บทวิเคราะห์ : “อนุทิน” เนื้อหอมลุ้นส้มหล่น หลังหนีร้อน-หย่อนใจเมืองผู้ดี รอจังหวะจั่วน็อก-ทิ้งไพ่!

หลังปิดหีบเลือกตั้ง 24 มีนาคม “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ตรงดิ่งมายังโรงแรมที่อยู่ในบริเวณสยามฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่จังหวัดบุรีรัมย์ โดยมี “เนวิน ชิดชอบ” ประธานสโมสรบุรีรัมย์ยูไนเต็ด และ “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” เลขาธิการพรรค พร้อมด้วยทีมงาน นั่งรอลุ้นผลคะแนนอยู่ก่อนแล้ว

บรรยากาศการนับคะแนนเป็นไปแบบชนิดที่นั่งกันไม่ติด เดินวนไปเวียนมาประหนึ่งหนูติดจั่น

ขณะที่ผู้สมัครในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศโทร.รายงานผลคะแนนในเขตที่มีคะแนนขึ้นนำตลอดเวลา ทำเอาบรรดาแกนนำที่นั่งกันอยู่แสดงท่าทีพึงพอใจเป็นอย่างมากกับผลการนับคะแนนที่ปรากฏ และมีการหยอกล้อกันตลอดระหว่าง “อนุทิน” และ “เนวิน”

อย่างไรก็ตาม ในช่วงเริ่มแรก คะแนนของพรรคภูมิใจไทยไม่ดีเท่าที่ควร ทำเอาหัวหน้าพรรคถึงกับหน้าเสีย กระทั่งผู้สมัครจากพื้นที่โทร.รายงานว่าขณะนั้นได้ว่าที่ ส.ส.เกือบ 40 คน ทำให้ “เนวิน” ถึงกับเดินมาตบบ่า “อนุทิน” แล้วบอก “เป็นไงล่ะหนู กลัวอยู่ได้”

ในขณะที่ “อนุทิน” ตอบโต้กลับทันทีว่า “มาตบนายกฯ แบบนี้ได้ไง” เรียกเสียงฮาจากคนที่อยู่ในวงอย่างสนั่นหวั่นไหว

กระทั่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หยุดถ่ายทอดการนับคะแนนในช่วงเวลากว่า 3 ทุ่ม…

“เนวิน” ที่ย้ำนักย้ำหนาให้ “อนุทิน” นอนค้างคืนที่บุรีรัมย์ แต่ “อนุทิน” มีทีท่าบ่ายเบี่ยง โดยอ้างเหตุผลว่าจะต้องพาลูกชายและลูกสาวกลับกรุงเทพฯ เนื่องจากลูกจะต้องบินไปเรียนต่อต่างประเทศในวันรุ่งขึ้น ซึ่งเป็นเหตุผลที่ “เนวิน” มิอาจทัดทาน “อนุทิน” ไว้ได้…

แม้จะไม่แน่ชัดว่าการมาใช้สิทธิเลือกตั้งของ “อนุทิน” ตั้งแต่ช่วงเช้าที่พาลูกชายและลูกสาวขึ้นเครื่องมาด้วยนั้น เพื่อเป็นเกราะป้องกันการนอนค้างที่บุรีรัมย์หรือไม่

แต่สุดท้ายคืนนั้น “อนุทิน” ได้กลับกรุงเทพฯ สมใจ…

ท่ามกลางกระแสข่าวในช่วงนั้นว่ามีการเปิดดีลจากพรรคเพื่อไทย ที่ “หญิงหน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ จะยอมยกเก้าอี้นายกรัฐมนตรีให้กับ “อนุทิน” หากพรรคภูมิใจไทยมาเป็นพรรคร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย จนเป็นสาเหตุที่ทำให้ “เนวิน” ไม่ต้องการให้ “อนุทิน” คลาดสายตา กลับไปอยู่กรุงเทพฯ

เพราะในจังหวะนั้นจะไม่มีใครรู้ได้เลยว่า มีสัญญาณโทรศัพท์จากที่ใดบ้างที่จะยิงตรงเข้าเครื่อง “อนุทิน” !!???

และเพียงช่วงข้ามคืน รุ่งอรุณของวันที่ 25 มีนาคม เกิดกระแสสะพัดในโซเชียล โดยเฉพาะในเฟซบุ๊กที่พรรคเพื่อไทยมีการไลฟ์สดขอบคุณทุกคะแนนเสียงของประชาชน

กับมีข้อความจากบรรดาแฟนคลับพรรคเพื่อไทยเองที่ระบุว่า ร่วมรัฐบาลกับพรรคภูมิใจไทย และให้ “อนุทิน” เป็นนายกฯ เพื่อหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจ และมีข้อความลักษณะดังกล่าวปรากฏอยู่เป็นจำนวนมาก…

แต่อยู่ๆ พรรคภูมิใจไทยกลับมีท่าทีที่แข็งกร้าว มีการส่งสัญญาณงดให้สัมภาษณ์ใดๆ ทั้งสิ้น และทั้งพรรคท่องคาถาเพียงแค่ว่า “ให้รอท่าทีที่ชัดเจน หลังวันที่ 9 พฤษภาคม หลังจากที่ กกต.รับรอง ส.ส.อย่างสมบูรณ์”

โดยแกนนำให้เหตุผลว่า ในระหว่างนี้ไปจนถึงวันที่ 9 พฤษภาคม ยังไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าจะมี ส.ส.ถูกสอยไปอีกจำนวนเท่าใด เพราะคะแนนเหล่านี้จะถูกลดไปด้วย ทำให้จำนวน ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ที่มีอยู่จะต้องลดลงไปอีกเช่นกัน ทำให้ยังไม่สามารถคำนวณจำนวน ส.ส.ที่ชัดเจนได้ อีกทั้งในระหว่างนี้ พรรคภูมิใจไทยเองก็ต้องเจียมเนื้อเจียมตัว ไม่ล่อเป้าให้สุ่มเสี่ยงต่อการโดนสอยได้

พรรคภูมิใจไทยจึงยังสงวนท่าที ไม่ออกนอกหน้าว่าจะไปซ้ายหรือไปขวา…

ในขณะที่พรรคพลังประชารัฐ ที่ก่อนหน้านี้บรรดาแกนนำพรรคออกมาระบุว่าสามารถรวบรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลได้แล้ว แต่ก็ไม่มีการตั้งโต๊ะแถลงร่วมเหมือนฝั่งพรรคเพื่อไทย ที่แถลงลงสัตยาบันร่วมกับพรรคอนาคตใหม่ พรรคประชาชาติ ในขณะที่พรรคเศรษฐกิจใหม่นั้น “ลุงมิ่ง” “มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์” ไม่ได้มาร่วมลงนาม แต่ส่งตัวแทนเข้าร่วมรับฟัง ฝั่งพรรคพลังประชารัฐจะมีก็เพียงพรรครวมพลังประชาชาติไทย ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ พรรคประชาชนปฏิรูป ของนายไพบูลย์ นิติตะวัน พรรคไทยศรีวิไลย์ พรรคพลังท้องถิ่นไท ทั้งยืนยันที่จะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง

แต่ไม่เคยมีเสียงพรรคถูมิใจไทยเล็ดลอดออกมาแม้แต่น้อย…

ต่างจากพรรคประชาธิปัตย์ ที่แม้จะได้ ส.ส.เขตน้อยกว่าพรรคภูมิใจไทย แต่ได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์มากกว่า กลับมีท่าทีร้อนรนที่จะไปร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ ถึงขนาดเสียงแตก และมีการโทษนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคด้วยซ้ำว่าพรรคแพ้เพราะหัวหน้าประกาศไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ

ดังนั้น ท่าทีดิ้นรนอยากเข้าเรือนหอของพรรคประชาธิปัตย์ จึงทำให้เสียรังวัดโควต้ารัฐมนตรีพอสมควร เพราะเท่ากับแบะท่าให้เห็นแล้วว่าแม้พรรคประชาธิปัตย์จะไม่ได้ทั้งพรรค แต่มีงูเห่าแน่นอน…

ส่วนพรรคภูมิใจไทยยิ่งนิ่งมากเท่าไหร่ มูลค่ายิ่งเพิ่ม ยิ่งได้กระทรวงใหญ่

เพราะหากเลือกพรรคพลังประชารัฐ คงไม่ต้องฝันถึงเก้าอี้รัฐมนตรี เพราะงานนี้ “ลุงตู่” จองไว้ล่วงหน้า ต้องให้ “ลุงตู่” ก่อน แต่หากสภาไปได้ไม่สวย อาจจะมีการเปลี่ยนม้ากลางศึกก็เป็นได้ ใครจะไปรู้…

จึงเห็นได้ว่าตอนนี้ท่าทีพรรคพลังประชารัฐก็อ่อนลง และเริ่มท่องคาถาเดียวกับพรรคภูมิใจไทยคือ รอหลังวันที่ 9 พฤษภาคม งานนี้ก็ไม่รู้ว่าหมอเขมรเป่ากระหม่อมมาด้วยรึเปล่า…

ส่วนฝั่งเพื่อไทย ก็ยังไม่ได้ปิดประตูตายตัว เพราะหลังวันที่ 9 พฤษภาคม อะไรก็เกิดขึ้นได้ เมื่อเห็นตัว ส.ส.ที่ชัดเจนแล้วว่าใครมีอยู่ในมือเท่าไหร่

อีกทั้งวันนี้ กกต.เองก็ยังต้องยื่นวิธีการคำนวณ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ และคิดกันหลายสูตรเกิน ขนาดนักคณิตศาสตร์โลกยังต้องงงกับสูตรของ กกต. ที่กระจาย ส.ส.ไปให้พรรคเล็กอีก 14 พรรค ทำให้มีการถกเถียงกันอย่างกว้างขวาง

ดังนั้น จึงต้องรอว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิฉัยอย่างไร

ส่วน “หัวหน้าหนู” ยังคงชิวๆ หนีอุณหภูมิปรอทแทบแตกช่วงสงกรานต์ ไปดับร้อนอยู่ที่ลอนดอน ไม่รู้ว่ามีแพลนไว้อยู่แล้ว หรือไม่อยากรับดีลอะไรช่วงนี้…

เพราะก่อนเดินทางไปเยือนเมืองผู้ดี “อนุทิน” ได้โพสต์รูปปริศนาธรรม โดยมีก้านไม้ขีดเรียงกัน มีไฟลามต่อกัน และเพียงแต่ดึงก้านตรงกลางออกเพียงก้านเดียว ก็ทำให้ยุติการลามของไฟ ทำเอาหลายคนอดสงสัยไม่ได้ว่า “เสี่ยหนู” จะสื่อถึงอะไร…

และในระหว่างที่อยู่อังกฤษในขณะนี้ได้โพสต์ข้อความว่า Win some lose some. ที่แปลว่า “ชนะบ้าง แพ้บ้าง” ยิ่งทำคอการเมืองลุ้นไปตามๆ กัน…

ทว่าการเยือนเมืองผู้ดีในครั้งนี้ อดสงสัยไม่ได้ว่า มี “ซูเปอร์ดีล” หรือไม่ เพราะเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ “ทักษิณ ชินวัตร” พำนักอยู่ สุดท้ายถึงบางอ้อ เมื่อคนวงในแจ้งว่า “ทักษิณ” เดินทางออกจากอังกฤษไปยังดูไบในวันที่ 14 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ “อนุทิน” เดินทางมาถึง…

อย่างไรก็ตาม มาถึงวันนี้ ทำให้เห็นว่าพรรคภูมิใจไทยได้ไพ่ดีมีโอกาสลุ้นไพ่ 2 หน้า และอยู่ที่ว่าจากนี้จะจั่วไพ่เข้าหน้าไหน แล้วเลือกจะคว่ำไพ่ใบไหน…!!!

หรือ…ไม่แน่ “อนุทิน” อาจจะได้เป็น “นายกฯ ส้มหล่น” ผ่าวิกฤตทางตัน ที่ทั้ง 2 ฝั่งสามารถยอมรับได้ก็เป็นได้!!!