hope Frozen” ยังมีทีมงานหลักเป็นชาวไทยอีกสองราย คือ “อัคริศเฉลิม กัลยาณมิตร” นักออกแบบเสียง ซึ่งเคยทำงานร่วมกับ “อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล” และ “ชัพวิชญ์ เต็มนิธิกุล” นักทำดนตรีประกอบภาพยนตร์ ซึ่งเคยมีผลงานน่าจดจำใน “อนธการ” และ “มะลิลา”

 

เนื้อหาและภาพประกอบจาก:

https://www.hopefrozen.com/

https://variety.com/2019/film/festivals/we-will-stand-up-hope-frozen-take-top-prizes-hot-docs-1203205112/