จัตวา กลิ่นสุนทร : เบื้องหลังสะพาน Hong Kong-Zhuhai-Macau Bridge ที่มากกว่าแค่ความยาว

เนื่องจากไม่ชอบเดินทางท่องเที่ยวกับบริการทัวร์ ไม่ได้รังเกียจรังงอนอะไร เพียงแต่ไม่อยากตื่นเวลาที่เขากำหนด เช่น ปลุกเรียก 7 โมงเช้า 8 โมงเช้าเจอกันร้านอาหาร 9 โมงเช้าล้อหมุน อะไรประมาณนี้

บางทีมันย่อมจะดีไปอย่างหนึ่งว่าไม่ต้องไปเที่ยวเดินหาร้านอาหาร แต่ต้องไปกินร้านที่เขาตกลงนัดหมายเอาไว้แล้ว อยากเปลี่ยนไปกินอะไรแปลกๆ ไม่ได้ ต้องซื้อหาเอาเอง สถานที่ท่องเที่ยวก็เช่นเดียวกันมันก็เดิมๆ จะไปแวะซอกแซกตรงนั้นโน้นนี้ไม่ได้อีก ซึ่งความจริงในทุกวันนี้เดินเที่ยวด้วยกันเองมันง่ายมากเมื่อมีโทรศัพท์เคลื่อนที่

เพราะมีแอพพลิเคชั่น (Application) ต่างๆ ของกินเอย อะไรๆ มีทั้งนั้น เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะหาร้านอาหาร หาเส้นทาง รถเมล์ รถไฟได้ไม่ยาก แม้กระทั่งการช้อปปิ้ง (Shopping) แทบไม่ต้องตระเวนหา สั่งซื้อทางออนไลน์ได้ทุกที่ รวมทั้งเกาะฮ่องกง เกาลูน ฯลฯ

ทัวร์มาเก๊า ฮ่องกง จูไห่ (Macau-Hong Kong-Zhuhai) ของบ้านเรามีให้เลือกเยอะ จะไปเส้นทางไหน จากกรุงเทพฯ ลงมาเก๊าเข้าจูไห่กลับมาเดินมาเก๊าทั้งวันโดยไม่ต้องไปฮ่องกงก็มีให้เลือกได้ บินไปยังฮ่องกงก่อนแล้วเข้าสู่จูไห่ มาเก๊า และเมืองต่างๆ ในมณฑลเดียวกัน เมืองใกล้เคียงน่าสนใจยังมีอีกมาก ซึ่งทุกวันนี้มีเส้นทางเป็นสะพานเชื่อมระหว่างฮ่องกง มาเก๊า จูไห่

อีกทางหนึ่งบินลงมาเก๊า นั่งรถบัสผ่านสะพานข้ามทะเลที่ยาวที่สุด แต่มันจะเบื่อๆ เซ็งๆ หน่อยตอนผ่านเข้าฮ่องกง โดยเฉพาะสาวๆ ที่เจ้าหน้าที่ตรวจหนังสือเดินทางเข้มงวดจนเสียเวลา ทำเหมือนทุกคนจะเข้าไปอยู่เมืองของมัน หรือเอาที่นาผืนน้อยไปขายทำมากินในบ้านมันยังงั้นแหละ

เป็นอย่างนี้มาชั่วนาตาปีนานแสนนานตั้งแต่สมัยเริ่มเดินทางไปเมืองนี้ตั้งแต่หนุ่มๆ

 

ลองเดินทางเองไปยังมาเก๊า แล้วตื่นเช้าๆ ข้ามสะพานยาวที่เพิ่งเปิดมาได้ไม่กี่เดือนเข้าฮ่องกงไปกินข้าวกลางวัน ข้าวเย็น และกลับโดยเรือเฟอร์รี่ (Ferry) ก็ได้อีก เพราะมีให้เลือกทั้งสองฝั่ง ทั้งฮ่องกง เกาลูน หรือไม่ต้องการเข้าฮ่องกง เกาลูน จะนั่งกระเช้านองปิง ขึ้นไปไหว้พระใหญ่ และอารามโป๋หลิน/สวนสนุก ฮ่องกง ดิสนีย์แลนด์ / Citygate มีสถานที่ซื้อหาสินค้า เรียกว่าเดินช้อปปิ้งได้ทั้งวัน / สามารถเที่ยวเกาะ Tai-o ได้เช่นเดียวกัน

เนื่องจากสถานที่เหล่านี้อยู่ใกล้สนามบินนานาชาติฮ่องกง ใกล้กับกับสถานีรถ Shuttle Bus ซึ่งวิ่งข้ามไปมาระหว่าง 3 เมืองดังกล่าวทั้งคืน กลับมามาเก๊าดึกหน่อยก็ยังได้

รุ่งขึ้นเหลือเวลาอีก 1 วันเต็มๆ ก่อนจะกลับกรุงเทพฯ โดยเครื่องเที่ยวค่ำๆ วนไปเวียนมาตามโรงแรมใหญ่ๆ ในมาเก๊าพอจะเพลินดีมีแฟชั่นชั้นนำจากทุกมุมโลก อะไรต่อมิอะไรให้ดูเยอะแยะนอกเหนือจากกาสิโนระดับโลก

เดินทางครั้งสุดท้ายเมื่อราวต้นปี 2561 ได้ยินข่าวเรื่องสะพานลอดอุโมงค์ข้ามทะเลยาวที่สุดในโลกแห่งนี้กำลังจะเสร็จเรียบร้อย ว่ากันว่าเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก แต่ได้ฤกษ์เปิดอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนตุลาคม 2561 ตั้งใจว่าจะต้องไปสัมผัสด้วยการเดินทางข้ามไปมา

แต่เอาเข้าจริง กว่าจะมีเวลาได้ย่างเหยียบก็ล่วงเลยมาถึงต้นเดือนเมษายน 2562

 

เลือกเดินทางกับสาวน้อยที่บ้านซึ่งคล่องแคล่วว่องไวตั้งแต่การจองตั๋วเครื่องบิน โรงแรมรวมอาหารเช้า โดยเครื่องของมาเก๊าเนื่องจากเริ่มเบื่อแอร์เอเชียที่คิดเล็กคิดน้อยมากขึ้นทุกที ขายทุกสิ่งอย่าง เครื่องของมาเก๊าออกตอนสายๆ จากสนามบินสุวรรณภูมิ มีเสิร์ฟอาหารเที่ยงด้วย 1 มื้อ รวมทั้งเที่ยวกลับออกจากสนามบินมาเก๊าประมาณ 1 ทุ่มยังมีเสิร์ฟอาหารเย็น

สองคนพ่อลูกเดินหาอาหารเย็นรับประทานในเขตปกครองพิเศษมาเก๊าสนุกสนานเอร็ดอร่อยตามประสาเรา

นอนมาเก๊าหนึ่งคืน รุ่งขึ้นเสร็จอาหารเช้าของโรงแรม เราจึงสอบถามเส้นทางไปสถานีรถบัสเพื่อเดินทางไปฮ่องกง

แรกทีเดียวพนักงานโรงแรมแนะนำให้เราไปขึ้นรถประจำทางของมาเก๊า คิดดูว่ามันออกจะซับซ้อนยุ่งยากไปไม่ถูกแน่ จึงเลือกเรียกแท็กซี่ให้พาไปส่ง

สถานีดังกล่าวซึ่งอยู่ฝั่งโคไทสร้างขึ้นมาใหม่เพื่อรองรับการเดินทางของประชากรจีนทั้งหลาย มีขนาดใหญ่โตมโหฬารจริงๆ แต่วันที่เราไปกลับไม่ค่อยมีคนใช้บริการมากนัก

ราคาค่าตั๋วน่าจะประมาณ 65 เหรียญฮ่องกง (กลางวัน-กลางคืนราคาไม่เท่ากัน) สำหรับผู้สูงอายุยังได้ลดราคาอีกถึง 50 เปอร์เซ็นต์ นับว่าไม่แพง

ผ่านขั้นตอนการตรวจหนังสือเดินทางก่อนขึ้นรถบัสซึ่งเที่ยวนั้นไม่แน่น แต่นั่งไม่ค่อยสบายเพราะพยายามยัดเก้าอี้บรรจุชิดกันมากเกินไป

ใช้เวลาเดินทางราว 50 นาที บนสะพาน 6 เลน/ฝั่งละ 3 เลน/ไปกลับโดยมีไหล่ทาง/ความยาวของสะพาน 55 กิโลเมตร/มีส่วนที่เป็นอุโมงค์ประมาณ 7 กิโลเมตร/ลึกลงไปในทะเล 44.5 เมตร เพื่อเรือสินค้าผ่านได้

หรือจะบินจากกรุงเทพฯ สู่สนามบินนานาชาติฮ่องกงแล้วเดินทางด้วยรถบัส (Shuttle Bus) ข้ามสะพานสู่มาเก๊าแทนที่จะต้องไปข้ามเรือ Ferry ก็ไม่ต้องเข้าเมืองฮ่องกง เกาลูน เนื่องจากสะพานนี้อยู่ใกล้กับสนามบิน มุ่งหน้าข้ามไปยังมาเก๊า จูไห่ ย่อมได้เช่นเดียวกัน แล้วค่อยแวะไปเที่ยวฮ่องกงได้ตอนเที่ยวกลับ เรียกว่าเลือกเอาตามสะดวก

 

การก่อสร้างสะพาน Hong Kong-Zhuhai-Macau Bridge (HZMB) เชื่อมต่อ 3 เมืองบริเวณลุ่มแม่น้ำจูเจียงเป็นการกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวในพื้นที่ Greater Bay Area (พื้นที่อ่าวกวางตุ้ง, มณฑลกวางตุ้งของจีนตอนใต้) ให้มีความสะดวกสบายมากขึ้น เนื่องจากว่าประเทศจีนมีพื้นที่และประชากรมีจำนวนมากมายมหาศาลเป็นอันดับ 1 ของโลก การเดินทางติดต่อระหว่างกันรวมทั้งการขนส่งสินค้าแต่เดิมฮ่องกงและจูไห่ใช้เวลา 4 ชั่วโมง ให้เหลือเพียงแค่ 45 นาที ซึ่งก็หมายถึงการเชื่อมต่อกับแผ่นดินใหญ่ของจีนด้วยเช่นเดียวกัน

รัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ เขตบริหารพิเศษฮ่องกง มาเก๊า ได้ร่วมกันรับผิดชอบในการก่อสร้างสะพานดังกล่าวมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2552 (2009) โดยใช้งบประมาณราว 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ/กว่า 6 แสนล้านบาท/ใช้เหล็กจำนวนมหาศาลมากถึง 420,000 ตัน ถึงขนาดเอาไปสร้างเป็นหอไอเฟลได้ถึง 60 หอ วัสดุอย่างอื่นๆ อีกมากมายไม่ได้กล่าวไว้ ว่ากันว่าเป็นสุดยอด Architect ตามแบบฉบับของจีนซึ่งต้องใหญ่โตเอาไว้ก่อน

เมื่อแรกเริ่มเป็นข่าวในวงสนทนาเกี่ยวกับสะพานข้ามทะเลที่ยาวที่สุดในโลก ซึ่งมีการมุดอุโมงค์ในช่วงแรกๆ 6-7 กิโลเมตร มีการสร้างเกาะเทียมถึง 2 เกาะไม่ห่างกับสนามบินนานาชาติฮ่องกง

นักเดินทางท่องเที่ยวทั้งหลายเสียดสีว่าไม่กล้าเสี่ยงนั่งรถลอดอุโมงค์กับเทคโนโลยีของจีน รวมทั้งนักการเมืองในฮ่องกงเองไม่ค่อยจะเชื่อใจนัก

แต่ปรากฏว่าการออกแบบคำนวณสร้างสะพานข้ามทะเลแห่งนี้ไม่ว่าจะเป็นความโค้งคดเคี้ยวทั้งหลายนั้นล้วนมีความหมายเพื่อเป็นการป้องกันพายุไต้ฝุ่น แผ่นดินไหวด้วยเช่นเดียวกัน

เทคโนโลยีของจีนปัจจุบันไม่ธรรมดา ถ้าหากท่านได้ติดตามการเผยแพร่ของเขาจะเห็นสิ่งก่อสร้างแบบมหัศจรรย์จำนวนมาก ไม่เว้นแม้ถนนที่วกวนไต่ขึ้นไปบนภูเขาสูง การก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่ใช้เวลาเพียงน้อยนิด แม้กระทั่งการย้ายอาคารขนาดยาวเป็น 100 เมตรสูงหลายชั้นให้หมุนพ้นการก่อสร้างอาคารใหญ่ขึ้นใหม่โดยไม่ต้องระเบิดอาคารเก่าทิ้ง

 

การท่องเที่ยวแสวงหาความสุขของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนไม่ชอบเดินทางไกลด้วยการนั่งเครื่องบินยาวๆ ข้ามวันข้ามคืนอย่างไปสหรัฐอเมริกา หรือแค่กว่า 10 กว่าชั่วโมง สู่ยุโรปก็ทำท่าว่าจะนานเกินไป การบินสู่มาเก๊า ฮ่องกง และประเทศเพื่อนบ้านย่านอาเซียนด้วยเวลาไม่เกิน 3 ชั่วโมง จึงเป็นเรื่องที่คิดว่าเหมาะกับคนสูงวัยอย่างเราๆ เพียงแค่ได้อากาศสบายๆ รับประทานอาหารที่อร่อยถูกปาก แม้บางสิ่งบางอย่างคุณหมอท่านจะเตือนๆ ห้ามๆ บ้าง แต่ก็อาจจะละเลยละเมิดคำสั่งนิดหน่อยเพื่อความสุขบางขณะ ก่อนจะกลับเข้าสู่กฎเกณฑ์การกินยาเมื่อคืนสู่ยังบ้าน

บางครั้งเห็นบรรยากาศในสถานที่ที่ผู้คนส่วนใหญ่บอกว่าไม่ดี เป็นอบายมุข อย่างโรงแรมกาสิโน (ระดับโลก) แต่ความรู้สึกจริงๆ ต่างกลับอยากรู้อยากเห็น เพียงแค่ได้เดินเข้าไปเพื่อสัมผัสบรรยากาศ และการตกแต่งที่ล้ำเลิศสวยงาม เพื่อดึงดูดผู้คน ก็ (อาจ) มีความสุขได้

บอกแล้วว่าคนเราหาความสุขแตกต่างกัน?

แต่ก่อนชอบพอไปเดินซื้อหาสิ่งของเครื่องใช้ยังฮ่องกง จนถึงลอนดอน ประเทศอังกฤษ (แม้ราคาแพง) ทุกวันนี้ที่ไหนๆ ทั่วโลกกลับคล้ายๆ กัน ราคาสินค้าในบ้านเราไม่แตกต่างกับประเทศอื่น สินค้าซึ่งเป็นที่นิยมของผู้คนทั่วโลกของไทยไม่แพ้ใคร และที่สำคัญที่สุดการซื้อหาไม่จำเป็นต้องเที่ยวเดินหอบหิ้วให้หนักหนาสาหัส เมื่อยล้าอีกต่อไป

โลกทุกวันนี้แคบเหลือเกิน อะไรๆ ล้วน “ออนไลน์” หมดแล้ว