ความคาดหวังของท่านทูตนิวซีแลนด์ ‘ทาฮา แม็กเฟอร์สัน’ ที่มีต่อไทย

คุยกับทูต ทาฮา แม็กเฟอร์สัน สานสัมพันธ์การค้าการศึกษา ไทย-นิวซีแลนด์ (2)

เมื่อพูดถึงประเทศนิวซีแลนด์ ประเทศเล็กที่สมบูรณ์แบบด้วยลักษณะของภูมิประเทศอันมีส่วนสำคัญก่อให้เกิดทัศนียภาพอันงดงาม

ทั้งยังมีวัฒนธรรม “คนพื้นเมือง” (Tangata Whenua : People of the Land) ของชาวเผ่าเมารี (M?ori) ซึ่งยังคงความมีชีวิตชีวาในปัจจุบัน

จึงไม่น่าแปลกใจที่ชาวนิวซีแลนด์หรือที่รู้จักกันในชื่อชาวกีวี (Kiwi) จะมีความภาคภูมิใจในประเทศของพวกเขา ซึ่งนอกจากจะเป็นประเทศที่มีกิจกรรมให้ทำมากมายแล้ว ผู้คนท้องถิ่นก็รักการเล่นกีฬาและเป็นมิตรมากที่สุดอีกด้วย

เนื่องจากนิวซีแลนด์ตั้งอยู่ใกล้กับแนวรอยเลื่อนของเปลือกโลก

ดังนั้น จึงมีความเสี่ยงกับการเกิดแผ่นดินไหว ซึ่งโดยปกติจะเป็นแผ่นดินไหวขนาดเล็กเกินกว่าที่จะรับรู้ได้

แต่เมื่อเดือนกันยายน ค.ศ.2010 เกิดแผ่นดินไหวที่เมืองไครสต์เชิร์ช ซึ่งหนักที่สุดในรอบ 78 ปี

ถึงอย่างไรก็ตาม นิวซีแลนด์ยังคงเป็นประเทศที่เป็นผู้นำในการออกแบบด้านวิศวกรรมแผ่นดินไหว และอาคารขนาดใหญ่ส่วนมากได้รับการออกแบบให้ทนทานต่อการเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่

กล่าวได้ว่า เป็นหนึ่งในประเทศที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดเนื่องจากมีความสมดุลในด้านการใช้ชีวิต

ประชากรที่นี่มักตั้งบ้านเรือนอยู่นอกเมืองที่ค่อนข้างห่างกัน และด้วยขนาดประมาณสหราชอาณาจักรหรือญี่ปุ่น แต่มีประชากรราว 5 ล้านคน ทำให้มีพื้นที่หายใจและเป็นตัวของตัวเอง

การศึกษาในนิวซีแลนด์

หลายคนทราบกันดีว่า นอกเหนือจากมีภูมิประเทศที่สวยงาม มีความปลอดภัยสูง เหมาะแก่การอยู่อาศัยและท่องเที่ยวแล้ว

นิวซีแลนด์ยังมีระบบการศึกษาที่ยอดเยี่ยมตามมาตรฐานแบบอังกฤษ

แต่มีค่าครองชีพที่ไม่สูงมากเหมือนในอังกฤษ และมีที่พักอาศัยหลากหลายแบบให้เลือก

การที่ชาวนิวซีแลนด์มีอัธยาศัยดี เปิดกว้างและยอมรับในวัฒนธรรมที่แตกต่างออกไปจากผู้คนของตัวเอง ทำให้นักเรียนต่างชาติสามารถปรับตัวกลมกลืนเข้ากับสังคมได้ง่าย

นอกจากนี้ นิวซีแลนด์ยังมีระบบที่เป็นมาตรฐานในการดูแลนักเรียนต่างชาติ

โดยรัฐบาลจะคอยตรวจสอบผู้ที่ให้ที่พักอาศัยแก่นักเรียนต่างชาติ

ดังนั้น ผู้ปกครองจึงมั่นใจได้ว่านักเรียนจะได้รับการดูแลอย่างดีตลอดระยะเวลาที่ศึกษาอยู่ที่นี่

จึงทำให้ประเทศนี้เป็นที่นิยมของนักศึกษาจากนานาชาติที่ต้องการศึกษาต่อในหลักสูตรต่างๆ

นายทาฮา แม็กเฟอร์สัน (His Excellency Taha Macpherson) เอกอัครราชทูตนิวซีแลนด์ประจำประเทศไทย ซึ่งมารับตำแหน่งเมื่อช่วงกลางปีที่แล้ว พูดถึงเป้าหมายและกลยุทธ์การขับเคลื่อนการศึกษาต่อที่ประเทศนิวซีแลนด์ เพื่อรักษาตำแหน่ง “เมืองหลวงแห่งการศึกษาต่อของโลก”

“สำหรับเรื่องการศึกษา นับเป็นเสาหลักที่สำคัญในความสัมพันธ์ของเรามานานหลายทศวรรษ และเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผมต้องการขับเคลื่อนด้วยตนเอง เพราะในปัจจุบัน เรามีนักศึกษามหาวิทยาลัยจากประเทศไทย 3,500 คนที่ศึกษาอยู่ในนิวซีแลนด์ มากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของอาเซียน และอันดับ 7 ของโลก เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาประมาณ 5% ขณะที่วีซ่านักเรียนก็เพิ่มขึ้นประมาณ 7% แต่ผมยังอยากเห็นมากกว่านี้ เพราะตัวเลือกในระดับการศึกษาที่มีคุณภาพเป็นเลิศและหลากหลายสำหรับนักศึกษาไทย โดยทั่วไป เราพบว่านักศึกษาที่เรียนจบจากนิวซีแลนด์ ได้นำประสบการณ์ที่ดีจากสถาบันการศึกษาของเรากลับมาก่อประโยชน์ให้แก่บ้านเมือง”

“สำนักงานการศึกษานิวซีแลนด์ ประจำประเทศไทย (Education New Zealand : ENZ Thailand) ตั้งอยู่อาคารเดียวกับสถานทูตและสมาคมนักเรียนเก่านิวซีแลนด์ (New Zealand Alumni Association : NZAA) ซึ่งได้ทำงานร่วมกันอย่างแข็งขัน”

สำนักงานการศึกษานิวซีแลนด์ ประจำประเทศไทย (ENZ Thailand) ได้เปิดตัวแคมเปญดิจิตอลระดับโลกล่าสุด New Futures Need New Paths เมื่อวันที่ 15 เมษายนที่ผ่านมา โดยเน้นว่า การศึกษาของนิวซีแลนด์จะช่วยให้นักเรียนมีทักษะที่จำเป็นสำหรับการใช้งานในอนาคตได้อย่างไร

การสร้างคุณภาพการศึกษาระดับโลก โดยพัฒนานักเรียนให้มีทักษะที่ตอบสนองความต้องการของตลาดแรงงานทั่วโลก เป็นยุทธศาสตร์สำคัญด้านการศึกษาที่สามารถเชื่อมต่อความสัมพันธ์กับประเทศไทย ขณะเดียวกัน นิวซีแลนด์ยังมีการปรับปรุงหลักสูตรให้สอดคล้องต่อความต้องการของไทย ที่มุ่งเน้นด้าน Digital Economy มากขึ้น

“ถ้าพูดถึงดิจิตอล จัดเป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือระหว่างไทยและนิวซีแลนด์ และไทยมีนโยบาย 4.0 ซึ่งต้องการแรงงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อให้มีความสามารถทำงานร่วมกับนานาชาติได้”

ทั้งนี้ ทางการนิวซีแลนด์มีความตั้งใจและมุ่งมั่นที่จะพัฒนาด้านการศึกษาให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของโลกและให้ผู้ที่มาศึกษาต่อที่นิวซีแลนด์ได้รับประโยชน์สูงสุด ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดการร่างแผนพัฒนาการศึกษาปี ค.ศ.2018-2030 เมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว

โดยต้องการเสริมสร้างประสบการณ์และความรู้แก่นักเรียนด้วยการศึกษาที่มีคุณภาพ ในสภาพแวดล้อมการเรียนที่ดี และมีการเรียนที่สนุก

ซึ่งจะช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้เรียนให้ดีขึ้นระหว่างการเรียนต่อที่นิวซีแลนด์ และยังช่วยทำให้อุตสาหกรรมการศึกษาของนิวซีแลนด์เติบโตและยั่งยืน

“นิวซีแลนด์ได้วางโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยี และการเรียนรู้อย่างมืออาชีพ โดยเพิ่มงบฯ กว่า 700 ล้านดอลลาร์นิวซีแลนด์ตั้งแต่ปี ค.ศ.2018 เพื่อวางระบบเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงจนทำให้นักเรียนสามารถเข้าถึงบทเรียน และนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการเรียนการสอนมากขึ้นตามสถาบันต่างๆ ในนิวซีแลนด์ที่ครอบคลุมอย่างน้อย 98% เพราะการเรียนรู้ในห้องเรียนใช้ระบบดิจิตอลเกือบทั้งหมด ทั้งยังมีการประเมินออนไลน์ เพื่อช่วยให้นักเรียนสามารถคิดค้นและสร้างสรรค์ผลงานจากเทคโนโลยีอย่างไม่จำกัด ตั้งแต่เริ่มใช้ชีวิตของการเรียนในโรงเรียนเลยทีเดียว”

“เมื่อไม่นานนี้ ผมไปร่วมประชุมกับโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย (Princess Chulabhorn Science High School) จึงได้เรียนรู้ว่ามหาวิทยาลัยโอทาโก (University of Otago) ในนิวซีแลนด์ ได้ดำเนินการฝึกอบรมภาษาอังกฤษสำหรับอาจารย์ที่นี่กว่า 600 คนตั้งแต่ปี ค.ศ.2016”

“นักเรียนนิวซีแลนด์เดินทางมาประเทศไทยมากขึ้นเช่นกัน ตัวอย่างเช่น เมื่อเร็วๆ นี้ผมได้พบกับกลุ่มนักศึกษาผู้มีความสามารถจากมหาวิทยาลัยแคนเทอร์เบอรี่ (University of Canterbury) ของเรา มาประเทศไทยเพื่อฝึกงานในภาคธุรกิจและองค์กรต่างๆ ซึ่งเป็นพันธมิตรกับมหาวิทยาลัยมหิดล”

“หลายคนอาจไม่ทราบว่า นิวซีแลนด์ได้รับการจัดอันดับให้เป็นที่ 1 ของประเทศที่มีระบบการศึกษาทรงประสิทธิภาพที่สุดจาก 10 อันดับแรกของโลกเมื่อปี ค.ศ.2017”

หน่วยงานสองแห่งที่จัดทำอันดับโลกในเรื่องดังกล่าว ได้แก่ บริษัทวิจัย Economist Intelligence Unit (EIU) ในเครือ Economist Group แห่งอังกฤษ และ Yidan Prize Foundation ซึ่งเป็นมูลนิธิมอบรางวัลในวงการการศึกษาใหญ่ที่สุดในโลก แห่งฮ่องกง

ด้านการท่องเที่ยวที่เราต้องไม่พลาด

เพราะการท่องเที่ยวเป็นส่วนหนึ่งของความสัมพันธ์ของเราด้วย

จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่มีเพิ่มขึ้นทั้งสองทิศทาง

ปีที่แล้ว มีชาวนิวซีแลนด์กว่า 100,000 คนมาเยือนประเทศไทย

และมีคนไทยอีกประมาณ 30,000 คนไปเที่ยวนิวซีแลนด์

“ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี และผมคิดว่า เรากำลังเดินไปในทิศทางที่ถูกต้อง เมื่อการบินไทยเปิดเส้นทางบินตรงทุกวันระหว่างกรุงเทพฯ-โอ๊กแลนด์ เมืองใหญ่ที่สุดบนเกาะเหนือของนิวซีแลนด์”

ความสัมพันธ์ทางด้านวัฒนธรรม

“เรายังต้องการสำรวจเพื่อหาโอกาสใหม่ๆ ในการทำงานร่วมกันในด้านวัฒนธรรมซึ่งเราค่อนข้างมีความคล้ายคลึงกัน เพราะผมพบว่าคนไทยมักให้ความสนใจในวัฒนธรรมเมารีซึ่งเป็นชนพื้นเมืองของเรา ในขณะที่ไทยก็มีชนพื้นเมืองอย่างชาวเขา เพราะประเทศไทยมีประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่ยาวนาน มีวัฒนธรรมที่ทรงคุณค่าน่าสนใจหลายอย่าง เช่น การเคารพผู้อาวุโสและให้ความสำคัญกับครอบครัวขยาย (Extended family) เช่นเดียวกับวัฒนธรรมของชาวเมารี (M?ori) และชาวหมู่เกาะแปซิฟิก (Pasifika) ของเรา”

“นอกจากนี้ การทูตสาธารณะ (public diplomacy) ก็เป็นส่วนสำคัญของการสร้างความสัมพันธ์และความเข้าใจทางวัฒนธรรม ตัวอย่างที่ผมประหลาดใจก็คือกลุ่ม K-Pop ซึ่งได้สร้างแรงสั่นสะเทือนให้ประเทศเกาหลีและทั่วเอเชีย รวมถึงในประเทศไทยด้วย และบางทีผมคิดว่า เราควรพยายามพัฒนา “K” ของเราเองบ้าง”

“นั่นคือ Kiwi Pop!”

ความคาดหวังของท่านทูตและสถานทูต

“โดยส่วนตัว ผมรู้สึกตื่นเต้นมากเกี่ยวกับการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ซึ่งผมตระหนักถึงประวัติศาสตร์และความสำคัญสำหรับราชอาณาจักรไทย ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมพระราชพิธีพร้อมกับเอกอัครราชทูตคนอื่นๆ และกำลังตั้งตารอคอย”

“ความคาดหวังต่อมา เกี่ยวกับอาเซียน (ASEAN) ซึ่งเป็นองค์กรระดับภูมิภาคที่สำคัญและสำคัญยิ่งสำหรับนิวซีแลนด์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราทั้งสองประเทศเป็นคู่เจรจา ดังนั้น นิวซีแลนด์จึงให้ความสำคัญในการสนับสนุนประเทศไทยให้ประสบความสำเร็จจากการดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนในปีนี้”

“และในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้คือ เรากำลังวางแผนสำหรับการเยือนไทยของเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากนิวซีแลนด์ ซึ่งรวมถึงนายกรัฐมนตรีของเราที่จะมาเข้าร่วมการประชุมที่เกี่ยวกับอาเซียน เช่น การประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก (East Asia Summit) ในปลายปีนี้”

“แน่นอนที่สุด เราเพิ่งได้เห็นการเลือกตั้งของประเทศไทยเมื่อไม่นานมานี้ และได้เห็นว่า ประชาชนชาวไทยหลายล้านคนได้ออกไปใช้สิทธิลงคะแนนเสียงตามระบอบประชาธิปไตย เพราะนิวซีแลนด์ได้สนับสนุนการเลือกตั้งและการจัดตั้งรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เพื่อแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของระบอบประชาธิปไตยในไทยมาโดยตลอด เราจึงตั้งตารอผลการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ที่โปร่งใสอย่างใจจดใจจ่อ”