ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 26 เมษายน - 2 พฤษภาคม 2562 |
---|---|
คอลัมน์ | สมุนไพรมหิดล |
เผยแพร่ |
สมุนไพรมหิดล/คณะเภสัชศาสตร์ ม.มหิดล
ชะมวง
Garcinia cowa Roxb. ex Choisy
GUTTIFERAE
ไม้ต้นขนาดกลาง เปลือกไม้สีน้ำตาลเข้ม แตกกิ่งมาก
ใบเดี่ยว เรียงตรงข้าม รูปใบหอกหรือรูปขอบขนานแกมรูปใบหอก คล้ายกระดาษ
ดอกแยกเพศอยู่ต่างต้น ดอกเพศผู้ 3-8 ดอก ออกที่ปลายยอดหรือซอกใบ ช่อดอกแบบช่อซี่ร่ม ก้านช่อดอกสั้นหรือพบน้อยมากที่ไร้ก้าน โคนดอกมีสี่ใบประดับ ใบประดับรูปลิ่มแคบ
กลีบดอกสีเหลือง ยาวกว่ากลีบเลี้ยงสองเท่า
เกสรเพศผู้ออกเป็นกระจุกสี่อัน เชื่อมติด รวมเป็นกระจุกที่ส่วนกลางสี่ด้านของอับเรณู 40-50 อัน มีหรือไม่มีก้านชูอับเรณู ส่วนมากสั้น อับเรณูสี่ช่อง ช่องยาวแตกได้ ไร้เกสรเพศเมียเป็นหมัน
ดอกเพศเมียมักเป็นแบบดอกเดี่ยว ออกที่ซอกใบ ขนาดใหญ่กว่าดอกเพศผู้
เกสรเพศผู้ที่เป็นหมันเชื่อมติดกันที่ประมาณครึ่งหนึ่งและโคนรังไข่ที่เชื่อมติดอยู่
ก้านชูอับเรณูยาวหรือสั้น ปรกติพบว่าสั้นกว่ารังไข่ รังไข่รูปทรงรูปไข่ 4-8 ช่อง ยอดเกสรเพศเมียเรียงเป็นรัศมี 4-8 พู มีปุ่มเล็ก ขนาด 6-7 มิลลิเมตร
ผลเป็นแบบผลสด ผลสุกทึบแสงสีเหลืองแกมน้ำตาล รูปทรงรูปไข่แกมรัปทรงกลม เบี้ยว ปรกติเป็นติ่งแหลมอ่อน 2-4 เมล็ด แคบ รูปกระสวย โค้งเล็กน้อย
ตำรายาไทยโบราณ ใช้ ใบ เป็นยาระบาย ราก แก้ไข้ ยาพื้นบ้านอีสานใช้
ราก ผสมรากปอด่อน (Helicteres hirsuta Lour.) รากตูมกาขาว (Strychnos nux-blanda A. W. Hill.) และรากกำแพงเจ็ดชั้น (Salacia chinensis L.) ต้มน้ำดื่ม รับประทานวันละสามครั้ง เช้า กลางวัน เย็น เป็นยาระบาย
ใบสด รับประทานหรือผสมในต้มหมูชะมวงรับประทานได้