เครื่องเคียงข้างจอ/วัชระ แวววุฒินันท์/ เรื่องร้อนๆ

วัชระ แวววุฒินันท์

เครื่องเคียงข้างจอ/วัชระ แวววุฒินันท์

เรื่องร้อนๆ

หัวข้อที่ทุกคนคุยกันยามนี้คือเรื่อง ร้อนร้อน….ที่หมายถึงอากาศร้อน

เป็นประชาธิปไตยที่สุดก็คราวนี้เอง ที่ไม่ว่าจะเศรษฐีหรือยาจกก็ต่างรับ “พิษแห่งความร้อน” ไปถ้วนทั่ว จะมากหรือน้อยกว่ากันเท่านั้นเอง

แต่เท่าที่สดับตรับฟังมา ออกจะแนว ร้อนมากกกก ถึงโคตรร้อน

จำได้ว่าได้มีการเตือนถึงสภาพอากาศที่จะร้อนกว่าทุกปีมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว แต่ก็ไม่นึกว่ามันจะ “ตับแตก” ได้ถึงขนาดที่ว่าพออาบน้ำเช็ดตัวเสร็จเหงื่อก็ออกทันที

ข่าวเกี่ยวกับความร้อนถูกถ่ายทอดตามหน้าจอและโลกโซเชียลเป็นประจำทุกวัน

แต่ข่าวที่ทำให้เรารู้สึกว่า ไทยเรานั้นเจอวิกฤตเข้าอย่างเต็มตัวแล้ว ก็คือข่าวว่าเมืองไทยร้อนติดท็อปเท็นของโลก…อุแม่เจ้า

บางวันติดท็อปทรีเสียด้วย และไม่ใช่เมืองเดียวแต่หลายเมืองซะอีก ทั้งลำปาง แพร่ ตาก

โดยส่วนตัวผมเชื่อว่าสภาพอากาศบ้านเราในปีต่อๆ ไปจะไม่กลับไปเย็นกว่านี้อีกแล้ว มีแต่จะร้อนเพิ่มมากขึ้นๆ

และจากข้อมูลการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศมันเกิดขึ้นทั่วโลก ดังประจักษ์พยานความเสียหายจากภัยพิบัติโดยฝีมือธรรมชาติมีมากขึ้น ถี่ขึ้น และรุนแรงขึ้น

เมื่ออาทิตย์กว่าๆ มาแล้ว คณะกรรมการขององค์การสหประชาชาติก็ได้ออกมาเตือนว่า ทั้งโลกกำลังเผชิญกับภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างหนัก และมีเวลาอีกไม่ถึง 12 ปีที่จะแก้ไข และต้องเป็นการร่วมมือจากทั้งโลก ไม่ใช่แค่ประเทศใดประเทศหนึ่ง

เชื่อว่าไม่ได้เป็นการตีข่าวให้ตกใจเกินเหตุ เพราะจากสภาพตอนนี้เราก็พอจะเชื่อได้ว่ามันมีโอกาสเป็นไปได้สูงมาก

 

วันก่อนก็เพิ่งได้ดูข่าวน้ำแข็งขั้วโลกเหนือละลายในปริมาณมากกว่าปกติหลายเท่า ส่งผลให้หมีขาวที่ออกไปหากินกลับบ้านไม่ถูก เพราะก้อนและธารน้ำแข็งตอนขามามันเปลี่ยนไปแล้ว

ทางสหประชาชาติได้ยกตัวอย่างที่เกิดขึ้นจริงแล้ว เช่น ภาวะแล้งจัดทำให้ขาดน้ำในเมืองเคปทาวน์ของแอฟริกาใต้ รวมทั้งเกิดคลื่นความร้อนจัดในทวีปยุโรปที่ไม่เคยเป็นขนาดนี้มาก่อน และฝนที่ตกอย่างหนักจากพายุเฮอร์ริเคนในสหรัฐอเมริกา เป็นต้น

นอกจากนั้น แนวปะการังยักษ์ Great  Barrier Reef ของออสเตรเลียที่มีชื่อเสียงระดับโลกก็จะได้รับผลกระทบอย่างหนักด้วยเช่นกัน โดยคาดว่าปะการังของโลกจะตายลง 70% ถึง 90% จากภาวะโลกร้อน

ไม่อยากนึกเลยว่าถ้าเรื่องนี้เป็นจริง โลกเราจะอยู่อย่างไร อยู่ได้จริงหรือ

ที่แย่งกันมีอำนาจอยู่ตอนนี้จะยังมีประโยชน์อะไรหรือไม่ หรือว่าถ้ามีอำนาจวันนี้พรุ่งนี้แล้ว จะใช้อำนาจที่มีพยายามเยียวยาโลกนี้อย่างไรหรือไม่ หรือว่ามัวแต่จะหาผลประโยชน์เข้าตัวกัน

 

แต่ถึงอย่างไรคนไทยก็คือคนไทย ที่ไม่ว่าทุกข์เข็ญเดือดร้อนแค่ไหน ก็ยังไม่ทิ้งอารมณ์ขันที่ก็แสดงออกมาตลอดเวลาโดยเฉพาะทางโลกโซเชียล เช่น

“อากาศประเทศไทยตอนนี้ ขาดเพียงอูฐเท่านั้น” (ฮา)

“นี่ แกควรจะไปเกิดใหม่ซะ แล้วเปลี่ยนชื่อจากพัดลมเป็นไดร์เป่าผม” (ฮา ฮา)

“อากาศยิ่งร้อน ยิ่งต้องทำความดี เพราะขนาดบนโลกยังร้อนขนาดนี้ นรกจะขนาดไหน” (หัวเราะแบบขมขื่น)

“อากาศร้อน หมอแนะนำให้ใส่ทอง เพราะทองไม่รู้ร้อน” (มาไงเนี่ย)

ในภาวะอากาศร้อนๆ อย่างนี้ พวกสินค้าต่างๆ  ก็แอบแฝงการขายของแบบเนียนๆ โดยทำเป็นคลิปบอกวิธีแก้ร้อนต่างๆ และแน่นอนที่หนึ่งในนั้นก็คือขายสินค้าของตนนั่นแหละ และเชื่อไหมว่าสินค้าที่นำมาเนียนขายนั้นคือ “เสื้อคอกระเช้า”

เรียกว่าพลิกวิกฤตเป็นโอกาส เปลี่ยน “ร้อน” ให้กลายเป็น “ร้าน”

 

นอกจากเรื่องอากาศร้อนแล้ว ยังมีเรื่องร้อนอย่างอื่นอีกที่โหมประดังใส่คนไทยยามนี้

นั่นคือ กรณี “ค่าโง่โฮปเวลล์” ที่ล้อกันว่าเป็น “โครงการโฮปเลส” ที่ตอนนี้กำลังจะเป็น “โฮปเวร” ที่ตามสนองปนสยองกับคนไทยแบบหายใจรดต้นคอ

ในกรณีนี้เป็นอนุสรณ์ชั้นดีของ “ผลงานนักการเมือง ร่วมกับข้าราชการขี้โกง” ที่ผุดโปรเจ็กต์นี้ขึ้นมา และเขียนสัญญาให้ประเทศชาติเสียเปรียบ มีอย่างที่ไหน เจ้าของโปรเจ็กต์ไม่สามารถยกเลิกสัญญาได้ ถือว่าเป็นความผิด

ไม่รู้ว่าตอนนั้นมือกฎหมายเก่งๆ ไปอยู่ไหนหมดถึงได้ยอมปล่อยออกมา หรือว่าเงินมันอุดปาก

และเรื่องก็มาซ้ำร้าย ตรงที่รัฐบาลชุดต่อมาได้มีการบอกยกเลิกสัญญากับผู้ที่ประมูลโครงการได้ นั่นก็คือเราทำผิดจากสัญญาเข้าอย่างจัง อย่างนี้ก็เข้าทางผู้รับเหมาสิครับ เฮ้อ

ในกรณีนี้ไม่รู้ว่าจะเป็นบทเรียนให้นักการเมือง ให้ผู้มีอำนาจ และคนไทยได้เรียนรู้และได้สำนึกกันบ้างรึเปล่า โดยเฉพาะนักการเมืองที่จะรู้ไหมว่า คุณได้ทำอะไรไว้ให้กับประเทศชาติ

รัฐมนตรีเจ้าของโปรเจ็กต์ก็ชิงหนีจบชีวิตไปเสียก่อน เลยไม่รู้จะไปตามถามเอาความจากใคร

หลายฝ่ายเชื่อว่าเรื่องนี้ก็คงจะซ้ำรอย “ค่าโง่บ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน” อีกเป็นแน่

เค้าเรียกว่าโง่ซ้ำซาก

 

ร้อนต่อมาที่ร้อนแบบเดือดปุดๆ เลย ก็เห็นจะเป็นกรณี “โอนหุ้นของธนาธร” ที่ทำท่าจะเป็นร้อนซีรี่ส์ ที่ต้องติดตามกันยาวๆ เนื่องจากเป็นคดีความแล้ว

เรื่องนี้เป็นเรื่องร้อนที่ส่งผลต่อหน้าการเมืองที่จะออกมาอย่างมาก เป็นที่รู้กันว่าธนาธรนั้นมาแรงราวกับฮีโร่อเวนเจอร์ และพรรคอนาคตใหม่ก็มีจำนวน ส.ส.ร่วม 80 คน (จักรวาลมาร์เวลชัดๆ) ย่อมมีผลบวกและผลลบอย่างมากต่อขั้วต่างๆ

ที่น่ากังวลคือ แรงเหวี่ยงให้บานปลายกลายเป็นชนวนของการประท้วงจากแฟนคลับที่อาจจะยากต่อการจัดการควบคุม

โชคดีที่ในช่วงนี้ยังอยู่ในช่วงของการรอการประกาศผลรับรองการเลือกตั้งจาก กกต.ในวันที่ 9 พฤษภาคม ซึ่งหลายฝ่ายรอให้ “ผล” ออกมาชัดเจนก่อน แล้วจึงจะมีความเคลื่อนไหวกัน

อย่างไรก็ดี ในช่วงของความร้อนรุ่มจากสภาพอากาศและการเมืองเช่นนี้ ก็ยังมีเรื่องมาให้ได้ “เย็นใจ” นั่นก็คือ งานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ในหลวงรัชกาลที่ 10 ที่ได้เตรียมการมาหลายเดือนแล้ว และในช่วงนี้ก็ยิ่งน่าตื่นเต้นและตื่นตัว เพราะวันพระราชพิธีใกล้เข้ามาในอีกวัน 2 วันนี้แล้ว

เมื่อความสนใจของคนไทยไปอยู่ที่งานพระราชพิธีเช่นนี้ เชื่อว่าความรู้สึกถึงความร้อนก็คงจะลดทอนลง และมุ่งไปยังการเข้าร่วมเป็นหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ของชาติไทยในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกนี้กัน

ขอจงทรงพระเจริญ