วงค์ ตาวัน | หยุด 250 ส.ว.-ปมท้าทาย ส.ส.

วงค์ ตาวัน

หลังชุ่มฉ่ำสนุกสนานกับสงกรานต์ไปแล้ว ก็ถึงเวลากลับมาสู่ความเป็นปกติของชีวิตที่เต็มไปด้วยความร้อนรุ่ม ภายใต้สภาพอากาศระอุอ้าวของฤดูกาลเดือนเมษายน กระหน่ำซ้ำด้วยความเดือดพล่านของการเมือง

แค่จำนวน ส.ส.ของแต่ละพรรคอย่างชัดเจนถึงที่สุด สูตรปาร์ตี้ลิสต์พิสดาร แจกเก้าอี้ให้พรรคที่คะแนนไม่ถึงเกณฑ์ 7 หมื่นเสียงก็ยังสับสนอลหม่าน ถึงขั้นต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญให้ตีความ

“จากนั้นจะนำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลอย่างไร พรรคไหนกันแน่ที่มีสิทธิ์ชอบธรรมเป็นผู้ตั้งรัฐบาลก่อน”

ระหว่างพรรคที่ใช้ข้ออ้างคะแนนป๊อปปูล่าร์โหวตอันดับ 1 มาชิงสิทธิ์เหนือพรรคที่ได้จำนวน ส.ส.สูงสุดอันดับ 1 ซึ่งเป็นกติกาที่ยึดถือมาตลอด

“แค่นี้ก็ใกล้ถึงจุดเดือดเต็มทีแล้ว!”

แถมจะมีเรื่องสอดแทรกการแจกใบต่างๆ จาก กกต. ซึ่งจะต้องถูกจับตามองและตรวจสอบจากผู้คนในสังคมอย่างหนักว่า แจกอย่างเที่ยงธรรม หรือแจกแล้วทำให้ฝ่ายหนึ่งได้เปรียบ เพื่อนำไปสู่ชัยชนะในการจัดตั้งรัฐบาล อะไรทำนองนั้นหรือไม่

“มีแต่ความยุ่งเหยิงอลหม่านรออยู่เบื้องหน้าจริงๆ”

จึงทำให้เกิดกระแสเรียกหารัฐบาลแห่งชาติ หรือขอนายกรัฐมนตรีจากคนนอกไปเลย เพื่อหวังให้เป็นทางออกที่สาม หลุดพ้นจากการต่อสู้ระหว่างพรรคการเมือง 2 ขั้ว ที่ยังมองไม่เห็นบทสรุป

แต่ก็นั่นแหละ เมื่อทางออกนี้ไม่อยู่บนพื้นฐานประชาธิปไตย จึงไม่เป็นที่ยอมรับ เสียงคัดค้านไม่เอาด้วยจึงดังระงม

อีกทั้งเพิ่งเลือกตั้งกันมา มีพรรคการเมืองที่ชนะเลือกตั้งอันดับ 1 ชัดเจน ดังนั้น ฝ่ายที่ยึดในหลักการประชาธิปไตยจึงยืนยันว่าจะต้องใช้หนทางรัฐสภาปกติเท่านั้น พรรคที่มีสิทธิ์ก็ควรรวบรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลไปเลย

“นายกฯ ต้องเป็นคนในบัญชีที่พรรคการเมืองเป็นผู้เสนอเท่านั้น”

ที่สำคัญ เมื่อถึงเวลาโหวตกันจริงๆ เชื่อว่าประเด็นที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่ชนะเลือกตั้งมาเป็นอันดับ 3 จุดพลุเอาไว้ก่อนหน้านี้

นั่นคือ เรียกร้องให้ทุกพรรคการเมืองสร้างพลังการโหวตของ ส.ส.อย่างท่วมท้น ในการตัดสินผู้จะเป็นนายกฯ ให้ได้เกิน 375 เสียง

เพื่อปิดสวิตช์ 250 เสียงของ ส.ว.ให้ได้

ประเด็นนี้อาจจะกลายเป็นกระแสใหญ่ในสังคมไทยเมื่อเวลานั้นมาถึง!!

อีกปมประเด็นที่เริ่มกระหึ่มในช่วงเตรียมการตั้งรัฐบาลก็คืองูเห่า โดยกระแสข่าวเมื่อไม่นานมานี้ ที่ออกมาจากพรรคพลังประชารัฐ อ้างว่าขั้วนี้ตั้งรัฐบาลได้แน่นอน เกิน 250 เสียงแล้ว

โดยจะมี 35 เสียงจากประชาธิปัตย์มาร่วมด้วยแน่นอน และอาจจะมีอีก 5 เสียงจากพรรคเศรษฐกิจใหม่มาสมทบด้วย

การอ้างอิงเสียงจากประชาธิปัตย์มีเค้าความเป็นจริงอยู่ เพียงแต่ 35 เสียงน่าจะเว่อร์ไป

เพราะปีก กปปส.ในประชาธิปัตย์ นำโดยนายถาวร เสนเนียม แสดงออกอย่างเปิดเผยว่าต้องการเข้าร่วมรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

“ความที่ กปปส.ชัตดาวน์จนได้รถถังออกมายึดอำนาจ และได้ประยุทธ์เป็นนายกฯ จึงแน่นอนว่า ต้องหนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ต่อไปอีก”

แต่เมื่อไม่นานมานี้ นายชวน หลีกภัย ผู้อาวุโสของประชาธิปัตย์ออกมาเบรกนายถาวรเอง เตือนว่า ประชาธิปัตย์จะตัดสินใจอย่างไร ต้องรอให้ได้กรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ก่อน แล้วให้กรรมการบริหารนี้มีมติออกมา

นายชวนเตือนแบบแรงๆ ด้วยว่า คุยกันเอาไว้ชัดเจนเช่นนี้แล้ว ไม่ควรพูดตะแบง สงสัยอยากเป็นรัฐบาลมากจนเตือนแล้วไม่ฟัง

ที่สำคัญ นายชวนย้ำว่า อย่าคิดว่าจะเป็นรัฐบาลอย่างเดียว การเป็นฝ่ายค้านก็สามารถทำประโยชน์ให้บ้านเมืองได้

“พูดแบบนี้ เหมือนจะสอดคล้องกับสายนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และกลุ่มรุ่นใหม่ในประชาธิปัตย์ที่เห็นว่าควรเลือกเป็นฝ่ายค้านอิสระในสภาชุดนี้ จึงจะสามารถฟื้นศรัทธาของประชาชนกลับคืนมาได้!”

คาดหมายว่า ถึงเวลาโหวตนายกฯ เสียง ส.ส.ประชาธิปัตย์อาจแตกเป็น 2 ฝ่าย คือ ไปร่วมกับไม่ไปร่วมกับพลังประชารัฐ

ยกเว้นว่า ทุกคนจะยอมเชื่อฟังมติของพรรคจริงๆ

“แต่โอกาสที่เสียงจะแตกออกไป โดยมีกระบวนการสร้างงูเห่าเกิดขึ้น มีแนวโน้มเป็นไปได้มาก”

เพียงแต่หลังจากข่าว 35 งูเห่าประชาธิปัตย์สะพัดออกมา ทำให้นายถาวรต้องออกมาปฏิเสธข่าวว่าไม่จริง เพราะทุกคนต้องรอมติพรรคก่อน

ส่วนนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ก็ออกแถลงการณ์อย่างชัดเจนว่า ไม่เคยไปเจรจากับพลังประชารัฐ

“ขณะที่ก่อนหน้านี้นายมิ่งขวัญแสดงท่าทีร่วมกับขั้วประชาธิปไตยอย่างแน่นอน”

แต่ถึงที่สุดแล้ว เชื่อว่ากระบวนการสร้างงูเห่าจะต้องโหมอย่างหนักในช่วงใกล้ตั้งรัฐบาล แล้วงูเห่าที่ปรากฏก็จะมาร่วมหนุน พล.อ.ประยุทธ์ฝ่ายเดียวเท่านั้น

แล้วถึงเวลานั้น ฝ่ายที่ได้งูเห่าไปร่วมโหวตให้ จะกลายเป็นเป้าถูกกระแสสังคมโหมโจมตีอย่างหนัก จนจะยิ่งขาดความชอบธรรมหนักหนาสาหัสขึ้นไปอีก

การเกิดงูเห่าทางการเมือง แปลว่าเกิดความไม่ปกติในพรรคการเมืองนั้นๆ มีการใช้อำนาจอันไม่ถูกทำนองคลองธรรมสร้างงูเห่าขึ้นมา เพื่อฉวยประโยชน์ทางการเมืองอย่างน่าเกลียด

งูเห่าอาจจะช่วยให้ขั้วหนึ่งชนะในการโหวตนายกฯ แต่อีกด้าน จะทำให้ต้องเผชิญคลื่นต่อต้านจากสังคมหนักหน่วงที่สุดเช่นกัน!?!

ภายในพรรคเพื่อไทยแกนนำฝ่ายตรงข้ามขั้ว คสช.เอง ยังโดนฝ่ายสร้างงูเห่าบุกเข้ามาเจาะด้วยซ้ำโดยมีสิ่งเย้ายวนใจสูงลิบลิ่ว จนอาจจะไขว้เขวได้

ไม่เว้นพรรคอนาคตใหม่ พรรคที่สร้างขึ้นมาด้วยการฉีกตัวเองออกจากระบบการเมืองเก่าๆ ก็ไม่พ้นกระบวนการแอบเข้ามาควานหางูเห่า พยายามเข้ามาติดต่อดึงตัว ส.ส.ไปด้วย โดยคาดหวังว่านักการเมืองหน้าใหม่ของพรรคนี้ ส่วนใหญ่มาด้วยอุดมการณ์ พร้อมกับกระเป๋าแห้งๆ อาจจะรวนเรได้ง่าย อะไรทำนองนั้น

แต่ต้องไม่ลืมว่า ทั้งเพื่อไทยและอนาคตใหม่มีฐานมวลชนที่กว้างใหญ่ และมีความคิดทางการเมืองที่แน่วแน่

“ส.ส.ของ 2 พรรคนี้ ถ้าคิดจะเป็นงูเห่า คงต้องคิดหนักอย่างที่สุด เพราะจะต้องถูกมวลชนอันเหนียวแน่นและเข้มข้นของทั้ง 2 พรรคป่าวประณามจนหมดสิ้นอนาคตทางการเมืองไปเลยทีเดียว!”

ความพยายามจะสร้างงูเห่าในเพื่อไทยและอนาคตใหม่จึงไม่ใช่เรื่องง่าย ใครที่คิดจะไปเป็นงูเห่า ต้องคิดมากอย่างที่สุด เพราะหมายถึงการทรยศต่ออุดมการณ์ และหมดอนาคตกันไปเลย

ที่สำคัญ การประกาศสัตยาบัน 6 พรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยที่นำโดยพรรคเพื่อไทยและอนาคตใหม่ ซึ่งต่อมามีพรรคเศรษฐกิจใหม่แสดงท่าทีร่วมด้วยเป็นพรรคที่ 7

“ได้ทำให้เกิดกระแสใหญ่ในทางการเมืองไปแล้ว นั่นคือ พรรคการเมืองทั้งหลายจะต้องร่วมกันสร้างรัฐบาลที่มาจากฝ่ายตรงข้ามอำนาจที่ไม่เป็นประชาธิปไตย”

จะต้องมีนายกฯ มีรัฐบาลจากฝ่ายที่เป็นประชาธิปไตยจริงๆ

“รวมทั้งต้องสร้างพลังฝ่าย ส.ส. ในการหยุดอำนาจของ 250 ส.ว.ให้ได้!!”

ประเด็นนี้อาจจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ในสังคมไทยเมื่อถึงเวลาตั้งรัฐบาล

อาจจะเป็นเรื่องท้าทายจิตสำนึกของนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง จนบางส่วนถึงขั้นกินไม่ได้นอนไม่หลับกันเลยทีเดียว!