แน่นอนว่าความเบื่อหน่ายกับการเมืองรูปแบบเดิมๆ ปัญหาแบบเดิมๆ ย่อมทำให้ประชาชนมองหาความเปลี่ยนแปลง และความ “ใหม่” ในทุกๆ การเลือกตั้ง

เช่นเดียวกับชาวยูเครน ที่ยินดีที่จะเทคะแนนให้กับนักแสดงตลกอย่าง “โวโลดีเมียร์ เซเลนสกี้” ผู้ที่เคยมีประสบการณ์เฉพาะการแสดงเป็น “ประธานาธิบดี” ในซีรี่ส์สตลกชื่อดังอย่าง “Servant of The People” หรือ “ข้ารับใช้ประชาชน” ที่ออกอากาศระหว่างปี 2015-2019 และสามารถหาชมได้ทาง Nexflix ของสหรัฐอเมริกา

เรื่องราวในซีรี่ส์เป็นเรื่องราวของอาจารย์สอนประวัติศาสตร์คนหนึ่งที่จับพลัดจับผลูได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดีของประเทศยูเครน

เช่นเดียวกันกับในชีวิตจริง “เซเลนสกี้” จากพรรคชื่อเดียวกับซีรี่ส์ “Servant of The People” สามารถคว้าเก้าอี้ในการเลือกตั้งประธานาธิบดียูเครน ที่มีขึ้นเมื่อวันที่ 21 เมษายนที่ผ่านมา เอาชนะประธานาธิบดียูเครนอย่างเปโดร โปโรเชนโก ไปได้ด้วยคะแนนถล่มทลายถึง 73 เปอร์เซ็นต์ ต่อ 25 เปอร์เซ็นต์

 

เซเลนสกี้เกิดในเมืองครีวิริก ในประเทศยูเครน ที่อดีตเคยเป็นดินแดนปกครองของสหภาพโซเวียต

เซเลนสกี้มีพ่อและแม่เป็นชาวยิว พ่อเป็นศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์ฮาร์ดแวร์ในสถาบันเศรษฐศาสตร์ครีวิริก ขณะที่แม่มีอาชีพเป็นวิศวกร

เซเลนสกี้เคยอาศัยในมองโกเลีย 4 ปีก่อนย้ายมาศึกษาวิชากฎหมายในมหาวิทยาลัยในเมืองควีวิริกบ้านเกิด อย่างไรก็ตาม เซเลนสกี้ไม่เคยทำงานด้านกฎหมายเป็นอาชีพแต่อย่างใด แต่เลือกงานในด้านสายบันเทิงแทน

เซเลนสกี้เริ่มคณะตลกตั้งแต่อายุ 17 ปี ก่อนเข้าร่วมคณะตลกชาวยูเครนและเข้าแข่งขันแสดงตลกได้ตำแหน่งชนะเลิศในปี 1997

หลังจากนั้น เซเลนสกี้ได้ก่อตั้งคณะตลกที่มีชื่อว่า Kvatal 95 ซึ่งต่อมาก็ได้กลายมาเป็นบริษัทผู้ผลิตภาพยนตร์และสื่อบันเทิงป้อนให้สถานีโทรทัศน์ทั้งในรัสเซียและในยูเครนเอง

เซเลนสกี้เริ่มแสดงภาพยนตร์ในปี 2008 มากมายหลายเรื่อง

โดยเฉพาะบทบาทในซีรี่ส์ล่าสุดที่มีชื่อว่า “Servant of The People” ออกฉายเมื่อปี 2015 ในฐานะครูประวัติศาสตร์ที่โด่งดังจากคลิปวิดีโอ “ด่าการทุจริตของรัฐบาล” จนได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีในที่สุด

 

บทบาทของเซเลนสกี้ในด้านการเมืองเริ่มต้นขึ้นหลังพรรคการเมือง “Servant of The People” ตั้งขึ้นโดยพนักงานของ Kvatal 95 เมื่อปี 2018

เซเลนสกี้นับเป็นหนึ่งในผู้มีคะแนนนิยมนำในผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนหลายสำนัก และนั่นก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่นักแสดงตลกมากฝีมือผู้นี้ตัดสินใจลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 31 ธันวาคม ปี 2018

ในการหาเสียง เซเลนสกี้เลือกที่จะใช้ช่องทางโซเชียลมีเดียอย่างเฟซบุ๊ก รวมถึงยูทูบ โดยมองว่าไม่ต้องการที่จะร่วมรายการกับ “คนจากกลุ่มอำนาจเก่า” ซึ่งพยายามทำ “พีอาร์” ผ่านทางสื่อกระแสหลัก

แน่นอนว่า เซเลนสกี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากคู่แข่งทั้งเรื่องการขาดประสบการณ์ทางการเมือง รวมไปถึงความเชื่อมโยงกับ “อิฮอร์ โคโลโมยสกี้” ศัตรูทางการเมืองของโปโรเชนโก และเป็นนักธุรกิจทรงอำนาจเจ้าของช่องทีวีที่รายการของเซเลนสกี้ออกอากาศอยู่

อย่างไรก็ตาม เซเลนสกี้นั้นปฏิเสธข้อกล่าวหาโจมตีดังกล่าว

 

สําหรับนโยบายหาเสียงของเซเลนสกี้นั้นเน้นไปที่การสร้างความเปลี่ยนแปลงจากกลุ่มอำนาจเก่าที่ไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาความรุนแรงจากกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่สนับสนุนโดยรัสเซีย รวมไปถึงการทุจริตในวงการการเมือง

นโยบายต่างประเทศของเซเลนสกี้นั้นไม่ชัดเจนนักนอกจากแนวทางฝักใฝ่ตะวันตก โดยต้องการให้ยูเครนเข้าร่วมเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป และจะขอเข้าร่วมเป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต ซึ่งก็เป็นจุดยืนซึ่งไม่แตกต่างจากประธานธิบดีโปโรเชนโกมากนัก

หลังจากนี้แน่นอนว่า เซเลนสกี้จะต้องเจอกับความท้าทายของประเทศที่ยากจนที่สุดในยุโรป ประเทศที่ยังคงต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากนานาชาติอีกมากมาย

ไม่ว่าจะเป็นปัญหาความรุนแรงจากกลุ่มแบ่งแยกดินแดนทางตะวันออกของประเทศ ปัญหาซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 13,000 ราย นับตั้งแต่ปี 2014 และกระทบต่อเนื่องไปยังเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ

รวมไปถึงความท้าทายจากกลุ่มการเมืองอำนาจเก่า โดยเฉพาะสภาผู้แทนราษฎรที่พันธมิตรของโปโรเชนโกยังคงครองเสียงข้างมาก ก่อนหน้าการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในเดือนตุลาคมนี้