ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 10 - 16 พฤษภาคม 2562 |
---|---|
คอลัมน์ | รายงานพิเศษ |
เผยแพร่ |
รายงานพิเศษ
ชะตาฟ้าลิขิต
สัญญาณดีๆ ของ ‘บิ๊กตู่’
รีเทิร์นทำเนียบฯ
แท็กทีม 3 ป. ‘บิ๊กป้อม-บิ๊กป๊อก’ ไปต่อ
จับตา ‘บิ๊กช้าง’ ทายาทพี่ใหญ่
หลังงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ผ่านไปอย่างยิ่งใหญ่ สวยงาม สมพระเกียรติ ตามโบราณราชประเพณีแล้ว รอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้าของบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ยังคงเป็นหัวหน้า คสช. มาจะครบ 5 ปีแล้ว
รอยยิ้มชื่นและอารมณ์ดี คงไม่ใช่แค่งานพระราชพิธีผ่านพ้นไปอย่างเรียบร้อยเท่านั้น แต่ พล.อ.ประยุทธ์ยังได้รับสัญญาณดีๆ สำหรับถนนสายการเมืองของตนเองอีกด้วย
โดยเฉพาะการจัดตั้งรัฐบาล ที่พรรคพลังประชารัฐเป็นแกนนำ และ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี
เพราะสัญญาณต่างๆ ฉายภาพให้เห็นแล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้มีแค่ดีกรีอดีต ผบ.ทบ. หรือการเป็นนายกฯ และหัวหน้า คสช.เท่านั้น แต่มี “กองหนุนพิเศษ” จากหลายส่วน แบบที่นักการเมืองต้องเกรงใจ
กระแสข่าวการจัดตั้งรัฐบาลปรองดองแห่งชาติ และการมีนายกรัฐมนตรีคนนอก จางหายไป หลังจากบุคคลที่ถูกเสนอชื่อ ส่งสัญญาณต้านกระแสนายกฯ คนนอก
บางบุคคลไม่ต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์เข้าใจผิด จากการที่นักการเมืองเสนอชื่อตนเองเป็นนายกฯ คนนอก
พล.อ.ประยุทธ์จึงกลับมาสู่โหมดการเดินหน้าเต็มตัว ในการจัดตั้งรัฐบาลและคณะรัฐมนตรี จากพรรคร่วมรัฐบาล ที่อยู่ระหว่างการต่อรองโควต้าเก้าอี้รัฐมนตรี ตามครรลองของการเมือง
แต่ที่แน่ๆ ครม.ของ พล.อ.ประยุทธ์ ยังคงมีพี่ใหญ่อย่างบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และพี่รอง บิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อยู่เคียงข้าง
เพื่อเป็นขวัญกำลังใจของ “น้องตู่” ที่เมื่อมองไปในคณะรัฐมนตรีแล้วยังอุ่นใจ ที่มีพี่ชายทั้ง 2 คนอยู่
ท่ามกลางการถูกจับตามองว่า พล.อ.ประวิตรจะนั่งเก้าอี้รองนายกรัฐมนตรีควบ รมว.กลาโหม เหมือนเดิม หรือเป็นรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคงตัวเดียว เพื่อให้เป็นสัญลักษณ์แห่งความเกรงใจใน ครม. และต่อทหาร ตำรวจ
โดยจะมอบให้บิ๊กช้าง พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม เป็น รมว.กลาโหม แทน แต่ทว่าก็ยังคงมี พล.อ.ประวิตรเป็น รมว.กลาโหม ตัวจริงอยู่
จึงไม่แปลกที่ใน 15 รัฐมนตรีในรัฐบาล คสช.ที่ลาออกเมื่อ 7 พฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมา เพื่อเตรียมตัวไปเป็นสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) จะไม่มี พล.อ.ชัยชาญรวมอยู่ด้วย
แม้จะรู้ดีว่า พล.อ.ประวิตรจะกลายเป็นตำบลกระสุนตก ไม่แตกต่างไปจาก 5 ปีของการเป็นรัฐบาล คสช.ก็ตาม แต่ พล.อ.ประยุทธ์ยังคงต้องการให้ พล.อ.ประวิตรอยู่ร่วม ครม.หน้า เป็นขวัญกำลังใจ และเป็นที่เกรงใจของบรรดารัฐมนตรีและพรรคร่วมรัฐบาล
เพราะต้องไม่ลืมว่า พล.อ.ประวิตรมีบทบาทสำคัญในการดึงนักการเมืองจากพรรคต่างๆ มาร่วมพรรคพลังประชารัฐ และมีส่วนสำคัญในการจัดตั้งรัฐบาล และยังเป็นประธานคณะกรรมการคัดสรร ส.ว. อีกด้วย
อีกทั้งในรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง และมีรัฐมนตรีจากพรรคร่วมรัฐบาล จะทำให้เป้าหมายทางการเมืองที่ถูกจับจ้องจากสังคม จะกระจายออกไป ไม่ใช่มาโฟกัสแต่ พล.อ.ประวิตรเท่านั้น
ที่สำคัญ ความสงบเรียบร้อยในช่วง 5 ปีของ คสช. จนมาถึงการจัดงานพระราชพิธี ที่เรียบร้อยไปนั้น ก็เป็นผลงานของ พล.อ.ประวิตรที่คุมฝ่ายความมั่นคง และเป็นประธานคณะกรรมการอำนวยการร่วมถวายความปลอดภัยงานพระราชพิธีด้วย
แม้ สุขภาพของ พล.อ.ประวิตรจะไม่แข็งแรงนัก แต่ทว่าใจยังสู้ แถมทั้ง 3 พี่น้องบูรพาพยัคฆ์ ก็เคยสัญญาสาบานกันไว้แล้วว่า เราจะไม่ทิ้งกัน
โดยเฉพาะ พล.อ.ประวิตร ที่เปรียบเป็นพี่ชายที่แสนดีของ พล.อ.ประยุทธ์ และน้องๆ ในกองทัพและตำรวจ ที่ยังคงมีผลต่อใจของน้องๆ
แม้ในทางปฏิบัติ พล.อ.ประวิตรด้วยอายุ 74 ปี จะไปทำงานอยู่เบื้องหลัง เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเหนื่อยมากก็ตาม แต่ พล.อ.ประวิตรก็เต็มใจที่จะเหนื่อย เพราะก็ไม่อยากทิ้งน้อง และก็อยากที่จะทำงานต่อไป
จนทำให้นายทหารที่ใกล้ชิด เสนอแนะให้ พล.อ.ประวิตรเป็นรองนายกฯ ตำแหน่งเดียว เพื่อที่จะได้ลดโหลดงานไม่หนักมาก และไม่ถูกจับจ้องโจมตีมาก
ขณะที่มีข่าวว่า พล.อ.อนุพงษ์ก็จะมาช่วยงาน พล.อ.ประยุทธ์ แต่อาจจะเป็นรองนายกฯ ไม่ได้เป็น รมว.มหาดไทย หลังจากที่ข่าวสะพัดว่า เก้าอี้ มท.1 จะเป็นโควต้าของพรรคภูมิใจไทย
ด้วยเพราะที่ผ่านมา พล.อ.อนุพงษ์ทำหน้าที่เป็นทั้งพี่ชาย ที่ปรึกษา และการให้คำแนะนำต่างๆ และลงพื้นที่เคียงข้าง พล.อ.ประยุทธ์มาตลอด 5 ปี
และต้องยอมรับว่า พล.อ.อนุพงษ์มีบทบาทในการเนรมิตเก้าอี้นายกฯ ให้ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่น้อยไปกว่า พล.อ.ประวิตรเลยทีเดียว
ทั้ง 3 ป. บูรพาพยัคฆ์ 3 พี่น้อง จะยังคงแท็กทีมอยู่ด้วยกันต่อไป ไม่ทิ้งกัน เพื่อสู้ศึกทางการเมือง เคียงข้างกัน
ขณะที่การวางหมากในการตั้ง ส.ว.ครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร ไม่ได้ตั้งนายทหารที่ยังอยู่ในราชการ หรือกำลังจะเกษียณเลย
ยกเว้นการให้บิ๊กอ้น พล.อ.กนิษฐ์ ชาญปรีชญา น้องรักทหารเสือราชินี และบิ๊กสน พล.อ.สนธยา ศรีเจริญ ทหารอีสานน้องรักของ พล.อ.ประวิตร ลาออกมาหลายเดือนแล้ว เพื่อเตรียมมาเป็น ส.ว. และคาดว่าจะกลายเป็นแกนนำ ส.ว.สาย คสช. ที่จะมีบทบาทต่อไป
ด้วยเพราะที่ผ่านมา ทั้ง 2 ก็มีบทบาทสำคัญในการดึงดูดให้อดีต ส.ส.ของพรรคการเมืองต่างๆ มาร่วมงานทางการเมืองกับพรรคพลังประชารัฐ และประสานกับนักการเมืองพรรคต่างๆ ด้วย
แม้แต่ พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ก็ยังคงทำหน้าที่ต่อไปจนเกษียณกันยายนนี้ โดยไม่ได้ลาออก เพื่อไปทำหน้าที่ ส.ว.แต่อย่างใด
ดังนั้น การขยับในกองทัพ ก็จะมีขึ้นในโผโยกย้ายใหญ่ปลายปี ในเดือนสิงหาคม-กันยายนนี้เลย ที่คาดกันว่า บิ๊กอั๋น พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา รองปลัดกลาโหม จะโอนย้ายข้ามจากกลาโหม มาเป็นเลขาฯ สมช.แทน ในโยกย้ายใหญ่ครั้งหน้าเลย
ขณะที่ในคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นั้น การที่บิ๊กเจี๊ยบ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร และบิ๊กเข้ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองหัวหน้า คสช. ได้ลาออกเพื่อเตรียมไปเป็น ส.ว.นั้น ก็ยังถือว่าได้ไปต่อ
ขณะที่บิ๊กจิน พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ที่เป็นรองหัวหน้า คสช. และรองนายกฯ และ รมว.ยุติธรรม และบิ๊กอู๋ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.แรงงาน ลาออกทั้งจาก คสช. และ ครม.ด้วยนั้น ก็ถือว่าได้ไปต่อ
แต่ก็อดลุ้นการเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลจากการเลือกตั้งของ พล.อ.ประยุทธ์แล้ว
ส่วนบิ๊กโด่ง พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ยังคงทำหน้าที่สมาชิก คสช.ต่อไป โดยไม่ได้มีการส่งสัญญาณให้ลาออกเพื่อไปเป็น ส.ว.แต่อย่างใด
ท่ามกลางการถูกจับตามองว่า มีสิทธิ์ลุ้นที่จะได้กลับมาเป็นรัฐมนตรีอีกหรือไม่ โดยเฉพาะ รมว.กลาโหม แทน พล.อ.ประวิตร ที่อาจไปนั่งเป็นรองนายกฯ เก้าอี้เดียว ในฐานะที่ พล.อ.อุดมเดชเคยเป็น รมช.กลาโหมมาก่อน
หรือว่า พล.อ.อุดมเดชจะปิดฉากทางการเมือง ไปพร้อมกับการสิ้นสลายของ คสช. เมื่อมีรัฐบาลใหม่เลย เพราะแม้ พล.อ.ประวิตรไม่นั่งเป็น รมว.กลาโหม แต่ก็มี พล.อ.ชัยชาญถูกวางตัวไว้เป็นทายาทแล้ว
แต่เชื่อกันว่า พล.อ.อุดมเดชจะได้พักผ่อนหลังจบภารกิจ คสช.
แม้ว่าจะเป็นนายทหารเสือราชินี ที่รบเคียงบ่าเคียงไหล่ พล.อ.ประยุทธ์มาบนเขาพนมปะ ชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อครั้งที่ทหารเวียดนามบุก จนได้รับพระราชทานเหรียญรามมาลาฯ ด้วยกันก็ตาม
เพราะที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ก็สนับสนุนให้ พล.อ.อุดมเดชได้ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. และเป็นเลขาธิการ คสช. ก่อนมาเป็น รมช.กลาโหม แล้วก็เป็นได้
แม้การจัดตั้งรัฐบาลผสมจากหลายพรรคการเมือง ที่มีเสียงเกินกึ่งหนึ่งไม่มากมายนัก แต่ด้วยพลังของพี่น้อง 3 ป. และกองหนุนพิเศษ จะทำให้รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ พอที่จะประคับประคองกันไปได้
แถมยังมีกองทัพเป็นกองหนุน แบ๊กอัพสำคัญ โดยเฉพาะบิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. น้องรัก คุมกำลังหลักของ ทบ.
ขณะที่ ผบ.เหล่าทัพ ก็ล้วนแต่เป็นน้องรักของทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร ทั้งสิ้น
เมื่อมีสัญญาณดีๆ และฟ้าเปิด ทางสว่างแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ก็จะจูงมือ พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.อนุพงษ์ ก้าวเดินไปบนถนนการเมือง ที่ทั้ง 3 ป.พี่น้อง ตัดสินใจด้วยกันแล้วว่า จะเดินหน้าต่อ สู้ไปด้วยกัน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ไม่ว่าอะไรจะรออยู่เบื้องหน้าก็ตาม
ขี่หลังเสือแล้วยากที่จะลง…แม้จะเสี่ยงว่า จะจบสวย หรือไม่ก็ตาม