กรองกระแส / เส้นทางการเมือง ของธนาธร และปิยบุตร กับทักษิณ ยิ่งลักษณ์

กรองกระแส

 

เส้นทางการเมือง

ของธนาธร และปิยบุตร

กับทักษิณ ยิ่งลักษณ์

 

เหมือนกับกรณีของนายทักษิณ ชินวัตร กับกรณีของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล จะเป็นคนละเรื่อง

เพราะกรณีนายทักษิณ ชินวัตร เป็นเรื่องก่อนรัฐประหารปี 2549

เพราะกรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เป็นเรื่องหลังรัฐประหารปี 2557 และก่อนการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562

แต่เอาเข้าจริงก็แทบไม่แตกต่างกัน

หากโยงสภาพของนายทักษิณ ชินวัตร ก่อนการเลือกตั้งเมื่อเดือนมกราคม 2544 ที่ประสบกับคำวินิจฉัยของ ป.ป.ช.เกี่ยวกับบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ก็จะเข้าใจสภาพของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกุจ ในกรณีของการถือครองหุ้นบริษัทวี-ลัค มีเดีย มากยิ่งขึ้น

จะแตกต่างก็เพียงแต่กรณีของนายทักษิณ ชินวัตร อยู่ในร่มเงาของรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2540 ขณะที่กรณีของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อยู่ในร่มเงาของรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 โดยมีมาตรา 44 อันมาจากรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ทอดทะมื่นอยู่

ชะตากรรมของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล จึงแทบไม่แตกต่างไปจากชะตากรรมของนายทักษิณ ชินวัตร

ภายใต้ยุทธการ กำกัด กำจัดและขจัดเช่นเดียวกัน

 

วางแผนจัดการ

อย่างมีกระบวนการ

 

แรกที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล ร่วมกันจัดตั้งพรรคอนาคตใหม่ขึ้นเมื่อเดือนมีนาคม 2561 กลุ่มกุมอำนาจมองอย่างหยามเหยียดว่าไม่มีทางเติบโตและได้รับการสนับสนุนเพราะเป็นการจัดตั้งพรรคการเมืองที่แตกต่างไปจากขนบและแบบธรรมเนียมเดิม

1 ไม่มีกลุ่มทุนใหญ่ 1 ไม่มีระบบหัวคะแนน

แต่ระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือนพรรคอนาคตใหม่ก็ค่อยๆ เติบใหญ่และสร้างปรากฏการณ์มากมายที่ได้รับความสนใจจากสังคม

โดยเฉพาะการปักธงในทางความคิด

เป้าหมายเฉพาะของพรรคอนาคตใหม่คือนิวโหวตเตอร์ซึ่งมีจำนวนมากถึง 6 ล้านคะแนนเสียง และเมื่อผลการเลือกตั้งปรากฏออกมาว่าพรรคอนาคตใหม่ได้คะแนนรวมสูงกว่า 6.2 ล้านเสียง มี ส.ส.ทั้งระบบเขต ระบบบัญชีรายชื่อมากถึง 88 คน

ตรงนี้แหละที่สร้างตื่นตระหนกเป็นอย่างสูง ตรงนี้แหละที่ทำให้จำเป็นต้องรื้อฟื้นคดีเก่าไม่ว่าของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล ขึ้นมา

เป้าหมายก็คือ หยุดพรรคอนาคตใหม่ หยุดความตื่นตัวของคนรุ่นใหม่

 

ชะตากรรม อนาคตใหม่

ชะตากรรม ไทยรักไทย

 

ความสำเร็จของพรรคไทยรักไทยจากการเลือกตั้งเมื่อเดือนมกราคม 2544 ไปยังการเลือกตั้งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2548 คือเหตุผลเดียว เหตุผลสำคัญของรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549

เพื่อจัดการกับพรรคไทยรักไทย เพื่อจัดการกับนายทักษิณ ชินวัตร

ทุกความพยายามที่รวมศูนย์ไปยังนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล ก็เพื่อยุติบทบาทของ 2 คนนี้และยุติความหมายของพรรคอนาคตใหม่

เห็นได้จากการแสดงออกของ 1 คสช. และ 1 องค์กรอิสระ

เพียงเวลา 1 ปี สถานะของพรรคอนาคตใหม่ก็ไปอยู่ในระนาบเดียวกันกับสถานะของพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชนและรวมไปถึงพรรคเพื่อไทย สถานะของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล ก็ไปอยู่ในระนาบเดียวกันกับสถานะของนายทักษิณ ชินวัตร น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

นั่นก็คือ ต้องการบดขยี้ ทำลายล้าง

องค์ประกอบและสภาพแวดล้อมจากก่อนรัฐประหารเดือนกันยายน 2549 และจากก่อนรัฐประหารเดือนพฤษภาคม 2557 แต่เป้าหมายที่ก่อรูปขึ้นภายหลังการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562 ดำเนินไปละม้ายเหมือนกัน

นั่นก็คือ ต้องการหยุดบทบาทของตัวเล่นอย่างนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เหมือนกับที่นายทักษิณ ชินวัตร น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ประสบมาแล้ว

แต่จะลงเอยอย่างเดียวกันหรือไม่ ไม่นานจะได้คำตอบ

 

ทิศทาง มิตรร่วมรบ

ธนาธร ปิยบุตร

 

คําประกาศของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เมื่อก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่มีความแจ่มชัดและเป็นเอกภาพ นั่นก็คือ อนาคตเรากำหนดเอง

นั่นก็คือ ร่วมกับทุกพลังทางการเมืองที่ต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นและมีความหวังความฝันร่วมกัน นั่นก็คือ สถาปนาระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงให้เกิดขึ้น

เป็นการประกาศการต่อสู้ตามรัฐธรรมนูญ และด้วยวิธีการทางรัฐสภา

การเผชิญกับปัญหาทุกปัญหาที่ถาโถมเข้ามาเท่ากับเป็นการพิสูจน์หลักการของพรรคอนาคตใหม่ หลักการของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล ว่าจะมีความแข็งแกร่ง มั่นคงและยืนหยัดเพียงใด

ชะตากรรมจะเป็นอย่างนายทักษิณ ชินวัตร น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หรือไม่