จิตต์สุภา ฉิน : Robotaxi แท็กซี่ไร้คนขับจากวิสัยทัศน์อีลอน

จิตต์สุภา ฉินFacebook.com/JitsupaChin

หากคุณผู้อ่านเป็นหนึ่งในกลุ่มคนดังต่อไปนี้

1. เบื่อหน่ายกับปัญหาการเรียกแท็กซี่ที่มีความไม่แน่นอน

2. ไม่สบายใจที่จะต้องคอยลุ้นว่าเคมีระหว่างเรากับคนขับแท็กซี่จะเข้ากันได้หรือไม่ นั่งแล้วจะสบายใจหรือเปล่า จะเกิดเหตุการณ์บาดหมางให้เสียความรู้สึกและกระอักกระอ่วนตลอดระยะทางจนไปถึงที่หมายไหม

3. อยากซื้อรถส่วนตัวสักคัน แต่รู้สึกว่าใช้งานไม่คุ้ม และอยากให้มีรายได้งอกเงยขึ้นมาจากรถคันนั้นโดยที่เราไม่ต้องออกไปรับจ๊อบขับรับผู้โดยสารหลังเลิกงานประจำ

4. ไม่ได้อยู่ประเทศไทย (เพราะดูท่าทางเรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้นกับประเทศเราเร็วๆ นี้)

ถ้าตอบว่าใช่แม้เพียงแค่ข้อเดียว คุณก็อาจจะชอบและตื่นเต้นกับการประกาศวิสัยทัศน์ครั้งล่าสุดของอีลอน มัสก์ ชายผู้ที่ทำให้โลกตกตะลึงได้บ่อยๆ คนนี้

 

ล่าสุด เขาได้ออกมาประกาศอย่างมั่นใจว่าบริษัทเทสลาของเขาจะเปิดตัว “แท็กซี่ไร้คนขับ” ภายในปี 2020 ซึ่งก็แปลว่าเหลือเวลาอีกประมาณแค่หนึ่งปีเท่านั้น

อันที่จริงแค่บอกว่าจะเปิดตัวแท็กซี่ไร้คนขับเร็วขนาดนั้นก็น่าช็อกแล้ว ที่น่าช็อกยิ่งไปกว่านั้นอีกคือการที่เขายืดอกพูดอย่างมั่นใจว่า ภายในปีหน้านี่แหละ สหรัฐอเมริกาจะมีแท็กซี่ไร้คนขับกว่า 1 ล้านคันบนถนน และทุกคันจะเป็นรถระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติเต็มรูปแบบ!

เรามาค่อยๆ ดูกันไปทีละนิดค่ะว่ารายละเอียดของสิ่งที่อีลอนพูดมีอะไรบ้าง

 

อันดับแรก เพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน แท็กซี่ไร้คนขับที่เขาหมายถึงนั้นก็ตามชื่อเลยค่ะ มันก็คือรถรับ-ส่งผู้โดยสารที่จะไปรับและส่งผู้โดยสารถึงที่หมายโดยที่ไม่จำเป็นต้องมีคนขับไปด้วย มันจะเป็นรถคันเปล่าๆ ที่มารับเรา ขับตัวเองไปตามท้องถนน หลบหลีกสิ่งกีดขวาง เชื่อฟังสัญญาณจราจร จนกระทั่งส่งเราลงถึงจุดหมายปลายทางในที่สุด

คราวนี้มาดูข้อต่อไปกันว่า แล้วจะเป็นไปได้อย่างไรกันเล่าที่จะมีรถแบบนี้อยู่บนถนนถึง 1 ล้านคันภายในปีหน้านี้ แผนการของเขาไม่ได้เป็นการออกรถไร้คนขับคันใหม่ออกมา 1 ล้านคันหรอกค่ะ แต่เป็นการเปลี่ยนให้รถเทสลาที่คนซื้อไปแล้ว วิ่งอยู่บนท้องถนนอยู่แล้วให้กลายเป็นรถไร้คนขับ เจ้าของรถเพียงแค่ต้องอัพเดตซอฟต์แวร์ (ทันทีที่เทสลาพัฒนาซอฟต์แวร์ใหม่เสร็จ) แล้วลงชื่อเข้าสู่แพลตฟอร์มเครือข่ายของเทสลาเพื่อเอารถออกไปให้บริการ ด้านผู้โดยสารก็ใช้แอพพ์เดียวกันนี้เรียกรถมารับได้เหมือนกัน

สนนราคาค่าบริการนั้นคาดว่าจะตกอยู่ที่ราวๆ 18 เซนต์ต่อหนึ่งไมล์ ซึ่งหากเทียบกับราคาของการนั่งรถแบบไรด์ แชริ่ง ที่ให้บริการกันอยู่แล้วทุกวันนี้อย่างเช่นอูเบอร์ หรือลิฟต์ ที่อยู่ที่ราวๆ 2-3 ดอลลาร์ต่อไมล์ ก็นับว่าเป็นการตัดราคากันอย่างเหี้ยมโหดเลยทีเดียว และแปลว่าเจ้าของรถเทสลาที่ยอมปล่อยรถของตัวเองมาให้บริการเป็นแท็กซี่อัตโนมัติ ก็จะสามารถทำรายได้ได้ปีละประมาณ 30,000 ดอลลาร์ โดยที่ตัวเองไม่ต้องออกไปขับให้เมื่อยก้นแม้แต่นิดเดียว

หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้อีลอน มัสก์ มั่นใจว่าเทคโนโลยีรถยนต์ของเขาพร้อมให้วาดฝันได้ไกลขนาดนั้นก็คือการที่เทสลาเปลี่ยนจากการใช้ชิพของ Nvidia มาพัฒนาชิพคอมพิวเตอร์สำหรับรถยนต์ไร้คนขับของตัวเอง ซึ่งเป็นชิพที่มีความเสถียร และมีระบบที่พร้อมจะทำงานแทนกันหากชิพตัวใดตัวหนึ่งเกิดล้มเหลวขึ้นมา และปัจจุบันรถเทสลาที่ใช้ชิพคอมพิวเตอร์ตัวนี้แล้วและขายจริงแล้วก็คือ Model 3 Model X และ Model S นอกจากชิพประมวลผลที่ทรงพลังแล้ว ก็ยังมีกล้อง 8 ตัว ที่ครอบคลุม 360 องศา เรดาร์ด้านหน้า และอุปกรณ์เซ็นเซอร์อัลตร้าโซนิกระยะสั้นด้วย

อีลอนเชื่อว่าบริษัทของเขาจะพัฒนาซอฟต์แวร์ที่จะเพิ่มฟีเจอร์ต่างๆ สำหรับการเป็นรถยนต์ไร้คนขับเต็มรูปแบบสำเร็จเสร็จสิ้นภายในปีหน้า เมื่อพร้อมแล้วก็จะปล่อยให้เจ้าของรถเทสลาเดิมได้อัพเดตซอฟต์แวร์กัน แล้วก็เริ่มปล่อยรถให้ออกไปขับตัวเองเพื่อหาลำไพ่พิเศษได้

 

ส่วนที่บอกว่ารถแท็กซี่ไร้คนขับของเทสลาจะเป็นรถไร้คนขับ “เต็มรูปแบบ” ความหมายของเขาก็คือแบบนี้ค่ะ รถไร้คนขับถูกแบ่งออกเป็น 5 ระดับด้วยกัน ซึ่งตัวชี้วัดแต่ละระดับโดยหลักๆ แล้วจะอยู่ที่ความสามารถในการขับเคลื่อนตัวเองได้ในแบบที่ไม่ต้องพึ่งพามนุษย์ อย่างเช่น ระดับหนึ่ง เป็นระดับที่ฟังก์ชั่นการขับขี่หลักๆ ยังควบคุมโดยคนขับ ระบบอัตโนมัติทำได้บางอย่าง เช่น เร่งเครื่องเอง หรือเบรกเอง

ในขณะที่ระดับที่สอง รถยนต์ไร้คนขับจะเก่งขึ้นอีกหน่อย คือสามารถเร่ง เบรก ควบคุมพวงมาลัย รักษารถให้อยู่ในเลนได้ ทำให้คนขับสามารถปล่อยมือปล่อยเท้าได้ แต่ต้องสแตนด์บายเพื่อเตรียมพร้อมกลับมาควบคุมด้วยตัวเองตลอดเวลา

ระดับที่สาม คนขับยังคงต้องอยู่ในรถ แต่รถสามารถขับตัวเองอัตโนมัติได้เป็นส่วนมาก คนขับเข้ามาขับแทนได้ในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน

ระดับที่สี่ เริ่มเรียกว่าเป็นอัตโนมัติ “เต็มรูปแบบ” ได้แล้ว คือรถสามารถขับตัวเองได้ทั้งหมด แต่ระบบที่ออกแบบไว้อาจจะไม่ได้ครอบคลุมทุกสถานการณ์

และระดับที่ห้า ซึ่งเป็นระดับในฝันของอีลอน รถสามารถขับอัตโนมัติได้แบบในอุดมคติ ไม่ว่าสภาพอากาศ สภาพถนนจะเป็นอย่างไร จะเลวร้ายแค่ไหน ผิวถนนขรุขระเป็นลูกรังที่ยากต่อการขับขี่อย่างไรก็บ่ยั่น ในขั้นนี้รถสามารถทดแทนคนขับที่เป็นมนุษย์ได้ในทุกสถานการณ์

 

แต่เอาเข้าจริงๆ ตอนนี้รถเทสลายังไม่สามารถทำได้ถึงขั้นที่ห้าหรอกค่ะ มีผู้เชี่ยวชาญบอกว่าตอนนี้เทสลาน่าจะยังอยู่แค่ขั้นที่สองเท่านั้นเอง แต่ก็คงไม่ผิดอะไรที่อีลอนจะฝันใหญ่ไปก่อนและให้คำมั่นสัญญาว่าจะไปให้ถึงให้ได้สักวันหนึ่ง

ถึงเขาจะมั่นอกมั่นใจแค่ไหน ก็ไม่ได้แปลว่าโลกทั้งใบจะต้องคล้อยตามไปด้วย มีการวิพากษ์วิจารณ์กันว่าที่อีลอนพูดมานั้นดูขาดรายละเอียดมากเกินไป และยังต้องมีเรื่องระเบียบ กฎหมาย รายละเอียดการประกันภัย อื่นๆ อีกเยอะแยะมากมายเต็มไปหมดที่จะต้องจัดการให้เสร็จก่อน กว่าจะทำได้จริงก็คงนู่น อีกสิบปีข้างหน้า ปีหน้านี่ฝันไปก่อนเถอะ นี่ยังไม่นับว่ารถเทสลาในระบบไร้คนขับก็เคยเกิดอุบัติเหตุแรงๆ ขึ้นมาหลายครั้ง แล้วจะทำอย่างไรให้ผู้โดยสารมั่นใจในความปลอดภัยพอที่จะกล้าก้าวขาขึ้นไปนั่งได้ล่ะ

อย่างไรก็ตาม ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าอนาคตของการซื้อรถแล้วปล่อยให้เป็นแท็กซี่ที่ขับตัวเองไปรับ-ส่งผู้โดยสารได้ในช่วงที่เราไม่ได้ใช้นั้นเป็นอนาคตที่สวยสดงดงามและเป็นมิตรต่อเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม และดูเหมือนกับว่าไม่ว่าจะอย่างไรเทรนด์การพัฒนารถไร้คนขับก็จะเป็นไปในทางนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ไทม์ไลน์ที่จะทำให้สำเร็จภายในปีหน้านั้นก็เป็นภารกิจเข็นครกขึ้นภูเขาอยู่ดี แม้ว่าคนพูดจะได้ฉายาว่าเป็นยอดมนุษย์แค่ไหนก็ตาม

แต่หากทำได้จริง…โอย แค่คิดก็ขนลุกไปหมดแล้วค่ะ