คนของโลก : สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ จักรพรรดิของประชาชน

สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะทรงสละราชสมบัติลงอย่างเป็นทางการแล้วเมื่อวันที่ 30 เมษายนที่ผ่านมา

เปิดทางให้มกุฎราชกุมารนารุฮิโตะ วัย 59 ปี ขึ้นครองสิริราชสมบัติแทนที่พระองค์ เป็นสมเด็จพระจักรพรรดิแห่งญี่ปุ่นในวันที่ 1 พฤษภาคม

นับเป็นการเปลี่ยนผ่านจากยุค “เฮเซ” สู่ยุค “เรวะ” อย่างเป็นทางการ

30 ปีก่อน ในช่วงเวลาที่สมเด็จพระจักรพรรดิฮิโรฮิโตะ พระชนกของสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ สิ้นพระชนม์ สิ่งที่ประชาชนรับรู้ถึงมุมมองสำหรับสมเด็จพระจักรพรรดิแห่งยุค “โชวะ” ผู้ล่วงลับนั้น สิ่งหนึ่งที่แน่นอนที่สุดคือพระองค์ทรงมีความทรงจำเกี่ยวกับการเสด็จเยือน “ดิสนีย์แลนด์” ชัดเจนจากหลักฐานภาพถ่ายที่พระองค์ทรงสวมนาฬิกา “มิกกี้เมาส์” ในพิธีปลูกข้าวครั้งหนึ่งในอดีต

ส่วนความคิดความเห็นของพระองค์ในเรื่องต่างๆ นั้นจะถูกส่งถึงประชาชนผ่านแถลงการณ์ของบุคคลใดบุคคลหนึ่งที่อ้างว่าได้ฟังรับสั่งจากพระองค์อีกทอดหนึ่ง

นั่นทำให้สำหรับชาวญี่ปุ่นแล้วความคิดในช่วงเวลาครองราชย์ตลอด 68 ปีของพระองค์ส่วนใหญ่นั้นยังคงเป็นปริศนา

 

แตกต่างจากสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ วัย 85 ปี ที่ทรงครองราชย์ในฐานะ “สัญลักษณ์แห่งรัฐและเอกภาพของประชาชน” ตามรัฐธรรมนูญหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งแม้จะทรงเลี่ยงจากการแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายต่างๆ ของรัฐ

แต่พระราชกรณียกิจ การเลือกคำและประโยคที่ทรงมีพระราชดำรัสแต่ละครั้งนั้นแสดงให้เห็นชัดเจนว่าพระองค์ทรงเป็นสมเด็จพระจักรพรรดิของประชาชน

และทรงเป็นผู้สนับสนุนรัฐธรรมนูญหลังสงครามอย่างแท้จริง

สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะทรงแสดงให้เห็นถึงความเป็น “เสรีนิยม” ในตัวพระองค์ ที่ทรงพยายามลดอิทธิพลแนวคิดที่มองสถาบันกษัตริย์เป็นดั่งสมมุติเทพอย่างในอดีต

สิ่งนั้นเกิดขึ้นตั้งแต่การแถลงข่าวกับประชาชนเป็นครั้งแรกหลังทรงขึ้นครองราชย์ เมื่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวของกรมสารนิเทศของสำนักพระราชวังลุกขึ้นยืนตามประเพณีเพื่อถามคำถาม ก่อนที่สมเด็จพระจักรพรรดิพระเจ้าหลวงอากิฮิโตะ จะตรัสให้นั่งลงตามเดิม

แม้เจ้าหน้าที่รายนั้นซึ่งตกตะลึงและหยุดไปชั่วครู่ก่อนจะระบุว่า “แต่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท มันถูกกำหนดให้เกล้ากระหม่อมต้องยืนพระพุทธเจ้าข้า” ก่อนที่สมเด็จพระจักรพรรดิพระเจ้าหลวงอากิฮิโตะจะทรงตอบว่า “หากเป็นเช่นนั้น โปรดยืนตามสบาย”

เหตุการณ์ดังกล่าวถูกมองว่า การที่ทรงมีพระประสงค์ให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวนั่งถามคำถามแทนที่จะยืนขึ้นตามธรรมเนียม นั่นเพราะพระองค์ต้องการลดช่องว่างของจักรพรรดิและประชาชนให้แคบลง

 

นอกจากนี้ สิ่งที่สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะทรงเปลี่ยนเป็นสิ่งแรกก็คือ การใช้ภาษาของสมเด็จพระจักรพรรดิที่มีต่อประชาชน จากเดิมที่จักรพรรดิไม่ควรใช้ภาษาสุภาพกับประชาชนเช่นในยุคสมเด็จพระจักรพรรดิฮิโรฮิโตะ

แต่สมเด็จพระจักรพรรดิทรงใช้ภาษาในแบบที่ประชาชนใช้ทั่วไป และการเลือกใช้ประโยคและคำต่างๆ พระองค์ทรงใส่พระทัยและเลือกสรรเป็นอย่างดีเพื่อสื่อสารไปยังประชาชนในโอกาสสำคัญต่างๆ

เช่น ครั้งหนึ่งที่พระองค์เสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศปาเลา เพื่อรำลึกครบรอบ 70 ปีสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อปี 2015 พระองค์ทรงเลือกแสดงพระราชดำรัสเพื่อรำลึกถึงผู้เสียชีวิตในสงครามอย่าง “ทุกๆ คนที่สูญเสียชีวิต” ในสงครามเมื่อปี 1944

ทุกๆ คนที่พระองค์หมายถึงนั้นคือ 10,000 ชีวิตที่เสียชีวิตในสงครามทั้งหมด ต่างจากที่สื่อญี่ปุ่นจะเลี่ยงที่จะเอ่ยถึงทหารสหรัฐ 1,700 นายที่เสียชีวิตในเหตุการณ์เดียวกันนั้นเช่นกัน

นอกจากนี้ สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะและสมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกะ ทรงแสดงให้เห็นถึงความใกล้ชิดประชาชนมากยิ่งขึ้นด้วยการเสด็จเยี่ยมประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากคลื่นยักษ์สึนามิ โดยทรงคุกพระชงฆ์ (คุกเข่า) และมีพระปฏิสันถารให้กำลังใจกับผู้ประสบภัยด้วยพระองค์เอง

 

ตลอดระยะเวลาครองราชย์ 30 ปีของสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ ทรงปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ให้เป็นประชาธิปไตยได้อย่างประสบความสำเร็จอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง

สำนักข่าวเอ็นเอชเคทำการสำรวจความคิดเห็นประชาชนในปี 2009 เนื่องในโอกาสทรงครองราชย์ครบ 20 ปี พบว่าประชาชน 85 เปอร์เซ็นต์ เห็นด้วยอย่างเต็มใจที่สมเด็จพระจักรพรรดิทรงงานตามบทบาทตามรัฐธรรมนูญอย่างเต็มที่ ขณะที่ผลสำรวจของไมนิชิชิมบุน เมื่อไม่นานที่ผ่านมาพบว่าตัวเลขเพิ่มขึ้นอีกเป็น 87 เปอร์เซ็นต์ เช่นเดียวกับตัวเลขความคิดเห็นประชาชนว่ารู้สึกมีความใกล้ชิดสมเด็จพระจักรพรรดิมากแค่ไหนก็มีตัวเลขในระดับสูงเช่นกัน

ในพระราชดำรัสครั้งสุดท้ายของสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ ยังทรงแสดงความขอบพระทัยอย่างสุดซึ้งต่อประชาชนชาวญี่ปุ่นที่ให้การยอมรับพระองค์ในฐานะสัญลักษณ์ของชาติ และให้การสนับสนุนพระองค์ตลอดมา

แน่นอนว่าสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ ที่นับตั้งแต่นี้จะทรงเป็นสมเด็จพระจักรพรรดิพระเจ้าหลวงแห่งญี่ปุ่น จะทรงอยู่ในความทรงจำของชาวญี่ปุ่นในฐานะ “สมเด็จพระจักรพรรดิของประชาชน” ตลอดไป