กระบวนการ “ใหม่” จากธรรมกาย ถึงออนไลน์ ภูมิทัศน์ใหม่ การเมือง

ขณะที่สถานการณ์ของ “วัดพระธรรมกาย” ยังไม่มีบทสรุป ก็ได้เกิดสถานการณ์ใหม่เมื่อ สนช. ผ่านร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดอันเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ออกมาด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น 168

ท่ามกลางความยินดีภายใน “แม่น้ำ 5 สาย”

สถานการณ์ใหม่นี้ได้ก่อให้เกิดการเปรียบเทียบอย่างแหลมคมยิ่งกับมือจาก สนช. 168 คนกับเสียงต่อต้านและคัดค้านร่าง พ.ร.บ. ผ่าน “ลายเซ็น” จำนวน 360,000

แน่นอนโดย “รัฐธรรมนูญ” 168 มือของ สนช. ย่อมชอบด้วย “หลักการ”

กระนั้น จำนวน 360,000 ลายเซ็นอันมาจากความเคลื่อนไหวในภาคประชาสังคมก็สร้างผลสะเทือนเป็นอย่างสูงในทางความคิด

เพราะเป็นเสียงของ “คนรุ่นใหม่” เพราะเป็นเสียงอันดังมาจาก “โลกออนไลน์”

เห็นได้จากบทสรุปจากกลุ่มพลเมืองต่อต้าน Single Gateway : Thailand Internet Firewall ที่ว่า “การลงมติเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม เปรียบเสมือนการรัฐประหารซ้ำในโลกออนไลน์ และนี่คือการต่อต้านการรัฐประหาร”

ตามมาด้วยการประกาศ HACK เว็บไซต์ของหน่วยราชการตั้งแต่ทำเนียบรัฐบาลกระทั่งกระทรวงกลาโหม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

กลายเป็นอีก “สถานการณ์” ซ้อนอยู่กับสถานการณ์ “วัดพระธรรมกาย”

จาก ธรรมกาย

ถึง “ออนไลน์”

มีความแตกต่างกันอย่างแน่นอนระหว่างสถานการณ์ “วัดพระธรรมกาย” กับสถานการณ์สดๆ ร้อนๆ อันเกี่ยวกับ “ออนไลน์”

สถานการณ์วัดพระธรรมกายเป็นเรื่องในทาง “ศาสนา”

สถานการณ์อันเกี่ยวกับโลกออนไลน์เป็นเรื่องในทาง “เทคโนโลยี” เป็นเรื่องการสื่อสารผ่านกระบวนการอินเตอร์เน็ต โซเชียลมีเดีย

แต่เมื่อพิจารณาอย่างถึงที่สุดก็เป็นเรื่อง “การเมือง”

สถานการณ์อันเกี่ยวกับวัดพระธรรมกายอาจจะเริ่มจากคดีความที่ พระเทพญาณมหามุนี ถูกกล่าวหาในเรื่องการรับของโจร ประสานกับการฟอกเงิน ประสานกับกรณีรุกป่า ไม่ว่าจะเป็นที่จังหวัดเลย ไม่ว่าจะเป็นที่จังหวัดนครราชสีมา

ทั้ง “ดีเอสไอ” และ “ตำรวจ” ต่างต้องการตัว พระเทพญาณมหามุนี มาดำเนินคดี

ในมือของดีเอสไอและตำรวจล้วนมี “หมายจับ” และมีไม่ต่ำกว่า 3 หมายจับ และเมื่อพระเทพญาณมหามุนี ไม่ได้เข้าพบดีเอสไอและตำรวจ ก็นำไปสู่การออก “หมายค้น” เพื่อจับกุมตัว มีความพยายามมาแล้วในเดือนมิถุนายน และล่าสุดในเดือนธันวาคม

แต่ไม่สามารถจับกุมตัวได้ ความพยายามทั้ง 2 ครั้งจบลงด้วยความล้มเหลว

กระนั้น กรณีของวัดพระธรรมกายทั้งดีเอสไอและตำรวจมีเป้าหมายอย่างแจ้งชัดว่าเป็นใคร มีแนวรบอย่างแจ้งชัดว่าเป็นที่ใด

นี่ย่อมตรงกันข้ามกับกรณีของการ HACK อันเนื่องมาจาก HACKER

แนวรบ ออนไลน์

สงคราม “ไซเบอร์”

ปฏิบัติการ HACK ไปยังเว็บไซต์ของหน่วยราชการไม่ว่าจะเป็นที่ทำเนียบรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นที่กระทรวงกลาโหม ไม่ว่าจะเป็นที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

ประกาศดำเนินการโดย “กลุ่มพลเมืองต่อต้านซิงเกลเกตเวย์”

ขณะเดียวกัน “กลุ่มพลเมืองต่อต้านซิงเกิลเกตเวย์” ได้รับความช่วยเหลือในลักษณะพันธมิตรจาก HACKER ระดับโลกที่ชื่อ ANONYMOUS หรือกลุ่มนิรนาม

ผลงานก็คือ การ HACK เข้าไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.)

ขณะเดียวกัน จากวันที่ 18 ธันวาคมเป็นต้นมา ปรากฏว่าเว็บไซต์หลายแห่งของหน่วยราชการไม่ว่าจะเป็นของทำเนียบรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นของสำนักนายกรัฐมนตรี ไม่ว่าจะเป็นของสภาความมั่นคงแห่งชาติ ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงกลาโหม ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

ตกอยู่ในภาวะ “ล่ม” ไม่สามารถติดต่อเข้าไปได้ แม้จะไม่ถาวร แต่อย่างน้อยก็ในห้วงเวลาอันแน่นอนหนึ่งซึ่งติดขัด

แม้กระทั่ง “โฆษก” จากหลาย “สำนัก” ก็ออกมายอมรับ

ไม่ว่าจะเป็น พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด จากทำเนียบรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็น พล.ต.คงชีพ ตันตระวณิชย์ จากกระทรวงกลาโหม ไม่ว่าจะเป็น พ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ จาก คสช.

สะท้อนให้เห็นว่า “คำขู่” อันมาจาก HACKER เป็นเรื่องจริง

ขณะเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นทางด้านสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ว่าจะเป็นทางด้านกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ก็ไม่มีแห่งใดยืนยันในเรื่องตำแหน่งแหล่งที่ของ HACKER เว็บไซต์ของ “กลุ่มพลเมืองต่อต้านซิงเกิลเกตเวย์” ก็ยังเคลื่อนไหวตามปกติ

สะท้อนให้เห็นว่า มือแห่ง “กฎหมาย” ไม่สามารถเข้าไประงับยับยั้งการเคลื่อนไหวของบรรดา HACKER ได้ในทางเป็นจริง

สะท้อนให้เห็นว่า สภาพที่เกิดขึ้นไม่ปรากฏ “พื้นที่” หรือ “แนวรบ” แน่นอน

ปรากฏการณ์ของการประท้วงต่อ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ จึงแตกต่างไปจากสถานการณ์อันเกี่ยวกับวัดพระธรรมกาย

เป็นสภาพการณ์ทาง “การเมือง” ที่แตกต่างกัน 2 รูปแบบ 2 การเคลื่อนไหว

ลักษณะ อนาธิปไตย

รุกคืบ เข้าสู่สังคมไทย

กรณีของวัดพระธรรมกายสะท้อนให้เห็นว่า ไม่ว่าดีเอสไอ ไม่ว่าตำรวจ แม้จะมีหมายจับ แม้จะมีหมายค้น แต่ก็ไม่สามารถทำให้ความศักดิ์สิทธิ์แห่งหมายจับ หมายค้นเกิดขึ้นได้ในทางเป็นจริง

เหมือนกับวัดพระธรรมกายอยู่นอกเงื้อมมือของ “กฎหมาย”

กระทั่งคนจำนวนไม่น้อยโดยเฉพาะฝ่ายที่เป็นกองเชียร์ของดีเอสไอและตำรวจลงความเห็นว่าวัดพระธรรมกายดำรงอยู่เหมือนกับเป็น “รัฐอิสระ”

สภาพที่มือแห่งกฎหมายเอื้อมไปไม่ถึงยังเห็นอีกในกรณีของ HACKER

เหล่านี้คือสภาพการณ์ใหม่ในความขัดแย้งทางความคิด ในความแตกแยกทางการเมือง และสภาวะแปลกแยกอันเนื่องแต่เทคโนโลยี

กระทั่งกลายเป็น “ภูมิทัศน์” อีก “ภูมิทัศน์” หนึ่งในสังคม