หัวอก “พี่ใหญ่” ในวันถูกเขย่า ควันหลง “ครม.ตู่ 4” เมื่อ “ป.ป้อม” อับแสง “ป.ป๋าเปรม” บารมีฉายโชน

 

แม้จะเห็นโฉมหน้าของ “ครม.ประยุทธ์ 4” กันแล้ว แต่ผลพวงจากกระแสข่าวลือ “ปลด บิ๊กป้อม พ้น ครม.” หรือ “ประวิตร ปิ๋ว” ก็ยังไม่จบสิ้น

ทั้งๆ ที่ บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ยังคงเป็นรองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง และ รมว.กลาโหม ตามเดิม

แถมทั้ง บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. ก็ยืนยันแล้วว่า ไม่เคยคิดที่จะปรับ พล.อ.ประวิตร ออกจาก ครม.

“ท่านทำงานดี ไม่มีบกพร่อง ผมไม่เคยคิดที่จะปรับท่านออก” นายกฯ ยัน

ก่อนเอ่ยถึงกระแสข่าวลือหนึ่งขึ้นมาเองว่า “ท่านบกพร่องตรงไหน มาหาว่าท่านอย่างนั้นอย่างนี้ ไปหาหลักฐานมาให้ผม”

อันเป็นการทำให้ข่าวลือที่เกี่ยวกับบุคคลรอบข้าง พล.อ.ประวิตร โดยเฉพาะนายตำรวจน้องรักและลูกเลิฟ ถูกเพ่งเล็งอยู่

ไม่แค่นั้น ข่าวลือเรื่อง “ใบสั่งพิเศษ” ก็ยังคงคลอกระแสอยู่ แม้ว่า พล.อ.ประวิตร จะรักษาไว้ได้ทั้ง 2 เก้าอี้ก็ตาม

พร้อมๆ กับข่าวที่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ เองก็ไม่เชื่อว่า “ใบสั่งพิเศษ” นั้นจะมีจริง เพราะเขาไม่ได้รับ “สัญญาณ” นั้นมาเองโดยตรง

ด้วยเพราะต้นตอข่าวลือนี้ มาจากเหตุการณ์ที่อดีตรัฐมนตรีทหารในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางไปต่างประเทศ ก่อนหน้านี้กว่า 1 เดือนมาแล้ว

ไม่ว่าปัญหาของ พล.อ.ประวิตร คืออะไร แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ “ดูแลและจัดการ” ให้ “พี่ใหญ่แห่งรัฐบาล และ คสช.” ได้เสมอ

แต่ที่น่าแปลกใจคือ ท่าทีของ พล.อ.ประวิตร เปลี่ยนไป หลังมีโปรดเกล้าฯ ครม.ประยุทธ์ 4 ออกมา

ด้วยการงดให้สัมภาษณ์สื่อ ไม่ทักทาย พูดคุยหรือหยอกล้อกับนักข่าวเช่นที่เคย โดยโยนให้ถามรัฐมนตรีที่รับผิดชอบ และถามนายกรัฐมนตรี แต่ยืนยันว่า ไม่ได้งอนสื่อ

ท่ามกลางการถูกจับตามองว่า พล.อ.ประวิตร จะลดบทบาทตัวเองลงเช่นนี้ไปได้นานแค่ไหน เพราะหากว่าเป็นเช่นนี้ตลอดไป ก็ย่อมแสดงให้เห็นว่า มีคำเตือนมาจริงๆ ไม่ว่าจะจาก พล.อ.ประยุทธ์ น้องรักเอง หรือว่าสูงกว่านั้น

img_5894

อีกทั้ง โหรวารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ โหร คมช. ที่ตอนนี้กลายมาเป็นโหร คสช. ที่มีทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร เป็นศิษย์เอก ก็ยังออกมาทำนายเป็นครั้งแรก ในทางลบสำหรับ พล.อ.ประวิตร ว่าจะหลุดเก้าอี้ในอนาคต เพราะหมดหน้าที่ความรับผิดชอบ แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ยังต้องดูแลบ้านเมืองต่อไป

ทั้งๆ ที่เดิม โหรวารินทร์ ทำนายในเชิงหนุน พล.อ.ประวิตร มาตลอดหลายปี ว่า ดวงถึงเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ก่อนที่จะมาหนุน พล.อ.ประยุทธ์ เต็มตัว หลังจากที่เชิญ พล.อ.ประยุทธ์ มาทำพิธีทำบุญประเทศ ทุกเดือนเมษายนของทุกปี ที่สำนักสุขิโต เชียงใหม่ และกลายเป็นศิษย์เอกที่โหรวารินทร์ทำนายเชียร์มาตลอด

อีกทั้ง พล.อ.ประวิตร เป็นคนที่เชื่อเรื่องโชคลาง ยิ่งหากหมอดูทำนายทายทัก ก็จะเชื่อ

ก่อนหน้าที่ ครม.ประยุทธ์ 4 จะคลอดออกมานั้น จะเห็นได้ว่า พล.อ.ประวิตร แสดงความไม่พอใจอย่างมาก ต่อการเสนอข่าวของสื่อที่ว่า เขาลาออก และจะถูกปรับออกจาก ครม.

“ข่าวมั่ว ห่วยสุดขีด ผมจะลาออกทำไม ในเมื่อนายกฯ ให้ผมมาช่วย ผมก็อาสามาทำงาน แล้วผมจะลาออกทำไม” บิ๊กป้อม ตำหนิสื่อ

“ถ้าผมไม่ไหว ผมจะบอกนายกฯ เอง และบอกสื่อเองว่า ผมไม่ไหวแล้ว” บิ๊กป้อม เปรย

ก่อนย้ำว่า ตอนนี้ยังทำงานต่อได้ ไม่ได้มีปัญหาสุขภาพอะไร แม้จะอายุ 72 แล้วก็ตาม ตราบใดที่ยังอ่านหนังสือรู้เรื่อง เดินทางไปไหนมาไหน ไปต่างประเทศ เจรจารู้เรื่อง

“ทั้งนายกฯ และผม ก็ตกเป็นเป้าถูกโจมตี ผมโดนหนักหน่อย คงคิดว่าผมทำงานมาก หรือคิดว่าผมมีอำนาจมากเกินไปมั้ง ทั้งๆ ที่ผมไม่ได้มีอำนาจ หรือใช้อำนาจอะไรเลย” พล.อ.ประวิตร วิเคราะห์สาเหตุที่ถูกเขย่าเก้าอี้ มีข่าวถูกปรับออกจาก ครม. ทุกครั้ง ที่มีการปรับคณะรัฐมนตรี

“คงเห็นว่าผมเป็นพี่ใหญ่ มีอำนาจมาก คุมทั้งทหาร และตำรวจ” บิ๊กป้อม เสริม

จนทำให้เกิดข่าวลือตามมาว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะไม่ให้ พล.อ.ประวิตร คุมสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คุมการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ

img_6284

ด้วยเพราะในวงการสีกากี ที่แม้จะพยายามปฏิรูป แต่ก็ยังทำไม่ได้ เพราะมีการแอบอ้างชื่อ และบารมีพี่ใหญ่ ในการโยกย้ายตำรวจเสมอ โดยคนรอบข้างที่ พล.อ.ประวิตร อาจจะไม่ได้รู้เรื่องด้วยเลย

นี่จึงเป็นที่มาของการที่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ถ้ามีหลักฐานก็เอามา แต่ถ้าไม่มีหลักฐาน อย่ามาพูด”

สําหรับ พล.อ.ประวิตร แล้ว มองว่า การที่ตนเองถูกเขย่าเก้าอี้นั้น เป็นเพราะ “มีคนอยากให้รัฐบาลพัง”

ประมาณว่า หากไม่มี พล.อ.ประวิตร อยู่ใน ครม. แล้ว รัฐบาลจะอ่อนแอ ส่วนนักข่าวก็สนุกเลย เพราะมีเรื่องเขียน วิเคราะห์กันไปไกลเลยทีนี้

แต่ก็ต้องจับตาว่า กระแสบีบ พล.อ.ประวิตร ให้น้อยใจ อึดอัด และลาออกไปเอง ก็ยังคงมีความพยายามอยู่

ในระยะหลังๆ นี้ พล.อ.ประวิตร ก็เก็บตัวมากขึ้น เมื่อเสร็จงานในฐานะรองนายกฯ และ รมว.กลาโหม แล้ว ก็จะกลับไปที่บ้านพัก มูลนิธิป่ารอยต่อฯ ใน ร.1 รอ. ที่ถูกเรียกว่าเป็น ทำเนียบขาว ของบิ๊กป้อม ในการนั่งทำงานและบัญชาการเรื่องต่างๆ และเรียกประชุมแบบวงเล็ก ส่วนตัวๆ ณ ที่นี้

โดยที่มื้อเช้า ก็ยังคงมีทั้งทหารและตำรวจ รวมทั้งผองเพื่อน ทีมที่ปรึกษา มาพบปะทานข้าว และประชุมอย่างไม่เป็นทางการ ร่วมกันทุกเช้า

แม้ว่าจะไม่มากมายล้นบ้านเช่นก่อนหน้านี้ แต่ก็ยังถือว่าบิ๊กป้อมยังมีบารมีอยู่

%e0%b9%80%e0%b8%89%e0%b8%a5%e0%b8%b4%e0%b8%a1%e0%b8%8a%e0%b8%b1%e0%b8%a2

แม้การที่ พล.อ.ประยุทธ์ ยึดอำนาจในการเลือก บิ๊กเจี๊ยบ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท เป็น ผบ.ทบ. และ บิ๊กแดง พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ เป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ด้วยตนเอง จะทำให้อำนาจและบารมีของ พล.อ.ประวิตร ในกองทัพลดลงบ้างก็ตาม

แต่ไม่ว่าอย่างไร ตราบใดที่ พล.อ.ประยุทธ์ ยังคงอยู่ ก็ต้องมี พล.อ.ประวิตร พี่ใหญ่แห่งทหารเสือฯ และบูรพาพยัคฆ์ รวมทั้ง บิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา พี่รอง เคียงข้างเสมอ ในนาม แผงอำนาจ “3 ป.”

ท่ามกลางการจับตามองรัฐนาวาของ พล.อ.ประยุทธ์ หลังการปรับ ครม. ที่ยังดูไม่แข็งแกร่ง เพราะเป็นแค่การสลับเก้าอี้รัฐมนตรีเท่านั้น มีรัฐมนตรีใหม่แค่ 4 คน อันสะท้อนให้เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยังมีความ “เกรงใจ” ไม่กล้าที่จะปรับใครออกไป เพราะเป็นฝ่ายไปขอร้องให้เขามาเป็นรัฐมนตรี ให้หลังการรัฐประหาร

เพราะหากปรับรัฐมนตรีคนใดออกไป ก็อาจจะส่งผลเสียต่อภาพรัฐบาลโดยรวมว่า รัฐมนตรีคนนั้นต้องมีปัญหา จึงถูกปรับออก แต่ทว่า การที่รัฐมนตรีว่าการบางคน ก็ถูกสลับเก้าอี้ ให้ลดระดับลงมาเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ นั้น ก็ถูกจับตามองว่า ผลงานไม่เข้าตานายกฯ หรือมีเหตุผลอื่น

“ถ้าทำงานไม่ได้ ก็ปรับใหม่อีกที มันจะยากอะไร” นายกฯ เปรย

นั่นหมายถึงว่า ครม.ประยุทธ์ 4 นี้ จะไม่ใช่ ครม.สุดท้าย ที่จะบริหารราชการแผ่นดิน ในช่วงปลายของโรดแม็ป คสช. ในอีก 1 ปีเศษๆ นี้

อีกทั้งคราวนี้ บรรดาอดีตบิ๊กทหาร ที่เป็นน้องรักนายกฯ ที่เคยมีชื่อตามหน้าสื่อก่อนหน้านี้ ก็ไม่ได้เข้ามาเป็นรัฐมนตรีเลย ไม่ว่าจะเป็น บิ๊กโชย พล.อ.กัมปนาท รุดดิษฐ์ อดีต ผช.ผบ.ทบ. สายบู๊ หรือ บิ๊กเบี้ยว พล.อ.ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข อดีต เสธ.ทบ. หรือ บิ๊กหลี พล.อ.นิวัติ มีนะโยธิน ผช.รมต.ยุติธรรม เพื่อนรัก ตท.15 ของ บิ๊กต๊อก พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรี และอดีต รมว.ยุติธรรม ก็ตาม

“อย่าไปมองที่ตัวบุคคล ใครเป็นรัฐมนตรีก็เหมือนกัน เพราะเราทำงานตามแนวทาง และตามกรอบของ คสช. และคนที่ดูแลทั้งหมดคือผม เพราะฉะนั้น ขอให้ไว้ใจ และมั่นใจในตัวผม” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

%e0%b8%9b%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%a11

ในขณะที่บารมีของ พล.อ.ประวิตร กำลังถูกจำกัดวง ด้วยกระแสข่าวลือต่างๆ นานา จนต้องลดบทบาทตัวเองลง จนทำให้บ้าน ร.1 รอ. เงียบเหงาลงไปบ้างนั้น ในอีกฟากหนึ่ง ณ บ้านสี่เสาเทเวศร์ ดูจะเปล่งแสงเรืองรอง

หลังจากที่ ป๋าเปรม พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นประธานองคมนตรี ในรัชกาลที่ 10 และกลายเป็นประธานองคมนตรี 2 แผ่นดิน อันสะท้อนถึงการได้รับความไว้วางพระราชหฤทัย และสยบข่าวลือต่างๆ ก่อนหน้านี้ลงได้ทันใด

โดยเฉพาะพระราชดำรัสของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ที่ว่า “มีป๋ามาเป็นประธานองมนตรีให้ ก็อุ่นใจ”

จึงทำให้หัวใจของ พล.อ.เปรม วัยย่าง 97 ปี เบิกบานขึ้นกว่าในช่วงก่อนหน้านี้ และในช่วงที่ดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เพราะยังไม่รู้อนาคต

จึงไม่แปลกที่จะได้ยืนเสียงบรรเลงเปียโนจากบ้านสี่เสาเทเวศร์ ดังขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่เงียบหายไปในช่วงกว่า 1 เดือนที่ผ่านมา

รวมถึงการตกแต่งสวนหย่อมหน้าบ้านและรอบบ้าน ด้วยดอกไม้หลากสีสัน ที่ทำให้ป๋าเปรมสดชื่นทุกครั้งที่ลงมาเดินออกกำลังกายในตอนเย็นๆ

โดย พล.อ.เปรม นัดให้มีการประชุมคณะองคมนตรี ทุกวันอังคาร ที่ทำเนียบวังสราญรมย์ เช่นเดียวกับการประชุมคณะรัฐมนตรี

ล่าสุด พล.อ.เปรม ได้แบ่งงานให้องคมนตรีทั้ง 12 คนแล้ว โดยที่ 3 องคมนตรีทหาร ทั้ง 3 บิ๊กทหาร เช่น บิ๊กหนุ่ย พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ อดีต รมว.ศึกษาธิการ นั้น พล.อ.เปรม มอบหมายให้ดูแลงานด้านการศึกษา และประสานงานกระทรวงศึกษาธิการ

ส่วน บิ๊กหมู พล.อ.ธีรชัย นาควานิช อดีต ผบ.ทบ. นั้น ถือว่าเป็นผู้นำทหารที่ดูแลสายงานความมั่นคง ก็ให้ดูแลเรื่องกองทัพ และประสานกับกระทรวงกลาโหม

โดยมี บิ๊กแอ้ด พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ที่มีอาวุโสรองจาก พล.อ.เปรม ในฐานะที่เป็นอดีตนายกฯ อดีต ผบ.ทบ. ก็ให้คุมในสายงานความมั่นคงในภาพกว้าง

ส่วน พล.อ.ไพบูลย์ นั้น ในฐานะที่เป็นอดีต รมว.ยุติธรรม พล.อ.เปรม ก็มอบหมายให้ดูแลเรื่องกฎหมาย คดีความ กระบวนการยุติธรรม และประสานดูแลกระทรวงยุติธรรม นั่นเอง

ที่สำคัญในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ พล.อ.ประยุทธ์ พร้อม พล.อ.ประวิตร จะนำ ครม. และ คสช. รวมทั้ง ผบ.เหล่าทัพ ตบเท้าเข้าบ้านสี่เสาฯ เพื่ออวยพรและขอพรปีใหม่จากป๋าเปรม 29 ธันวาคมนี้ อันจะเป็นโอกาสที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะแสดงความยินดีที่ พล.อ.เปรม ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นประธานองคมนตรี อีกด้วย

อำนาจและบารมี มีขึ้น มีลง ยุคของ 3 ป. เฟื่องฟูมาหลายปี ภายใต้ร่มบารมีของ บิ๊กป้อม พี่ใหญ่ ที่กรุยทางในกองทัพ และหนุนน้องๆ ขึ้นมาคุมอำนาจต่อ จนมาถึงวันนี้

ว่ากันว่า เมื่อถึงจุดสูงสุดแล้ว ก็ย่อมต้องมีวันคล้อยต่ำลง…แต่นั่นอาจจะหมายถึง ป.พี่ใหญ่ ที่กำลังถูกรุมเร้า แต่ ป.ประยุทธ์ น้องเล็ก ยังคงไปต่อ

ขณะที่แสงแห่งบารมีที่เจิดจ้า กำลังฉายโชน ณ บ้านสี่เสาฯ…

โดยที่ไม่มีใครรู้ได้ว่า อนาคตในช่วงการเปลี่ยนแปลง และเปลี่ยนผ่านนี้ จะมีอะไรเกิดขึ้น