ภาพยนตร์ / นพมาส แววหงส์ / SHAZAM! ‘หนูน้อยซูเปอร์ฮีโร่’

นพมาส แววหงส์

ภาพยนตร์ / นพมาส แววหงส์

SHAZAM!

‘หนูน้อยซูเปอร์ฮีโร่’

 

กำกับการแสดง David F. Sangberg

นำแสดง Zachary Levi Asher Angel Jack Dylan Grazer Mark Strong Djimon Hounsou

 

ค่ายการ์ตูนดีซี กับค่ายการ์ตูนมาร์เวล เป็นคู่แข่งที่ไม่ยอมลดราวาศอกให้แก่กันมานานบนหน้ากระดาษ และต่อมาขยายการต่อสู้ฟาดฟันของซูเปอร์ฮีโร่กับซูเปอร์วิลเลนมาสู่จอภาพยนตร์ แม้ว่าสำหรับในโลกภาพยนตร์มาร์เวลจะนำหน้าอยู่หลายขุม

ดีซี คอมิกส์ มีซูเปอร์ฮีโร่ในสังกัด คือ ซูเปอร์แมน แบทแมน วันเดอร์วูแมน กรีนแลนเทิร์น เดอะแฟลช อาควาแมน เป็นอาทิ

ส่วนมาร์เวล คอมิกส์ มีพระเอกจอมพลังในสังกัด คือ เอ็กซ์เมน ไอออนแมน ฮัลค์ ธอร์ กัปตันอเมริกา ดร.สเตรนจ์ และ “รวมดาว” ในชุด “อเวนเจอร์ส” อีกหลายต่อหลายภาค

และล่าสุดที่ออกฉายพร้อมกันเลยคือ Captain Marvel แถมยังมีแฟรนไชส์อเวนเจอร์สชุดใหญ่รอจ่อคิวตามมาในเร็ววันแบบที่แฟนๆ ตั้งตารออย่างใจจดใจจ่อ คือ The Avengers : Endgame

 

Shazam! เป็นหนังชุดใหม่ภาคแรกของชุดจากค่ายดีซี แต่ลดวัยของซูเปอร์ฮีโร่ลงในตัวเด็กชายวัยแรกรุ่นที่เสกตัวให้กลายเป็นมนุษย์จอมพลังได้ในพริบตาด้วยคาถาคำเดียวตามชื่อเรื่องที่มีเครื่องหมายอัศเจรีย์หรือที่สมัยก่อนเรียกกันว่า “เครื่องหมายตกใจ” กำกับไว้ด้วย

ที่แน่ใจว่าเป็นภาคแรกเริ่มที่ปูภูมิหลังของพระเอกไว้สำหรับภาคต่อๆ ไปที่จะตามต่อมา ก็เพราะมี “หนังตัวอย่าง” ที่จะเป็นเรื่องราวตอนต่อไปแถมท้ายฉายให้ดูในช่วงเครดิตตอนจบ ซึ่งเดี๋ยวนี้ดูจะเป็นประเพณีสำหรับหนังซูเปอร์ฮีโร่ไปแล้ว และเป็นวิธีที่ได้ผลชะงัดสำหรับการบังคับให้คนดูนั่งอ่านเครดิตรายชื่อทีมงานสร้างให้ตลอดรอดฝั่ง โดยสะบัดก้นลุกออกจากที่นั่งไปทันทีที่เห็นตัวหนังสือเรียงรายขึ้นจอ

พระเอกจอมพลังคนนี้ได้พลังเหนือมนุษย์มาจากพ่อมดผู้วิเศษชื่อ “ชาแซม” (ดจิมอน ฮุนซู ในบทที่เล่นอย่างเอาเป็นเอาตาย ขัดกับโทนเฮฮาชวนขันของตัวละครฝ่ายเด็ก)

เรื่องของเรื่องคือ ผู้วิเศษชาแซมทำหน้าที่ดูแลไม่ให้ความชั่วร้ายออกมาเพ่นพ่านอยู่ในโลกมนุษย์ โดยกักขัง “มหันตโทษทั้งเจ็ด” หรือ Seven Deadly Sins ตามคัมภีร์โบราณไว้ในรูปปั้นเหมือนตัวการ์กอยล์ในอุโมงค์ใต้ดิน ที่จะผ่านเข้าไปได้ด้วยทางประตูลับ

ผู้เฒ่าชาแซมผ่านวันเวลามานานแสนนานและชราภาพไปตามกาลเวลา อ่อนพลังและเหนื่อยหน่ายจนต้องการมองหาผู้สืบทอดหน้าที่อันยิ่งใหญ่นี้

 

หนังเริ่มด้วยการที่การแสวงหาครั้งหนึ่งของชาแซม โดยนำตัวเด็กผู้ชายไปทดสอบความบริสุทธิ์งดงามของจิตใจ เพื่อจะมอบพลังวิเศษให้สืบทอด

แต่เด็กชายแธดเดียส ซิวานา (ซึ่งจะโตขึ้นเป็นซูเปอร์วิลเลนของเรื่อง) ไม่ผ่านการทดสอบ และส่งตัวกลับสู่โลก มาสู่ความเกลียดชังที่ทวีขึ้นในครอบครัวที่มีแต่พ่อและพี่ชาย แธดเดียสจึงมุ่งมั่นจะได้ครองอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเหนือมนุษย์ โดยอาศัยพลังจากไม้เท้ากายสิทธิ์ของชาแซม

และแล้วแธดเดียสก็เติบใหญ่กลายเป็นแธดเดียสในวัยฉกรรจ์ (ซึ่งสวมบทบาทโดยมาร์ก สตรอง) ผู้มีใจขัดแค้นแน่นอุรา ซึ่งต้องแก้แค้นบิดาและพี่ชายให้สาสมกับการถูกดุด่าและกลั่นแกล้งในวัยเด็ก

ขณะที่เด็กชายบิลลี่ แบตสัน (แอชเชอร์ เอนเจล) พลัดหลงกับแม่ในวัยเด็ก และถูกส่งตัวไปอยู่กับครอบครัวอุปถัมภ์ครั้งแล้วครั้งเล่า

เพราะทุกครั้งเขาจะหลบหนีมาเพื่อตามหาแม่ผู้หายหน้าไปอย่างไร้ร่องรอย โดยไม่ยอมย่อท้อ

ครั้งสุดท้ายเมื่อเล่นตลกหลอกตำรวจเพื่อหาโอกาสค้นข้อมูลที่ต้องการ และถูกจับได้ บิลลี่ถูกส่งไปอยู่กับครอบครัวอุปถัมภ์ที่เปิดบ้านอ้าแขนรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไว้หลายคน

 

บิลลี่กลายเป็นพี่น้องร่วมห้องและเพื่อนสนิทกับเฟร็ดดี้ (แจ็ก ไดแลน เกรเซอร์) ผู้แก่นแก้วและฉลาดเฉลียว ซึ่งเป็นแฟนตัวยงของการ์ตูนซูเปอร์ฮีโร่

เฟร็ดดี้มีของสะสมของซูเปอร์ฮีโร่ทั้งซูเปอร์แมน และแบทแมน และยังรู้เส้นสนกลในและพลังเหนือมนุษย์นานาชนิดอย่างเจนจบ

ของชิ้นสำคัญที่จะกลายเป็นอาวุธต่อสู้กับวายร้ายในเวลาต่อมา คือ “แบทเมอแรง” หรือเครื่องหมายสัญลักษณ์ของแบทแมนที่ใช้ปาเป็นบูมเมอแรงได้

เมื่อผู้เฒ่าชาแซมอ่อนแรงและแทบจะอับจนหนทางกับการค้นหาเด็กชายผู้มีจิตใจบริสุทธิ์มาเป็นทายาทสืบทอดพลังเหนือมนุษย์อยู่แล้ว ซ้ำร้ายยังมีจอมวายร้ายผู้มักใหญ่ใฝ่สูงเพื่อรวบอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเหนือโลกสำหรับตัวเอง หาทางเข้ามาปลดปล่อย “มหันตโทษทั้งเจ็ด” ไปจากที่คุมขังได้สำเร็จ

ให้เผอิญบิลลี่จับพลัดจับผลูไปอยู่ตรงหน้าผู้เฒ่า เขาจึงได้รับมอบพลังด้วยคาถาวิเศษคำเดียวว่า “ชาแซม!”

ในฉับพลันทันใด บิลลี่กลายร่างเป็นหนุ่มสูงใหญ่ร่างกำยำในชุดรัดรูปสวมเสื้อคลุมประมาณเดียวกับซูเปอร์แมน แต่ติดตราสายฟ้าเรืองแสงบนแผงอก

และเรื่องราวต่อมา เป็นเรื่องของเด็กที่กำลังเรียนรู้พลังอำนาจในตัวเอง โดยได้รับคำแนะนำจากสหายสนิทนิสัยชอบถากถาง และในที่สุดก็ต้องขอความช่วยเหลือจากเหล่าเด็กโตเด็กเล็กผู้มีจิตใจบริสุทธิ์ ซึ่งกลายเป็นครอบครัวของบิลลี่ไปโดยปริยาย

 

โทนและบรรยากาศของหนังหนักไปในทางคอเมดี้มากกว่าดราม่าเกี่ยวกับการต่อสู้ระหว่างธรรมะกับอธรรมแบบในหนังซูเปอร์ฮีโร่ทั่วไป

ชาแซมคือเด็กน้อยในร่างของจอมพลังเหนือมนุษย์ ผู้ที่เหาะเหินเดินอากาศได้เหมือนซูเปอร์แมน ปล่อยแสงเฮ้ากวงใส่สิ่งต่างๆ ได้จากสัญลักษณ์สายฟ้าบนแผ่นอก

ชาแซมมีจิตใจของเด็กชายก่อนวัยแตกเนื้อหนุ่มผู้เติบโตขึ้นในโลกเพื่อจะได้เรียนรู้ว่าตัวเองไม่เป็นที่ต้องการของแม่บังเกิดเกล้า และเรียนรู้ที่จะมีความสุขอยู่ในครอบครัวใหม่ที่ไม่มีความเกี่ยวดองทางสายเลือด แต่มีความรักผูกพันและห่วงใยกันอย่างตัดไม่ขาด

บทบาทที่เด่นพอๆ กับบิลลี่ผู้กลายร่างเป็นชาแซมได้ในพริบตา คือเฟร็ดดี้ ผู้มีร่างกายไม่สมประกอบเทียบเท่าเพื่อนวัยเดียวกันอื่นๆ แต่มีสติปัญญาและการปรับตัวในสถานการณ์ต่างๆ ได้ดี

เฟร็ดดี้จึงให้คำปรีกษาแก่บิลลี่ในการเรียนรู้ที่จะเป็นมนุษย์จอมพลังผู้คอยกอบกู้โลกจากอำนาจฝ่ายชั่วร้ายได้

 

ผู้เขียนสะดุดอยู่หน่อยๆ ในการนำเสนอโทนเรื่องที่ไม่เท่ากันระหว่างตัวละครต่างๆ ผู้เฒ่าชาแซมเล่นบทผู้วิเศษที่กำลังจะตายแบบเอาเป็นเอาตาย ทำให้ขาดความแพรวพราวระยิบระยับและไร้เสน่ห์ของตัวละครเหนือมนุษย์  และมาร์ก สตรอง ก็เล่นบทอภิมหาวายร้ายแบบตรงทื่อเกินไป

ขณะที่ซูเปอร์ฮีโร่ฝ่ายเด็กเล่นแบบเด็กเล่นเกม และไม่เอาจริงเอาจังเลย ตอนที่ไม่น่าเชื่อที่สุด คือตอนที่เล่นเพื่อเสียงหัวเราะแท้ๆ โดยร้องบอกให้โจรปล้นร้านค้าที่มีปืนอยู่ในมือ ยิงตัวเองเพื่อพิสูจน์ว่ากระสุนจะทำร้ายชาแซมได้ไหม

ผู้เขียนได้ข้อสรุปว่าหนังเรื่องนี้เด็กเกินไปสำหรับวัยอย่างผู้เขียน เลยทำให้ไม่ค่อย “อิน” ด้วยเท่าไหร่

แต่แฟรนไชส์นี้ก็ให้ความแปลกใหม่รูปแบบหนึ่งสำหรับโลกของซูเปอร์ฮีโร่

และต้องมีภาคต่อไปตามมาแน่ๆ ค่ะ