ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 10 - 16 พฤษภาคม 2562 |
---|---|
เผยแพร่ |
บทความพิเศษ/นงนุช สิงหเดชะ
ยุวชนส้ม-ฟิวเจอริสตา
อย่างที่ทราบกัน การเลือกตั้ง 24 มีนาคมที่ผ่านมา พรรคอนาคตใหม่ได้คะแนนรวมทั่วประเทศ 6 ล้านกว่าเสียง ได้ที่นั่งมากเป็นอันดับ 3 แซงหน้าประชาธิปัตย์แบบล็อกถล่ม ถือว่าประสบความสำเร็จเกินคาด
พรรคนี้มีหัวหน้าพรรคที่เป็นนักธุรกิจหมื่นล้านเป็นจุดขายสำคัญ มีการเคลมว่าเป็นพรรคของคนรุ่นใหม่ คนหนุ่มสาว ที่จะนำพาประเทศไปสู่ความเปลี่ยนแปลงที่ดีกว่านักการเมืองรุ่นเก่า ซึ่งสามารถสร้างกระแสก่อนเลือกตั้งได้แรงทีเดียว เพราะมีความเชี่ยวชาญในการใช้โซเชียลมีเดียเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนรุ่นใหม่อายุน้อย โดยเฉพาะผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งเป็นครั้งแรก หรือ first voters
กระแสแรกที่ส่งให้พรรคอนาคตใหม่ได้รับความสนใจและน่าจะเป็นตัวกระตุ้นให้คนรุ่นใหม่พากันเทคะแนนให้พรรคนี้ก็คือ “ฟ้ารักพ่อ” ซึ่งเป็นแฮชแท็กติดเทรนด์ทวิตเตอร์อันดับ 1 ประโยคนี้ว่ากันว่ามีนักศึกษาสาวตะโกนให้กำลังใจหัวหน้าพรรคนี้ในคราวไปร่วมงานแข่งฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์
ประโยคนี้มีที่มาจากละครเรื่อง “ดอกส้มสีทอง” (แค่ชื่อก็หวาดเสียว) แสดงโดยชมพู่ อารยา ซึ่งในเรื่องมีชื่อเล่นว่า ฟ้า มีอาชีพหลักเป็นภรรยาน้อยของชายอายุมากที่ร่ำรวย ส่วนฟ้านั้นไม่ชอบเรียนหนังสือ แต่งชุดนักศึกษาออกจากบ้านทุกวัน แต่แทบไม่เข้าเรียน
หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ก็ดูจะปลื้มเหมือนกันที่บรรดาน้องฟ้าทั้งหลายชื่นชอบ หลังจากนั้นมาหัวหน้าพรรคที่รวยระดับหมื่นล้านก็ได้ฉายา “พ่อของฟ้า” ไปโดยปริยาย
การเลือกตั้งครั้งนี้ first voters มีสิทธิลงคะแนนอยู่ 7 ล้านคน หากสันนิษฐานว่า 6 ล้านคะแนนที่พรรคอนาคตใหม่ได้รับมาจากคนกลุ่มนี้เป็นหลัก ก็พอจะบอกได้ว่ามีฐานเสียงเป็นคนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตาม ยังไม่แน่ใจนักว่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะอีกข้อสันนิษฐานหนึ่งที่น่าจะเป็นไปได้ก็คืออนาคตใหม่ได้รับการถ่ายคะแนนจากฐานเสียงของพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ซึ่งเป็นพรรคสาขาของเพื่อไทยที่แตกออกมา แต่เมื่อ ทษช.ถูกยุบก่อนเลือกตั้ง ทำให้ ทษช.รณรงค์ให้ฐานเสียงเทคะแนนให้อนาคตใหม่
ด้วยเหตุนี้น่าเชื่อว่าคะแนนไม่ต่ำกว่าครึ่งหนึ่งของอนาคตใหม่น่าจะมาจากฐานเสียงของ ทษช. หรือกลุ่มคนเสื้อแดงนั่นเอง จึงไม่ใช่พวกฟิวเจอริสตา (futurista) หรือกลุ่มคนรุ่นใหม่แห่งอนาคต แบบล้วนๆ เป็นกอบเป็นกำ
อนาคตใหม่เรียกคนและสมาชิกพรรคตัวเองว่า Futurista ซึ่งเป็นคำที่ดูดี สร้างสรรค์ เป็นคนมีการศึกษา มีสติปัญญาและเหตุผล มีความเป็นปัญญาชน
แต่หลังจากผลเลือกตั้งออกมาซึ่งปรากฏว่าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้คะแนนรวมทั่วประเทศหรือป๊อปปูล่าร์โหวตเป็นอันดับ 1 มากกว่าพรรคเพื่อไทย ทำให้บรรดาแฟนคลับของ อนค. เข้าไปแสดงความเห็นในโลกโซเชียลด่าและตำหนิผู้ที่เลือก พปชร. อย่างหยาบคาย น่าตกใจ
แสดงออกถึงความเกลียดชังอย่างน่ากลัว
มีนักวิชาการบางราย เช่น ดร.กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ ได้เก็บตัวอย่างคอมเมนต์ที่แสดงความหยาบคายของแฟนคลับ อนค. ที่มีต่อฝ่ายที่เลือก พปชร. เช่น ไอ้พวกแก่กะโหลกกะลา / ก็แค่คนแก่วัยตาย / ถ้าพ่อแม่ ปู่ย่า ตายายของพวกตนเลือก พปชร. จะไม่ให้เศษเงินแม้แต่บาทเดียว / ปู่ย่าตายายที่เลือก พปชร. เตรียมเก็บของไปอยู่บ้านคนชราได้เลย / ขอหยาบๆ กูบอกเลย จะไม่ให้เงินกระเด็นถึงมือแม้แต่บาทเดียว จะปล่อยให้รอเงินในบัตรคนจนนั่นแหละ อยากได้มันนักนี่ ไม่ต้องมาแบมือขอเงินลูกหลาน เป็นต้น
ดร.กิตติธัชชี้ว่า ปรากฏการณ์ความหยาบคายชิงชังระหว่างวัยที่เกิดขึ้น เป็นความสำเร็จอย่างหนึ่งของพรรคอนาคตใหม่และเครือข่ายที่มีการปลุกระดมมาตลอดด้วยข้อมูลที่บิดเบือน จนทำให้คนเหล่านี้หลงเชื่อว่าประเทศไทยกำลังล่มสลาย มีแต่หนี้สิน ต่างชาติไม่มาลงทุน มีเพียงธนาธรกับฝ่ายประชาธิปไตยเท่านั้นที่จะมาปลดปล่อยพวกเขาให้รอดได้
“คนเหล่านี้ถูกปั่นด้วยวาทกรรมบิดเบือนต่างๆ จนตอนนี้พวกเขาเหมือนพวกคลั่งลัทธิ พร้อมจะเข้าไปรุมถล่ม ด่าอย่างกักขฬะต่อใครก็ตามที่เห็นต่างตามโซเชียลมีเดียได้เสมอ โดยจะไม่ยอมรับข้อมูลเชิงประจักษ์ใดๆ ทั้งสิ้น
มีบางคนขนานนามคนเหล่านี้ว่ายุวชนส้ม หรือ orange guard”
Orange guard เป็นการเทียบเคียงกับ red guard หรือยุวชนแดง ของจีนสมัยปฏิวัติวัฒนธรรม ที่มีการปลุกระดมวัยรุ่นให้นิยมความรุนแรงและเทิดทูนบูชาลัทธิเหมาอย่างบ้าคลั่ง ยึดอุดมการณ์ที่ว่าต้องทำลาย 4 สิ่งเก่าและสร้างโลกใหม่ในอุดมคติ นำไปสู่การเกลียดชังคนรุ่นก่อนที่เห็นว่าเป็นอุปสรรคต่อการนำสังคมไปสู่โลกใหม่ในอุดมคติ นำมาสู่การเกลียดชังคนรุ่นก่อน มีการทำร้ายครู พ่อแม่ ผู้ปกครองของตัวเอง ต่อมาเมื่อพวกยุวชนแดงอายุมากขึ้น ก็ถูกคนรุ่นหลังตราหน้าเป็นพวก “ล้มเหลว”
ดร.กิตติธัชสรุปว่า พรรคอนาคตใหม่ประสบความสำเร็จในการสร้างความเกลียดชังระหว่างวัย เป็นการสร้างสงครามระหว่างวัยอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
เรื่องความหยาบคายและการถล่มคนเห็นต่างในโลกโซเชียลของแฟนคลับ อนค.นี้เป็นสิ่งที่เห็นชัดและหลายคนก็เจอกับตัวเองมาแล้ว ซึ่งความหยาบคายระดับทั่วๆ ไปไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ความหยาบคายของยุวชนส้มนั้น “รุนแรง” จนไม่น่าเชื่อว่ามนุษย์ปกติที่พอมีศีลหรือได้รับการอบรมสั่งสอนจากทางบ้านบ้างจะพูดออกมาได้ เพราะเป็นความหยาบคายในระดับต่ำ ถ่อย เถื่อน
คนที่บังอาจไปแตะหรือวิจารณ์หัวหน้าพรรค อนค. ล้วนเจอกับเหตุการณ์นี้จนถึงกับต้องโอดโอยมาแล้ว เช่น นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ หนึ่งในผู้ก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ที่วิจารณ์นายธนาธรเรื่องยิ้มสยาม หลังจากนายธนาธรบอกว่าคนไทยยิ้มเพราะไม่มีความคิดของตัวเอง เท่านั้นล่ะเฟซบุ๊กของนายเอนกถูกยุวชนส้มหวาน เข้าไปถล่มอย่างหยาบคาย จนนายเอนกตกใจกระทั่งต้องโพสต์เฟซบุ๊กฟ้องสังคม
เข้าใจว่านายเอนกคงเป็นมือใหม่ในการพบเจอกับความหยาบถ่อยของคนเหล่านี้ จึงตกอกตกใจและถอดใจกระทั่งบอกว่าจะไม่แตะนายธนาธรอีกแล้ว
แต่สำหรับคนที่เจอมาบ่อยจนชินแล้วจะไม่รู้สึกแปลกใจ หากแต่ปลงสังเวชและแผ่เมตตาให้ด้วยซ้ำ เพราะรู้ดีว่าคนเหล่านี้หวังจะใช้ความหยาบคาย (ไม่ใช้เหตุผล) เพื่อทำให้คนเห็นต่างกลัวจะได้ไม่วิจารณ์พ่อของฟ้าอีก ซึ่งถ้าใครถอดใจก็เข้าทางคนพวกนี้
ดูจากพฤติกรรมหยาบคายของแฟนคลับ อนค.แล้ว น่าเชื่อได้ว่าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเสื้อแดงสายฮาร์ดคอร์ เพราะกลุ่มนี้เอกลักษณ์คือหยาบคาย ใจแคบ สมัยรัฐบาลทักษิณ พวกเขาก็ทำแบบเดียวกันคือใครอย่าบังอาจวิจารณ์ทักษิณ ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะเข้าไปรุมด่า ซึ่งสวนทางกับวิถีประชาธิปไตยที่พวกเขาพร่ำพูดวันละหลายเวลาหลังอาหาร
ดังนั้น futurista จริงๆ ที่มีคุณภาพ ใจกว้าง และมีเหตุผลในพรรคอนาคตใหม่ไม่น่าจะมีมากนัก จะถึง 20% หรือเปล่าไม่แน่ใจ ที่เหลือก็น่าจะเป็นพวกเสื้อแดงฮาร์ดคอร์ หยาบคาย ที่ถ่ายโอนมาจากฐานเสียงทักษิณ เป็นแค่เหล้าเก่าในขวดใหม่ นิสัยเดิม