จดหมาย มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 23 ธันวาคม 2559

ความเห็น (1)

ผมเป็นแฟน มติชนสุดสัปดาห์ มานานมาก

ได้อ่านฉบับที่ 1892 ประจำวันที่ 18-24 พฤศจิกายน 2559 บทความพิเศษ โดย ฟ้า พูลวรลักษณ์ หนังสือเรียนสำหรับเด็ก (144)

อ่านแล้วโดนใจมาก

เห็นด้วยจริงๆ “ประชาธิปไตยเดินสามฟุต เผด็จการเดินสามปีแสง”

แล้วเคยได้ติดตามเรื่องราวของฮิตเลอร์มาบ้าง

ยังเคยคิดเหมือนกันว่า ถ้าสมัยนั้น ที่นาซีเรืองอำนาจ เยอรมนีโดยฮิตเลอร์ทำสำเร็จเด็ดขาด ปัจจุบันโลกเราจะเป็นยังไงหนอ

หันมาดูประชาธิปไตยของเมืองไทยเรา

ก่อนนั้น มีบุคคลคนหนึ่ง เข้ามาเป็นนักการเมืองในพรรคการเมืองหนึ่ง

ชื่อพรรคแบบมีธรรมเป็นกำลัง

หัวหน้าพรรค เหมือนครองตนอยู่ในธรรมะ

ต่อมานักการเมืองผู้นั้น ได้เป็นหัวหน้าพรรคเอง แต่ลาออกไปตั้งพรรคการเมืองใหม่

บริหารพรรคได้ดีมาก เจริญก้าวหน้าแบบก้าวกระโดด

สามารถครองใจนักการเมืองที่เป็น ส.ส. ของต่างพรรค (ด้วยชื่นชมนโยบาย หรือพึงพอใจในผลประโยชน์ที่ได้รับ ผมไม่รู้ครับ) ให้ย้ายมาเป็นลูกพรรคของตัวเองได้มากมาย

แม้กระทั่ง หัวหน้าพรรคการเมืองอีกหลายๆ พรรค ยอมยุบพรรคของตนเอง เข้ามาร่วมกับพรรคการเมืองนี้

ลดศักดิ์ศรีแบบศิโรราบ จากหัวหน้าพรรค ลงไปเป็นรองๆ หรือตำแหน่งอะไรก็ได้ ตามผลประโยชน์ที่พึงพอใจ

แล้วทีนี้ การเลือกตั้งที่เกิดขึ้นครั้งใหม่ จำนวน ส.ส. ส่วนมากที่ได้ถูกเลือกเข้าสภา ก็ต้องเป็นของพรรคนี้แน่นอน

จนมากพอที่จะตั้งเป็นรัฐบาลพรรคเดียวได้เลย

พรรคใหญ่ที่เป็นหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านก็อ่อนปวกเปียก

พรรคเล็กพรรคน้อยที่เป็นฝ่ายค้านต่างก็อยากโดดเข้าเป็นพรรคร่วมรัฐบาลกันทั้งนั้น

แล้วเป็นไง

จะออกกฎหมายอะไร จะคิดโครงการใหญ่ๆ หรือทำอะไรๆ ใครจะตรวจสอบ

ฝ่ายค้านจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีคนใด เรื่องอะไร ยังไงๆ ก็ผ่านความเห็นชอบจาก ส.ส. ในพรรค และยังมี ส.ส. บางคนในพรรคอื่นที่ไม่ได้ร่วมรัฐบาลอีก ยกมือให้ความไว้วางใจท่วมท้น เพราะถึงทุจริตก็ทุจริตเชิงนโยบาย

การแต่งตั้ง เลื่อนตำแหน่ง หรือปลด ย้ายข้าราชการ ตำแหน่งอะไร กระทรวงไหนได้ทุกที่ ทุกเวลา เพราะได้กุมอำนาจแบบเผด็จการรัฐสภาไว้เรียบร้อยแล้ว

เศรษฐกิจของประเทศ ดูทีท่าก้าวหน้า รุ่งเรืองมาก

ไพร่ฟ้า ประชาชนส่วนมาก หน้าตาอิ่มเอิบ ผ่องใส ข้าราชการระดับปฏิบัติงาน ชั้นผู้น้อยชื่นชม

แต่ระดับผู้บริหาร ปวดเศียรเวียนเกล้า ถ้าเส้นสายไม่ถึง อย่างดีก็ย่ำเท้าตำแหน่งเดิม

ส่วนตำแหน่งดี มีเกียรติ พร้อมผลประโยชน์ไม่ต้องไปหวัง

บริษัทที่จะเข้าประมูลในโครงการใหญ่ๆ ของรัฐบาล ประธาน หรือคณะกรรมการของบริษัท ถ้าไม่เป็นญาติ ไม่สนิทสนมเกี่ยวข้องกับคนในรัฐบาล ไม่ต้องเสนอหน้าเข้าไปยื่นซองประมูล

นี่ไงครับ

ประชาธิปไตยที่มาจากการเลือกตั้ง โดยเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน

ถึงตรงนี้ ผมมาคิดเล่นๆ แบบไม่ประสีประสานะครับ

ถ้าหากพรรคการเมืองนั้น หัวหน้าพรรคคนนั้น ยังเป็นรัฐบาลบริหารประเทศไทยเรา จนกระทั่งทุกวันนี้ ประเทศไทยของเราจะเดินไปทางไหน จะเป็นยังไง จะมีโครงการอะไรบ้าง ที่จะให้ต่างชาติเข้ามาดำเนินการแล้วเอาผลประโยชน์กลับไป

รัฐวิสาหกิจอีกกี่แห่งจะต้องแปรสภาพไป

จะต้องมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปอีกมากมายขนาดไหน

ตามสโลแกน “คิดใหม่ ทำใหม่”

ที่สำคัญ ธงชาติไทยที่มีสัญลักษณ์ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จะยังมีอยู่รึเปล่านะ ผมคิดไม่ออกครับ

โจเซฟ สุรกิจ

 

อ่านจดหมายฉบับนี้แล้ว

อย่าเพิ่งเผลอตัว คิดว่า “มติชนสุดสัปดาห์” ชิงปลดล็อก

เปิดเวที “วิพากษ์” อย่างเสรีแล้ว

คำสั่ง คสช. ทั้ง 41/2559, 97/2557 และ 103/2557

ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมการปฏิบัติงานของสื่อ ยังอยู่ครบถ้วน

แถมมาตรา 44 ก็ยังโด่เด่อยู่

แฟนๆ ที่นิยม “การเลือกตั้ง” โปรดใจเย็นๆ

ที่ให้ โจเซฟ สุรกิจ กวัดแกว่งสายล่อฟ้า ตะโกนเย้ยไพ “ประชาธิปไตยที่มาจากการเลือกตั้ง โดยเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน” แตกต่างจากเผด็จการตรงไหนนั้น

ก็เพราะฉบับที่แล้ว ให้โอกาส คุณปู่สุพรรณ สิงห์มรกต ฟัดพระเอกขี่ลาขาว จากการรัฐประหารไปเต็มๆ

ฉบับนี้เลยจัดสมดุล เสียหน่อย

เพื่อความปลอดภัยและมั่นคง


ความเห็น (2)

เรียน บ.ก.มติชนสุดสัปดาห์ ที่นับถือ

รัฐบาลเผด็จการ ชิงอำนาจมาจากรัฐบาลประชาธิปไตย

เสร็จแล้วยัดข้อหาให้อีก 15 ข้อหา

เท่านั้นยังไม่พอ ยังเอาสิทธิ เสรีภาพของประชาชนอีกโดยออกกฎหมายมาลิดรอนสิทธิเสรีภาพ

คอยดูว่าเขาจะไปได้สักกี่น้ำ

เมื่อหมดทางเขาจะใช้ ม.44 อย่างเมามัน ขอให้รีบๆ ใช้เข้าไว้

อย่าลืมว่า สวรรค์รออยู่

กบในกะลา

 

ว่าจะไม่แล้วเชียวนา

แต่เพื่อให้ฟากตรงข้าม “โจเซฟ สุรกิจ” ข่มตาหลับได้

ให้ “กบในกะลา” ช่วยเป็นยานอนหลับสักครึ่งเม็ดเสียหน่อยดีกว่า (ฮา)