ปริ่มน้ำแน่ – แต่อะไรอยู่ในน้ำ โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

สถานีคิดเลขที่12 / สุวพงศ์ จั่้นฝังเพ็ชร

——————–

ปริ่มน้ำแน่ – แต่อะไรอยู่ในน้ำ

——————–

เห็นความคึกคักของเหล่า บรรดา คนในแม่น้ำ 5 สาย

ทั้ง คณะรักษาความสงบแห่งชาติ คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ สภาปฏิรูปแห่งชาติ สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปแห่งชาติ

ในการ “ไปต่อ” ในตำแหน่งวุฒิสมาชิก แล้ว

ก็ได้แต่ทำใจ

เพราะ อาการเหล่านั้น สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่า กลุ่มบุคคลเหล่านี้ ที่มีแกนหลัก ประกอบด้วย ขุนศึก กลุ่มข้าราชการ และกลุ่มจารีต-อนุรักษ์นิยม

หลังเสวยอำนาจ ผ่านการปฏิวัติรัฐประหารมาแล้ว ร่วม 5 ปี บางส่วนกินรวบมาตั้งแต่การปฏิวัติปี 2554

ยังไม่ได้ คิดถึง การถอนตัวกลับ “ที่ตั้ง”

แล้วปล่อยให้ ขบวนการประชาธิปไตยขับเคลื่อนไปโดยอำนาจของประชาชนอย่างแท้จริง

ตรงกันข้าม พยายาม ที่จะปรับตัวเอง ไปเป็น ยาดำ สอดแทรกอยู่ใน คราบของความเป็นประชาธิปไตย

ภายใต้ความชอบธรรม ว่า นี่คือการปกครองประชาธิปไตยแบบไทยๆ

ซึ่งแตกต่างจาก คณะรัฐประหารอื่นๆ ที่บางส่วน เข้ามาแล้ว ก็วางมือออกไป ภายในระยเวลาอันจำกัด

หรือบางส่วนเข้ามาใช้อำนาจอย่างเต็มที่ แล้วก็สะดุดหัวคะมำภายใต้อำนาจอันมากล้น เพราะไม่อาจดำรงความชอบธรรมไว้ได้

แตกต่างจาก คณะรัฐประหาร ชุดนี้

ที่ได้ใช้”เนติบริกร”เป็นมือเป็นเท้า ในการแปลงพันธุกรรมประชาธิปไตย ในทุกช่องทาง ผ่าน กฏหมาย องค์กรอิสระ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน และอื่นๆเท่าที่จะทำได้

เพื่อที่จะเป็นช่องทางในการสืบอำนาจ

และอ้างความชอบธรรม ว่านี่คือ การปฏิบัติและยึดตามรัฐธรรมนูญ และกฎหมาย (ใครจะเรียกนายกฯหรือรัฐบาล จากรัฐประหารไม่ได้อีกแล้ว)

การเลือกตั้ง 24 มีนาคม ที่ผ่านมา เป้นตัวอย่างชัดเจน ของการเขียนกฏหมาย เพื่อคุม และกำหนด ความได้เปรียบ ในการที่จะครองอำนาจต่อไป

ตอนนี้ เรากำลังได้เห็น ฤทธิ์เดช ของ วุฒิสภา ที่ถูกดีไซน์ บทบาทสำคัญไว้มากมาย

ทั้งการกำหนดตัวผู้นำประเทศ

การกำกับควบคุมการบริหารประเทศ ภายใต้ยุทธศาสตร์ 20 ปี เป็นต้น

ด้วยบทบาทอันสำคัญนี้

จึงมีการออกแบบ ให้ ผู้นำเหล่าทัพทุกเหล่าทัพเข้ามาอยู่ในวุฒิสภา

ซึ่งก็เท่ากับปิดประตูตายสำหรับข้อเรียกร้อง ให้ปฏิรูปกองทัพด้วยการดึงเอา กองทัพกลับเข้ากรมกอง เรียบร้อยแล้ว

ยิ่งกว่านั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ยอมรับเองว่า ยังมีการคงคำสั่งคสช.เอาไว้ประมาณ 64 คำสั่ง ด้วยเหตุผลความจำเป็น

และที่สำคัญมีการยอมรับว่าคำสั่งส่วนหนึ่งได้ปรับโอนเข้าไปอยู่ในอำนาจของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน(กอ.รมน.)

นายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.รมน. จึงมีอำนาจที่จะสั่งการตามคำสั่งคสช.ที่แปลงรูปไปอยู่ในกอ.รมน. ต่อไป

ซึ่งมีอะไรบ้าง เรายังไม่ทราบ

แต่ก็คงต้องช่วยกันจับตา โดยเฉพาะ การเมืองในสภา มีภาวะ”ปริ่มน้ำ”

ที่อาจจะมีการใช้อำนาจพิเศษต่างๆที่ แฝงอยู่ในหน่วยงานต่างๆ ออกมาควบคุม กำหนด และกำจัดศัตรูทางการเมืองได้

ดังนั้น ที่หลายคนจะสบายใจว่าทันทีที่มีรัฐบาลใหม่

คสช. และอำนาจพิเศษของผู้นำจะหายไปนั้น

อาจจะไม่เป็นความจริง

ตรงกันข้าม “อำนาจแฝง” หรือสิ่งที่เรียกว่า “อำนาจรัฐซ้อนรัฐ”อาจถูกวางเอาไว้ใต้น้ำที่ปริ่มๆ โดยที่เราไม่รู้ก็ได้

การระดมคนของตัวเอง เข้ามาอยู่ในวุฒิสภา

แทนที่จะเป็นผู้ทรงคุณวุฒิในด้านต่างๆ เพื่อทำหน้าที่ สภาสูงอย่างแท้จริง

เป็นเพียงหนึ่งในตัวอย่างการสืบทอดอำนาจอันยาวไกล อย่างแยบยลเท่านั้น??

—————–