กาละแมร์ พัชรศรี : จับเข่าคุยกัน

ไม่เคยมีใครทำอะไรเป็นมาตั้งแต่เกิด ทุกอย่างเรียนรู้กันได้

แต่ในเมื่อเราก็เรียนเหมือนกัน แต่ทำไมผลลัพธ์มันออกมาต่างกัน

นอกจากระดับปัญญาแล้ว…

“ใจ” ถือว่าเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ผลที่ได้ออกมาไม่เท่ากันอีกด้วย

บางคนเรียนรู้ครั้งแล้วครั้งเล่า ล้มเหลวไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ก็ยังกลับมาล้มที่เดิม แผลเดิม และเจ็บแบบเดิมทุกครั้ง

แล้วชีวิตก็ไม่ก้าวไปไหน

ฉันมีเพื่อนหลายคนที่มีความตั้งใจดี อยากเจริญก้าวหน้า แต่พอลงมือทำ มันไม่ได้ผลลัพธ์อย่างที่ต้องการ และก็บอกว่า นี่ทำเต็มที่แล้วนะ ตั้งใจแล้วนะ ยืนกรานอยู่อย่างนั้น

ฉันมาวิเคราะห์ดูว่าทำไมมันถึงเป็นอย่างนั้น

 

มันเริ่มตั้งแต่ตัวเขาเองเลย

คุณต้องรู้ว่า คุณคือใคร อันนี้แมร่งโคตรสำคัญเลย

คำถามง่ายๆ แต่ต้องแมนๆ หันหน้ามาคุยกับตัวเองและตอบออกมาให้ได้ว่า เราเป็นใคร

เราเก่งอะไร เราชอบอะไร เราอยากได้อะไร เราอยากมีชีวิตแบบไหน เรามีความสุขกับอะไร เราหลงใหลอะไร เราบ้าคลั่งอะไร เหล่านี้จำเป็นมาก

เราชอบทำงานเดี่ยว เราชอบทำเป็นทีม เรามีภาวะผู้นำ เราชอบเป็นคนตาม เราชอบอิสระ หรือเราชอบมีคนสั่ง เราชอบอยู่กับคนเยอะๆ หรืออยู่แบบคนน้อยๆ เรามีนิสัยอย่างไร ชอบพูด ขี้อาย ชอบคิด ชอบทำงานประดิษฐ์ ชอบเดินทาง ชอบท้าทาย ชอบทำซ้ำๆ ชอบอยู่กับที่

อะไรเหล่านี้ดูเหมือนไม่เห็นเกี่ยวกับเรื่องงานการ แต่ขอบอกเลยว่า

แมร่งโคตรเกี่ยวเลย

 

ฉันมาชัดเจนตอนเรียนวิชาแนะนำนั่นแหละ ใครไม่ชอบ ฉันชอบมาก

เพราะมันเป็นวิชาที่เราได้รู้จักตัวเอง ได้ตอบคำถาม ได้คิดวิเคราะห์กับตัวเอง และมันทำให้ฉันชอบคุยกับตัวเองอยู่บ่อยครั้ง

และทุกวันนี้ฉันก็ยังทำอยู่เสมอ

เพราะการได้คุยกับตัวเอง เป็นการรีเช็กว่า ชีวิตที่เป็นอยู่ทุกวันนี้เราโอเคหรือเปล่า เราทำมันเพื่ออะไร เรามีเป้าหมายอย่างไร เราต้องทำอะไรลงไปบ้าง เรามีความสุขไหม เราเครียดหรือเปล่า เราพึงพอใจชีวิตไหม

เพราะคำตอบเหล่านี้มันนำพาไปซึ่งการลงมือทำงานในรูปแบบต่างๆ ในตำแหน่งหน้าที่ต่างๆ การจะทำกิจการ ธุรกิจ จะใหญ่จะเล็ก ต้องมารีเช็กตัวเองก่อนว่าเราชอบแบบไหนกันแน่สุดท้ายแล้ว

คนบางคนต้องการจำนวนเงินเท่านี้เขาจะรู้สึกปลอดภัย หลังจากนั้นก็ทำงานไป เล่นไป สบายๆ ได้

หรือบางคนทำเอามัน ทำเอาความท้าทาย ทำเพราะรู้ว่าเราทำได้ ทำเพราะอยากเอาชนะตัวเอง และบางคนก็ต้องการทำไว้เพื่อฝากให้ลูกหลานหรือคนรุ่นหลัง หรือบางคนก็ทำเพื่อวงศ์ตระกูล

 

ทุกคนมีเหตุผลของการทำงานให้สำเร็จ นั่นจึงเป็นความจำเป็นที่ว่า ทำไมคุณต้องลงมือทำมัน เพราะไม่เช่นนั้นพอทำๆ ไป ระหว่างทางคุณจะเคว้ง และไม่รู้ว่าจะทำมันไปเพื่ออะไร

แล้วมันจะเชย มันจะท้อง่าย มันจะปล่อยมือ มันจะไม่ใส่เต็มแรง มันจะล้มเลิกกลางคัน หรือไม่ก็หลงทาง ตัดสินใจผิดได้ ถ้าเราไม่มีจิตใจที่เข้มแข็งและชัดเจน

อีกอย่าง ถ้าเรารู้จักตัวเองอย่างถ่องแท้ เราจะรู้เลยว่า เราต้องใส่แรงเท่าไหร่ เราต้องอดทนแค่ไหน บางทีมีคราบน้ำตา หยาดเหงื่อ บาดแผล เราต้องรู้ว่า วันหนึ่งมันจะเป็นเครื่องหมายให้เราได้มองมันอย่างภาคภูมิใจ

ในช่วงว่างๆ แบบนี้ ลองนั่งจับเข่าคุยกับตัวเองบ้างจะเป็นไง

จะได้รู้ว่า เราจะเอาอย่างไรต่อกับชีวิตตัวเอง