สมุนไพรเพื่อสุขภาพ/โครงการสมุนไพรเพื่อการพึงพาตนเอง/ ทัดดอกทับทิม

สมุนไพรเพื่อสุขภาพ/โครงการสมุนไพรเพื่อการพึงพาตนเอง มูลนิธิสุขภาพไทย www.thaihof.org

 

ทัดดอกทับทิม

 

อากาศยังร้อน ทำให้นึกย้อนไปถึงเทศกาลสงกรานต์ที่เพิ่งผ่านมาของปี 2562 นางสงกรานต์ทัดดอกทับทิม

คงสงสัยว่าเหตุใดทับทิมจึงเข้ามาเกี่ยวข้องกับประเพณีของไทย ซึ่งไทยก็รับมาจากวัฒนธรรมแขกหรืออินเดีย เพราะเป็นไม้ที่มีคุณประโยชน์

แต่โดยทั่วไปเมื่อเอ่ยถึงทับทิมคนส่วนใหญ่จะนึกถึงวัฒนธรรมจีนที่ใช้ทับทิมเป็นไม้ปัดเป่าสิ่งไม่ดี หรือให้ได้รับมงคล

วันนี้จึงขอแนะนำให้รู้จักทับทิม

 

คนจำนวนมากเข้าใจว่าเป็นพืชพื้นเมืองของประเทศจีน อันที่จริงทับทิมมีถิ่นกำเนิดจากตะวันออกของประเทศอิหร่าน หรือทางตอนใต้ของอัฟกานิสถานและทางตอนเหนือของเทือกเขาหิมาลัย

ทับทิมเป็นพืชชอบอากาศหนาวเย็นและอยู่บนพื้นที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลอย่างน้อย 300 เมตร

ยิ่งอากาศหนาวเนื้อทับทิมจะมีสีแดงเข้มมากขึ้น

มีหลักฐานถิ่นกำเนิดทับทิมว่า ปลูกครั้งแรกในเอเชียไมเนอร์ (ประเทศอิหร่านและประเทศใกล้เคียง) กว่า 300 ปี ก่อนคริสตกาล แล้วค่อยแพร่ไปในแถบประเทศเมดิเตอร์เรเนียน เอเชียตะวันออก และอเมริกา

การแพร่เข้ามาของทับทิมสู่ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้นมา 2 ทาง คือ ประเทศอินเดีย และประเทศจีนในราวศตวรรษที่ 3-4

ส่วนประเทศไทยน่าจะแพร่เข้ามาในช่วงสมัยอยุธยาผ่าน 2 ทางเช่นกันคือ ทั้งทางประเทศอินเดียและศรีลังกา

และอีกทางคือ มาจากประเทศจีน ซึ่งจะมาจากการติดต่อค้าขายจากชาวจีนและอินเดีย พันธุ์ทับทิมเก่าแก่ที่มีการปลูกทับทิมในประเทศไทยในระยะแรกนั้นคือพันธุ์บางปลาสร้อย ที่มีแหล่งปลูกมากในแถบภาคใต้บริเวณอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และจังหวัดใกล้เคียง

แล้วค่อยแพร่ไปสู่จังหวัดอื่นๆ

 

ทับทิมมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Punica granatum L. มีชื่อสามัญในภาษาอังกฤษว่า Pomegranate มีชื่อท้องถิ่นในประเทศไทย เช่น ทับทิม (ภาคกลาง) มะเก๊าะ (ภาคเหนือ) พิลาขาว มะก่องแก้ว (น่าน) หมากจัง (เงี้ยว-แม่ฮ่องสอน) พิลา (หนองคาย) เซียะลิ้ว (จีน)

จากรายงานของหอพรรณไม้ กรมป่าไม้ กล่าวว่า ทับทิมในเมืองไทยมี 2 รูปแบบ คือ Punica granatum L. var. granatum เป็นทับทิมลูกใหญ่และ Punica granatum L. var. nana ทับทิมหนู หรือ Dwarf pomegranate  ลักษณะทางพฤกษศาสตร์เป็นไม้พุ่มหรือไม้ต้นขนาดเล็ก สูง 1-10 ม. กิ่งมักแตกแขนง มีหนามบริเวณซอกใบ ใบเดี่ยว รูปใบหอก ขอบใบเรียบ ปลายใบแหลมหรือมน ดอกออกที่ปลายกิ่ง ไม่มีก้าน หรือหากมีก้านสั้นมาก ผล รูปร่างค่อนข้างกลม

ในตำรายาไทย กล่าวถึงสรรพคุณไว้มากมาย

 

ใช้ เปลือกผล แก้ท้องเสีย แก้บิด ปิดธาตุ แก้แผลพุพองเน่าเปื่อย ห้ามเลือด แก้ตกขาว แก้หิด กลาก ฝาดสมาน สมานแผล ขับพยาธิ ฝนน้ำทาแก้น้ำกัดเท้า ราก ขับพยาธิเส้นด้าย ไส้เดือน ตัวตืด แก้ตานขโมย แก้เจ็บในคอ ฝาดสมาน

เมล็ด แก้โรคลักปิดลักเปิด บำรุงกระเพาะอาหาร ทำให้เจริญอาหาร แก้ปวดกระเพาะอาหาร แก้จุกแน่นอาหารไม่ย่อย แก้ท้องเสีย

เปลือกราก แก้สตรีตกเลือด ตกขาว หล่อลื่นลำไส้ ขับพยาธิตัวตืด ไส้เดือน ฝาดสมาน แก้ท้องเสีย แก้บิดมูกเลือด แก้ลักปิดลักเปิด

เนื้อหุ้มเมล็ด แก้ลักปิดลักเปิด ผลอ่อน ปิดธาตุ สมานแผล แก้บิด แก้ท้องร่วง แก้ปวดเอว บำรุงกำลัง

ดอก ใช้แก้หูชั้นในอักเสบ ห้ามเลือด แก้อาเจียนเป็นเลือด แก้เลือดกำเดา แก้บาดแผล

ใบ ใช้แก้ลำไส้อักเสบเฉียบพลัน แก้ท้องร่วง แก้บิด พอกแผลฟกช้ำ แก้อาเจียน รักษาตาเจ็บ อมกลั้วคอ ชะล้างแผลมีหนองเรื้อรังบนศีรษะ แก้โรคลักปิดลักเปิด

ต้นและเปลือกต้น ขับพยาธิไส้เดือน พยาธิตัวตืด แก้ท้องร่วง แก้บิด สมานแผล แก้โรคลักปิดลักเปิด ทั้งห้า (ราก ลำต้น ใบ ดอก ผล) ขับพยาธิเส้นด้ายและตัวตืด สมานแผล แก้บิดมูกเลือด แก้ท้องร่วง ท้องเสีย

ผลทับทิมใช้รับประทานเป็นผลไม้ มีรสหวานหรือเปรี้ยวอมหวาน และถือเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เนื่องจากน้ำทับทิมมีวิตามินซีสูงและยังมีสารเกลือแร่ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายในปริมาณที่สูงเหมาะสำหรับการดื่มเพื่อเพิ่มความสดชื่นให้กับร่างกาย และยังมีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด มีประโยชน์ช่วยลดภาวะการแข็งตัวของเลือดจากไขมันในเลือดสูง บรรเทาโรคหัวใจหรือช่วยเสริมสุขภาพของหัวใจให้ดีขึ้น และความดันโลหิตสูง ช่วยเพิ่มพลัง กินเป็นประจำช่วยบำรุงผิวพรรณเสริมความงาม

ดังนั้น ถ้าเป็นไปได้ก็ควรดื่มน้ำทับทิมคั้นวันละแก้วหรือดื่มเป็นประจำ ส่วนเปลือกทับทิมต้มน้ำใช้แก้โรคท้องเดินและโรคบิดได้

 

จากการศึกษาวิจัยพบว่าในเปลือกทับทิมมีสารในกลุ่มแทนนินสูง 22-25% โดยประกอบด้วยสารแทนนินในกลุ่ม Gallotannin เปลือกทับทิมตากแห้งใช้เป็นยาแก้ท้องเดินและโรคบิด นอกจากนี้ยังพบสารแทนนินในกลุ่ม Ellagictannin ในปริมาณสูง สารในกลุ่มนี้มีคุณสมบัติเป็นตัวต้านอนุมูลอิสระที่ดี สารสกัดจากเปลือกผลด้วยเอทานอลมีฤทธิ์กำจัดอนุมูลอิสระ โดยมีสรรพคุณลดอาการอักเสบ

ทั้งยังมีฤทธิ์ต่อต้านมะเร็งกว่า 13 ชนิดไม่ให้เพิ่มจำนวนเซลล์ร้ายขึ้นมานั่นเอง เช่น มะเร็งผิวหนัง มะเร็งลำไส้ มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งตับ เป็นต้น นอกจากนี้ยังพบว่ามีคุณสมบัติในการทำลายเซลล์มะเร็งหลอดอาหารและลำไส้ใหญ่

ทับทิมเป็นผลไม้มงคลของจีน มีบันทึกทางประวัติศาสตร์กล่าวไว้ว่า “พระถังซัมจั๋ง” เป็นผู้นำเอาทับทิมจากอินเดียเข้าไปปลูกในประเทศจีน มีหลักฐานที่เมืองซีอาน กิ่งใบทับทิมจึงเป็นใบไม้สิริมงคลที่ใช้กับทุกงานหรือพิธีการต่างๆ ซึ่งความเชื่อนี้ก็ปรากฏในสังคมไทยตามวัฒนธรรมคนไทยเชื้อสายจีน

หากเห็นว่านางสงกรานต์ปีนี้ทัดดอกทับทิม ก็หวังว่าจะเป็นทั้งยาสมุนไพรช่วยให้เรามีสุขภาพดีและตามความเชื่อที่เป็นไม้มงคลปัดเป่าสิ่งไม่ดีออกไปจากชีวิตตลอดปีด้วยนั่นเอง