SearchSri : หรือว่า “เป๊ป” คิดมากไป?

ฤดูกาลลีกลูกหนังอาชีพของยุโรปใกล้งวดเข้าไปทุกขณะ หลายๆ ลีก หลายๆ ทีม กำลังลุ้นผลงานช่วงไคลแมกซ์

ในจำนวนนี้ ทีมที่โดนจับตามองมากเป็นพิเศษคือ “แมนเชสเตอร์ ซิตี้” ซึ่งอยู่บนเส้นทางประวัติศาสตร์ของการลุ้นกวาด 4 แชมป์ในฤดูกาลเดียวซึ่งยังไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน

เรือใบสีฟ้าคว้าแชมป์ “คาราบาวคัพ” หรือลีกคัพของอังกฤษไปก่อนหน้านี้ ขณะที่ถ้วยเก่าแก่อย่าง “เอฟเอคัพ” ก็เพิ่งผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศกับ “วัตฟอร์ด”

ส่วน “พรีเมียร์ลีก” ถึงตอนนี้จะมีแต้มตามหลัง “ลิเวอร์พูล” 2 คะแนน แต่ก็ยังเหลือเกมในมืออีก 1 นัด

จะมีก็แค่ถ้วย “ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก” ที่ยังไม่มีอะไรแน่นอน หลังจากลงเตะรอบ 8 ทีมสุดท้ายนัดแรก บุกไปพ่าย “ท็อตแนม ฮอตสเปอร์” 0-1

 

ก่อนหน้านี้ไม่นาน “เป๊ป กวาร์ดิโอล่า” กุนซือแมนฯ ซิตี้เพิ่งให้สัมภาษณ์ออกตัวว่า การจะกวาด 4 แชมป์ในฤดูกาลเดียว หรือที่เรียกว่า “Quadruple” นั้น ในทางปฏิบัติเป็นไปได้ยากมากๆ เพราะต้องเล่นดีทุกนัดที่ลงสนามนับจากนี้ ในเมื่อยังไม่เคยมีใครทำได้ ทำไมถึงคิดว่าตนกับซิตี้จะทำได้

ซึ่งเอาเข้าจริงๆ มันก็ถูกอย่างที่เป๊ปว่า ยิ่งเหลือโอกาสให้ลุ้นหลายถ้วย ก็หมายความว่านักเตะในทีมต้องลงสนามมากกว่าคู่แข่ง ยิ่งมาอยู่ในสถานการณ์ที่เกมลีกยังเบียดบี้กับคู่แข่งอย่างสูสี ถ้าพลาดพลั้งทำแต้มหลุดมือแม้แต่แต้มเดียวอาจหมายถึงความผิดหวัง ถ้าไม่ใช้ผู้เล่นตัวหลักก็อาจเพิ่มความเสี่ยง

กลายเป็นว่านักเตะหน้าเดิมๆ คนเดิมๆ ต้องแบกภาระเยอะขึ้น ถ้ามีปัญหาบาดเจ็บหรือล้าขึ้นมา ก็จะส่งผลกระทบต่อเนื่องถึงเกมนัดอื่นๆ ไปอีก ยกเว้นแต่ว่าผู้เล่นตัวจริง ตัวสำรองฝีเท้าใกล้เคียงกันหลายตำแหน่ง สามารถทดแทนกันเพื่อแบ่งเบาภาระได้

 

ก่อนจะไปถึงตรงนั้นยังมีอีกประเด็นน่าสนใจที่หลายคนมองข้าม นั่นคือผลงานของเป๊ปในฟุตบอลถ้วยยุโรปช่วงหลังๆ ถือว่าไม่เปรี้ยงปร้างเอาเสียเลย

กุนซือชาวสเปนเคยชูถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีก 2 ครั้งสมัยคุม “บาร์เซโลน่า” หลังจากนั้นถึงจะย้ายไปคุมยอดทีมอย่าง “บาเยิร์น มิวนิก” จนมาถึงแมนฯ ซิตี้ ก็ไปได้ไกลสุดที่รอบรองชนะเลิศ (กับทีมเสือใต้ 3 ครั้ง)

แต่สถิติที่น่าสนใจคือ เขาไม่สามารถพาทีมคว้าชัยนอกบ้านในรอบก่อนรองชนะเลิศหรือรองชนะเลิศถ้วยใหญ่ยุโรปได้แม้แต่ครั้งเดียวตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นมา

หนสุดท้ายที่ทำได้ต้องย้อนไปตอนบาร์ซาบุกเชือด “รีล มาดริด” ในแมตช์ “เอล กลาซิโก้” 2-0 จาก 2 ประตูของ “ลิโอเนล เมสซี่” ในรอบตัดเชือก เมื่อ 8 ปีที่แล้ว

หลังจากนั้นเขาพาทีมทะลุถึงรอบลึกทีไร ไม่แพ้ก็เสมอทุกที รวม 10 นัดติดต่อกันเข้าไปแล้ว

แน่นอนว่าคู่แข่งในรอบลึกๆ ย่อมไม่ธรรมดาทั้งนั้น แต่ด้วยดีกรีผลงานระดับเป๊ป กับคุณภาพทีมที่เขาคุมแต่ละครั้ง รวมถึงการเทียบผลงานกับคู่แข่ง ยังไงก็น่าจะพอบุกเก็บ 3 แต้มได้บ้าง

ผลงานเกมเยือนของเป๊ปในถ้วยยุโรปที่ผ่านๆ มามีทั้งบุกเสมอ “เอซี มิลาน, บาร์เซโลน่า, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และเบนฟิก้า รวมถึงบุกแพ้ เชลซี, รีล มาดริด, ปอร์โต้ ในจำนวนนี้บางเกมก็เล่นดี บางเกมเล่นแย่ บางเกมโชคร้าย

แต่ที่ถือว่าผิดฟอร์มมากๆ คือตอนคุมบาเยิร์นไปแพ้บาร์ซ่าเมื่อปี 2015 และการคุมซิตี้บุกพ่ายหงส์แดงเมื่อปีที่แล้ว

 

นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า ปัญหาของเป๊ปอาจจะอยู่ที่การจัดตัวผู้เล่นแบบ “คิดเยอะ” จนเกินไป บางทีมองละเอียดเรื่องการใช้ผู้เล่นแต่ละตำแหน่ง จนลืมคิดไปว่าหลายคนไม่ได้เล่นด้วยกันบ่อย เมื่อลงสนามจึงไม่เข้าขา ไม่รู้ใจกัน

ปี 2015 เขาสั่งบาเยิร์นไล่เพรสซิ่งสูงใส่บาร์ซ่า สุดท้ายไปไม่รอด ต้องปรับแผนในอีก 20 นาทีถัดมา ส่วนฤดูกาลที่แล้วส่ง “อิลคาย กุนโดกัน” ลงเล่นในตำแหน่งไม่คุ้น สร้างความสับสนในทีม

เกมกับสเปอร์สโดนบังคับด้วยปัญหาตัวหลักบาดเจ็บ เลยต้องส่งกุนโดกันลงเล่นในระบบที่เขาไม่ถนัดอีก ซึ่งหลายคนก็มองว่าอาจเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ทีมพลาดพลั้งในเกมนี้

แม้ว่าการแพ้ประตูเดียวหรือการเสมออาจไม่ได้เสียหายมากนัก ถ้าสามารถโชว์ฟอร์มในบ้านได้ดี แต่นั่นก็หมายถึงเกมที่ต้องเหนื่อยหนักขึ้นกว่าที่ควรจะเป็น

และย่อมไม่ใช่ผลดีกับการต้องลุ้นหลายๆ แชมป์พร้อมกันในช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาลแน่นอน