ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 3 - 9 พฤษภาคม 2562 |
---|---|
คอลัมน์ | หน้า8 |
เผยแพร่ |
แสงสว่าง
จนถึงวันนี้ไม่มีใครรู้ว่ารัฐบาลชุดใหม่จะมีโฉมหน้าอย่างไร
เพราะเกมการชิงอำนาจยังไม่จบ
พรรคเพื่อไทยแม้จะได้ ส.ส.มากที่สุด และควรได้สิทธิจัดตั้งรัฐบาลก่อน
แต่ดูเหมือนว่าพรรคพลังประชารัฐจะไม่ยอม
เกมการช่วงชิง “อำนาจ” จึงดุเดือดและรุนแรง
พรรคเพื่อไทยและพรรคการเมืองในกลุ่มประชาธิปไตยที่ต่อต้านการสืบทอดอำนาจ คสช.จับมือกันเหนียวแน่น
แม้จะมีความพยายามยื้ดยุดฉุดกระชากจาก “มือที่มองไม่เห็น” อยู่ตลอดเวลา
ใช้คนจากทุกสารทิศมาช่วยเจรจาให้เปลี่ยนฝั่ง
เพื่อไม่ให้เสียงรัฐบาลปริ่มน้ำ
ที่ชัดๆ ก็คือ พล.ต.อ.เสรีพิสุทธิ์ เตมียเวส ปูดออกว่ามีเพื่อนนายทหารมาเจรจาให้ย้ายฝั่ง
หรือการไหว้วานอดีตนายกรัฐมนตรี “หวานเจี๊ยบ” มาเจรจากับนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา
รวมถึงรองนายกฯ ที่เคยดึง “มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์” มาเป็น ผอ.อสมท. ก็ต่อสายมาหา “ลุงมิ่ง” ตั้งแต่วันแรกที่รู้ผลการเลือกตั้ง
แต่จนถึงวันนี้เสียงของทั้ง 2 ฝ่ายก็ยังสูสีคู่คี่อยู่
ไม่แปลกที่เกมชิงอำนาจจะเปลี่ยนจากการเจรจาต่อรอง
มาเป็นการใช้ “อำนาจ”
ใน “ความมืด”
ไม่แปลกที่ พล.ต.อ.เสรีพิสุทธิ์จะเจอภรรยาอดีตนายเวรร้องเรียนว่าเคยถูกถอดออกจากราชการ
เป็น ส.ส.ไม่ได้
ไม่แปลกที่ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” จะถูก กกต.แจ้งข้อกล่าวหาภายในเวลาอันรวดเร็ว
ไม่แปลกที่ ส.ส.เชียงใหม่ของพรรคเพื่อไทยจะเจอ “ใบส้ม”
และคงไม่แปลกที่สูตรการคำนวณ ส.ส.จะออกมาตามแนวทางของกรรมาธิการ
พรรคการเมืองเล็กที่ได้คะแนนแค่ 30,000 กว่าจะได้ ส.ส.
เรื่องแบบนี้ไม่ใช่ “เรื่องแปลก”
สำหรับ “การเมือง” ในเงาสลัว
เช่นเดียวกับวันนี้ที่ไม่มีใครรู้ว่าคณะกรรมการเลือกวุฒิสมาชิก 250 คนเป็นใคร
ไม่มีใครรู้ว่าหลักเกณฑ์การเลือกเป็นอย่างไร
ไม่มีใครรู้ว่าสัดส่วนวุฒิสมาชิกของแต่ละอาชีพเป็นอย่างไร
ถามเท่าไรก็ไม่ยอมตอบ
รู้อีกทีก็เห็นชื่อเลย
ทั้งที่ 250 ส.ว.มีอำนาจในการเลือก “นายกรัฐมนตรี” เทียบเท่ากับ ส.ส. 500 คนที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน
ทุกอย่างอยู่ใน “ความมืด”
“เพลโต” นักปรัชญาคนสำคัญของโลกเคยกล่าวไว้ว่า “เด็กกลัวความมืดนั้นเป็นเรื่องที่ยอมรับได้
แต่โศกนาฏกรรมที่แท้จริงของชีวิต
คือผู้ใหญ่ที่เกรงกลัวแสงสว่าง”