4 เรื่องที่คุณไม่เคยรู้ เกี่ยวกับ ‘ขวัญ อุษามณี’

ดูในทีวีก็ว่า “สวยแล้ว” แต่ขอบอกว่า ตัวจริงของขวัญ-อุษามณี ไวทยานนท์ ที่ได้เห็นอยู่ตรงหน้านั้น “สวยกว่า” ที่เคยได้เห็นผ่านจอ

แต่เดี๋ยวก่อน เพราะมันไม่ได้เป็นอย่างนั้นตลอด

และนั่นก็คือ 1 ใน 4 ข้อที่เราไม่เคยรู้เกี่ยวกับนักแสดงคนดัง

1.คนสวยด้านเดียว

นี่เราไม่ได้ว่า แต่เธอผู้เป็นเจ้าของความงามบอก ด้วยทันทีที่ตั้งกล้องไว้ตรงด้านหน้าเพื่อเก็บภาพและถ่ายคลิป ถ้อยคำพร้อมรอยยิ้มหวานก็ส่งมาทันที บอก “ขอเป็นอีกฝั่งได้ไหมคะ”

จากนั้นก็จัดแจงพื้นที่ด้านฝั่งซ้ายของเธอให้

แล้วอธิบาย “พอดีสวยด้านเดียว ด้านขวาจะบวมมาก” จากนั้นก็หัวเราะ

พอถามย้ำว่าจริงเหรอ?

เธอก็ยืนยัน “จริงค่ะ”

ทั้งคาดด้วยว่าน่าจะเป็นผลมาจากการนอน ที่มักอยู่ในท่าตะแคงซ้ายเป็นหลัก

“เป็นอย่างนี้ตั้งแต่เด็ก แก้ไม่หาย แล้วพยายามจะฝึกนอนข้างขวา แต่พอตื่นมาก็จะเป็นท่าตะแคงซ้ายทุกที”

ด้วยเหตุนี้ ถ้าให้บอกแบบไม่ปิดบังก็คือถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่าแก้ม 2 ข้างของเธอไม่เท่ากัน

เวลาถ่ายรูปทีไรจึงมั่นใจกว่า ถ้าจะหันด้านซ้ายให้กล้อง

2.หลอกล่อขวัญได้ ง่ายนิดเดียว

ด้วยความที่เริ่มทำงานจากการเป็นนางแบบตัวน้อยตั้งแต่อายุเพียง 3 ขวบ ถึงตอนนี้ ขวัญ อุษามณี ในวัย 32 จึงมีอายุงานสูงเฉียดๆ จะ 30 ปีแล้ว โดยงานส่วนใหญ่ของเธอนั้นจะเป็นงานแสดง ทั้งละครโทรทัศน์และภาพยนตร์ รวมๆ แล้วก็มีมากถึง 60 กว่าเรื่อง ซึ่ง “ไม่เบื่อนะคะ” ขวัญบอก

เพียงแต่ช่วงเวลาก่อนจะไปกองถ่าย จะรู้สึกไม่ค่อยอยากไปทุกที

อ้าว

“ขวัญชอบเวลาไปกอง ไปแล้วจะไม่อยากกลับบ้าน แต่ก่อนที่จะไปนี่ ไม่อยากไป” สารภาพแล้วเจ้าตัวก็หัวเราะ

ก่อนให้เหตุผลว่า “เพราะไม่อยากตื่นเช้าอ่ะ”

“ตอนเด็กขวัญจะเป็นคนหลับมาก แต่พอโตมากลางคืน มันไม่นอน เหมือนมีหลายเรื่องที่ต้องคิด ก็นอนคิดทีละเรื่อง พอดูเวลาตี 3 ตี 4 แล้ว ตื่นไปกองจึงลำบากสำหรับขวัญมาก”

แต่พอไปถึงก็นะ-สุขจนไม่อยากกลับดังว่า

เคล็ดลับที่รู้กันของกองถ่ายคือ จะให้ทีมงานในกองที่สนิทสนม ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายธุรกิจกองถ่าย ช่างแต่งหน้า หรือว่าช่างทำผมโทร.หา บางทีก็เอาของกินเข้าล่อ

และก็สำเร็จตลอดๆ

3.เกือบลาวงการเพราะ “น้องหมา”

ขวัญบอกว่า แม้จะไม่ได้แสดงออก แต่เบื้องหลังภาพของเธอที่ใครๆ อาจไม่ค่อยเห็นก็คือผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งมีความอ่อนไหว

เป็นคนเซนซิทีฟกับทุกเรื่อง

“ขนาดหมาเสีย ยังจะออกจากวงการเลย” นี่ขวัญเล่า

โดยให้รายละเอียดว่า ก่อนหน้านั้นครอบครัวเธออาศัยอยู่ในบ้านพักซึ่งไม่อนุญาตให้เลี้ยงสุนัข ดังนั้น เมื่อได้รับคำขาดว่า “จะเลี้ยง” แม่-พ่อจึงต้องพาครอบครัวออกมาซื้อบ้านของตัวเอง เป็นบ้านเดี่ยวเพื่อรองรับเหล่าน้องหมา โดยบ้านที่ว่ามีราคาสูงพอสมควร ดังนั้น นอกจากเงินซึ่งมาจากการทำงานเป็นตำรวจของพ่อแล้ว ทุกคนในบ้าน รวมถึงตัวเธอที่ตอนนั้นอายุได้ 14-15 ปี จึงต้องช่วยกันทำช่วยกันหา

“จนกระทั่งเรามีบ้านเดี่ยวได้ มีได้เพราะหมา เหมือนเป็นแรงผลักดัน พอหมาเสีย ก็รู้สึกเป๋ ไม่มีพลังในการทำงาน”

จนคิดไปถึงขั้นที่ว่า เมื่อเป็นอย่างนี้ก็ไม่จำเป็นต้องทำงาน แล้วย้ายกลับไปอยู่แฟลตตำรวจเหมือนเดิมก็ได้

“แต่คุณพ่อสอนว่า คนทำงานต้องรับผิดชอบ พ่อทำงาน พ่อเหนื่อย พ่อยังต้องรับผิดชอบ ไม่งั้นคนรอบข้างเราจะเดือดร้อน”

ชีวิตจึงก้าวต่อมาจนเป็นดังที่เห็นในทุกวันนี้

4.นี่คือ “ขวัญ” ไม่ใช่ “นางเอก”

ถามไปว่า ในบรรดา “นางเอกแห่งโลกของละคร” ทั้งหมด ถ้าเลือกได้ เธออยากเป็นใคร?

คำตอบที่ได้มาแบบทันควันคือ “ไม่อยากเป็นเลยค่ะ”

“ไม่ชอบเรื่องราวที่ต้องไปเจออะไรแย่ๆ คือถ้าเราไปอยู่ในละคร ขวัญรู้สึกว่าชีวิตจะถูกบังคับให้เป็นไป”

ขณะที่ในชีวิตจริงเราสามารถเลือกชีวิตของเราเองได้

และแม้แต่บางครั้ง เมื่อชีวิตจริงต้องเจอเรื่องราวที่ไม่ดี แต่กระนั้นในความไม่ดีนั้น ก็มักจะมีเรื่องดีๆ ซ่อนอยู่เสมอ

“อย่างเมื่อมีเรื่องไม่ดีขึ้นมาเรื่องหนึ่ง ก็จะมีคนที่รู้ว่าเรื่องจริงเป็นอย่างไร มีคนที่ศรัทธาเรา”

แน่นอน, ตอนที่เกิดเรื่องนั้น มันเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ที่จะรู้สึกแย่ และรู้สึกเศร้า “แต่พอมองกลับไป กลายเป็นเรื่องตลก”

เป็นเรื่องที่ทำให้ได้เรียนรู้ว่าคนเรามีหลายแบบ หลายนิสัย

“แล้วขวัญจะไม่จำเรื่องไม่ดี”

จำแค่ว่ามีเรื่องเข้ามา “แล้วเราก็ได้เรียนรู้”

“แล้วก็รู้สึกอบอุ่นด้วยซ้ำ”