อนุสรณ์ ติปยานนท์ : หมอกสีเทา

เมืองในหมอก (2)

เราอาจเรียกเขาว่า ก หรือ A หรืออะไรก็ได้ตามที่เราต้องการ

สำหรับลูกจ้างธรรมดาคนหนึ่งในลูกจ้างนับร้อยนับพันแห่งโรงงานผลิตหน้ากาก

โรงงานผลิตหน้ากากที่เราจะเรียกมันว่าโรงงาน ก หรือโรงงาน A หรืออะไรก็ได้

โรงงานธรรมดาโรงงานหนึ่งในโรงงานผลิตหน้ากากนับร้อยนับพัน

กระนั้น ในฐานะของการเล่าเรื่อง เราจำเป็นต้องมีสัญลักษณ์แทนตัวละคร เราจึงเรียกเขาว่านายหมอกสีเทา

นายหมอกสีเทาทำงานในโรงงานผลิตหน้ากากแห่งนี้มาเนิ่นนาน เขาเป็นคนงานรุ่นแรกที่ทำงานนี้ในฐานะลูกจ้างหรือคนงานธรรมดา

เขาเป็นคนงานรุ่นแรกที่ทำงานนี้ก่อนที่วิกฤตหมอกควันจะเข้าปกคลุมเมือง

ไม่น่าเชื่อว่าจากความรู้เพียงเล็กน้อยที่เขามีและไม่อาจหางานอื่นใดที่สำคัญได้

การทำงานในโรงงานคือทางเลือกสำหรับบุคคลที่ไม่ปรารถนาทำงานในเรือกสวน ไร่นา หลังสู้ฟ้า หน้าสู้ดิน

นั่นคือนิยามของคนในชั้นสังคมแบบเขา นายหมอกสีเทาเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงนับแต่วัยหนุ่ม

หลังผ่านพ้นการเกณฑ์ทหาร นายหมอกสีเทาพกพาความรู้ที่ติดตัวมาภายหลังเวลาสองปีในค่ายทหารอันได้แก่ ความสามารถในการซ่อมแซมเครื่องจักรกลแบบเล็กๆ น้อยๆ ความสามารถในการขับรถแบบเล็กๆ น้อยๆ ความสามารถในการปกครองและเชื่อฟังคนแบบเล็กๆ น้อยๆ

ทั้งหมดนี้ไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นความเชี่ยวชาญใดๆ

กระนั้น สำหรับคนที่ไม่เรียกร้องสิ่งใดมาก

กระนั้น สำหรับคนที่สูญเสียพ่อแม่พี่น้องไปกับอัคคีภัยในช่วงเวลาที่เขาเป็นทหาร สำหรับคนที่ไร้ญาติขาดมิตรและไม่รู้จะทำเช่นใดดีกับซากปรักหักพังของบ้านและที่ดิน

นายหมอกสีเทาเลือกเส้นทางที่เรียบง่ายที่สุดคือการเดินทางเข้าสู่เมืองหลวง

เขาทำงานครั้งแรกในโรงงานคัดแยกขยะ ขยะกองใหญ่ ปัญหาสำคัญของเมืองที่ไม่มีใครอยากขบคิดถึงมันอย่างจริงจัง

แต่สำหรับโรงงานคัดแยกขยะแล้ว พวกเขาเป็นดังผู้ปิดทองหลังพระที่แท้จริง จากขยะกองใหญ่ พวกเขาแบ่งแยกมันเป็นขยะขนาดย่อม จากขยะขนาดย่อม พวกเขาคัดสรรมันเป็นขยะที่ย่อยสลายกับไม่ย่อยสลาย

จากขยะที่ย่อยสลายกับไม่ย่อยสลาย พวกเขาคัดแยกมันเป็นขยะที่นำกลับมาใช้เป็นวัตถุดิบได้อีกกับไม่อาจนำมาใช้ได้อีกต่อไป หน้าที่ของโรงงานคัดแยกขยะแทบไม่ต่างจากรถยนต์ที่แล่นเข้าไปในตรอกเล็กๆ แห่งหนึ่งจนกว่าจะพบกับทางตัน

หลังจากพบทางตันแล้ว คนขับรถยนต์จะดับเครื่องลง สำรวจทางตันนั้นแล้วเริ่มต้นทำงานด้วยการขับรถย้อนกลับมา

 

งานคัดแยกขยะเป็นงานชั้นเลวที่ฝึกฝนนายหมอกสีเทา ความสามารถในการสังเกตว่าสิ่งใดใช้ได้ ใช้ไม่ได้ สิ่งใดมีประโยชน์ ไม่มีประโยชน์ เพิ่มพูนตามอายุงานของเขา

จากหนึ่งปีเป็นสามปี เขาสามารถมองเห็นขยะที่อยู่บนสายพานได้ด้วยการมองเพียงครั้งเดียวว่ามันควรเดินทางไปที่ใด

จากสามปีเป็นห้าปี เขาสามารถมองเห็นขยะที่ถูกส่งมาเป็นกองใหญ่ว่าแต่ละชิ้นจะต้องเดินทางไปที่ใด

จากห้าปีเป็นสิบปี แค่เพียงเดินผ่านกองขยะ เขาสามารถดมกลิ่นขยะนั้นได้ว่าขยะชิ้นใดควรเดินทางต่อหรือควรถูกย่อยสลายทิ้ง ณ จุดนั้นเลย

แต่แล้วหลังจากผ่านการดมกลิ่นขยะมานานนับสิบปี นายหมอกสีเทาพบตนเองว่าเขาควรได้รับอากาศบริสุทธิ์เสียที

ดังนั้น ในวันครบรอบการทำงานครบปีที่สิบ นายหมอกสีเทายื่นใบลาออกจากงานโดยไม่ลังเล เขาเดินออกจากโรงงานเก่าและมุ่งตรงไปที่โรงงานใหม่ที่เขาหมายตา

-โรงงานผลิตเครื่องฟอกอากาศและหน้ากากกันมลพิษนั่นเอง-

 

แม้ว่าจะมีความรู้และความชำนาญมากมาย

แต่นายหมอกสีเทากลับต้องเริ่มต้นหน้าที่ของเขาจากศูนย์

โลกของมลพิษและขยะที่เขาคุ้นชินเปรียบเสมือนดังโลกมืด

ทว่าโลกของเครื่องฟอกอากาศและหน้ากากกันมลพิษคือโลกของแสงสว่าง

ความรู้ในโลกมืดไม่อาจใช้ในโลกที่สว่างได้

แน่นอนมีองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องกันระหว่างโลกทั้งสอง

กลิ่นแบบใดเล่าที่เราพึงปรารถนา

และกลิ่นแบบใดที่เราพึงหลีกเลี่ยง

ฝุ่นละอองแฝงในสิ่งใดมากที่สุดและไม่แฝงในสิ่งใดเลย

ปอดของมนุษย์ทำงานได้ดีเพียงใดในสถานการณ์ใดและทำงานได้ย่ำแย่เพียงใดในสถานการณ์ใด อายุขัยของปอดที่แข็งแรงและอายุขัยของปอดที่อ่อนแอเป็นเช่นใด

เรื่องราวพื้นฐานง่ายๆ แบบนี้ที่เขาเข้าใจได้ในเวลาอันรวดเร็ว แต่กระนั้นโลกของโรงงานเครื่องฟอกอากาศและหน้ากากป้องกันมลพิษก็ยังแตกต่างจากโลกของโรงงานคัดแยกขยะอยู่ดี นักบุญอาจเข้าใจคนบาป คนบาปอาจเข้าใจนักบุญ

อย่างไรก็ตาม โลกของพวกเขาทั้งสองก็แตกต่างกันมากอยู่ดี

ความแตกต่างที่ว่ามีนับแต่เรื่องเล็กน้อยอย่างเครื่องแบบของพนักงานโรงงาน ในโรงงานคัดเลือกขยะ เครื่องแบบของลูกจ้างชั้นล่างสุดที่ต้องทำหน้าที่คัดแยกขยะมีสีดำสนิท

จนเมื่อเลื่อนตำแหน่งเครื่องแบบนั้นจึงเปลี่ยนเป็นสีเทาและสีน้ำเงินเข้ม

การต้องอยู่กับขยะที่เปรอะเปื้อนสกปรก ไม่มีสีใดทำหน้าที่รองรับมันได้ดีกว่าสีดำ

ทุกคราบเปรอะเปื้อนบนพื้นสีดำสามารถขจัดออกได้อย่างง่ายดาย

หรือหากมันไม่อาจทำเช่นนั้นได้ คุณก็เพียงแค่พ่นสีดำอีกรอบทับทาลงไป

หนทางแก้ปัญหาเรียบง่ายเช่นนั้นเอง ในโลกที่เป็นด้านมืด สีดำขจัดปัญหาและครอบครองทุกสิ่ง

แต่ในโลกของโรงงานผลิตเครื่องฟอกอากาศและหน้ากากป้องกันมลพิษ ทุกสิ่งมีแต่สีขาวสะอาดตา

เครื่องแบบของพนักงานในโรงงานแห่งนี้ขาวจนเขาแสบตานับแต่แรกเห็น

ไม่นับถึงทุกสิ่งทุกอย่างในโรงงาน เสาสีขาว ผนังสีขาว หลังคาสีขาว จานข้าวสีขาว แก้วน้ำสีขาว แม้แต่ช้อนก็เป็นช้อนกระเบื้องสีขาว เครื่องดื่มชนิดเดียวที่อนุญาตให้ดื่มได้ที่นี่คือนมสีขาวบริสุทธิ์ (แม้ว่าเขาจะแอบพกน้ำดื่มไปในภาชนะส่วนตัว ซึ่งแน่ละมันคือกระติกน้ำสีขาว)

ความขาวสะอาดทำให้สิ่งสกปรกถูกตรวจพบอย่างรวดเร็ว

นั่นคือสภาพแวดล้อมทั่วไปของโรงงาน

แต่ในพื้นที่พิเศษ สีขาวและความขาวมีปริมาณและพลังมากกว่านั้นอีก

ในห้องทดลองจำลองสภาพโอโซน ทุกจุดมีแต่สีขาวและอากาศที่ปลอดโปร่ง

เขาไม่เคยรู้สึกเหมือนดังการได้กลับมาฟื้นฟูชีวิตให้กับปอดเท่ากับการเดินเข้าไปในห้องโอโซนนี้เลย

น่าเสียดายที่โอกาสดังกล่าวนี้ไม่เกิดขึ้นบ่อย

มีแต่เพียงวาระที่เขาต้องเข้าไปร่วมตรวจสอบคุณภาพหน้ากากกับไส้กรองอากาศที่เขาทำหน้าที่ผลิตเท่านั้นที่เขาจะได้รับอนุญาตให้ย่างกรายเข้าไปในห้องโอโซนได้

ทว่าพ้นจากนั้นแล้วเขาก็เป็นเพียงพนักงานธรรมดาที่คอยดูแลหน้ากากและไส้กรองอากาศของเครื่องฟอกอากาศที่เคลื่อนผ่านหน้าเข้าไปบนสายพาน

 

โลกใหม่เปลี่ยนเขาไปอย่างสิ้นเชิง จากการแต่งตัวที่แทบไม่แยแสสิ่งใดในฐานะพนักงานประจำโรงงานคัดแยกขยะ

เขามีเสื้อผ้าที่ประกอบไปด้วยเสื้อเชิ้ตและเสื้อยืดสีขาวเท่านั้น เสื้อสีอื่นถูกเขาขจัดทิ้งไปหมด

โชคดีที่เขาพบว่ากางเกงสีขาวไม่เหมาะกับเขานัก เขาจึงเลือกมีแต่กางเกงสีดำ และด้วยชุดแต่งกายที่ว่านี้เอง ขาวและดำ ทำให้เมื่อเขาปรากฏตัวในที่สาธารณะ เขารู้สึกไม่ต่างจากการเป็นยมทูตแห่งความตาย

ทว่าสิ่งที่เปลี่ยนแปลงมากที่สุดคือสภาวะแวดล้อมของเขา

นายหมอกสีเทาย้ายออกจากที่พักเดิมที่เป็นเพียงห้องเช่าธรรมดาซึ่งรกไปด้วยฝุ่นผงและสิ่งของไม่จำเป็น เขาทิ้งสิ่งของเหล่านั้นไปทีละชิ้น ทีละชิ้นเมื่อเริ่มต้นงานใหม่ที่โรงงานผลิตเครื่องฟอกอากาศและหน้ากากป้องกันมลพิษ

หลังจากทิ้งทุกอย่างที่ไม่จำเป็นไปจนหมด เขาหอบข้าวของที่มีจำนวนเหลือจนนับตัวเลขได้สะดวกออกแสวงหาที่อยู่ใหม่

เขาใช้เงินเก็บทั้งหมดเช่าซื้อห้องเล็กๆ ห้องหนึ่งบนอาคารสูงใจกลางเมือง

จัดทุกอย่างเข้าที่ในเวลาเพียงครึ่งชั่วโมง

โลกของเขาสะอาดหมดจด แลดูเป็นระเบียบ จนเขาแทบไม่มีความกังวลใดๆ

เมื่อเขาทานอาหารเสร็จ เขาจะชำระล้างจานชามทันที

เมื่อกลับถึงที่พัก เขาจะทำความสะอาดเครื่องแต่งกายและร่างกายตนเองทันที

เขาเข้านอนเป็นเวลา ตื่นเป็นเวลา เลิกดื่มและสูบ กินอาหารเรียบง่าย ไม่สะสมสิ่งใด การเปลี่ยนชีวิตมาสู่โรงงานผลิตเครื่องฟอกอากาศและหน้ากากป้องกันมลพิษทำให้ชีวิตของเขาเรียบง่ายไม่ต่างจากกระดาษเปล่าสีขาวแผ่นหนึ่ง

เพราะนอกจากสิ่งเหล่านั้น อีกสิ่งที่เขาแตกต่างไปจากเดิมคือการที่เขาใส่หน้ากากป้องกันมลพิษแทบทุกเวลาเว้นแต่เวลานอน

ในฐานะของพนักงานประจำโรงงาน เขามีสิทธิเบิกใช้หน้ากากเหล่านั้นมากเท่าใดก็ได้

คุณภาพเช่นใดก็ได้

ในส่วนหนึ่งมันคือกระบวนการทดสอบคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์

แต่ในอีกส่วนหนึ่งมันคือความเคยชิน

ในเมื่อต้องสวมใส่หน้ากากอยู่ตลอดเวลาแล้วเมื่ออยู่ในโรงงานที่สะอาดสะอ้าน แล้วทำไมเราจะทำร้ายปอดด้วยการไม่สวมใส่หน้ากากป้องกันมลพิษเมื่อต้องกลับมาสู่โลกภายนอกอันสกปรกและโสมม

นายหมอกสีขาวคิดเช่นนั้น ดังนั้น เมื่อมีใครที่เคยรู้จักเขาได้พบเห็นเขา พวกนั้นจะจดจำเขาได้ทันที ชายในเครื่องแบบขาวและดำไม่ต่างจากยมทูตแห่งความตายที่สวมใส่หน้ากากป้องกันมลพิษเดินไปมาในเมืองใหญ่

ดังนั้น ถ้าจะสรุปชีวิตของนายหมอกสีเทา เขาคือผู้ชายคนหนึ่งที่มีชีวิตอยู่ในเครื่องแบบสีขาวและดำ พักอาศัยอยู่ในที่พักขนาดเล็ก

เป็นคนไม่มีครอบครัวและสวมหน้ากากป้องกันมลพิษอยู่ตลอดเวลา

ทั้งหมดนี้คือชีวิตของนายหมอกสีเทา

ก่อนที่หมอกสีเทาจะปรากฏตัวขึ้นครอบคลุมเมือง