ฟ้า พูลวรลักษณ์ | เป็นไปได้ แค่ไหน ? ที่จะปิดสวิตช์ ส.ว. ๒๕๐ คน

ฟ้า พูลวรลักษณ์

หนังสือเรียนสำหรับเด็ก (๒๕.๕)

เป็นไปได้ไหมที่จะปิดสวิตช์ ส.ว. ๒๕๐ คน ตามข้อเสนอของพรรคอนาคตใหม่ คำตอบคือเป็นไปได้ แต่ต้องมีการเสียสละ ไม่ใช่ได้มาง่ายๆ

ทั้งนี้เพราะ ปชป.คือหัวใจของปัญหา ถ้าเขาสนับสนุน หมายถึงพรรคเพื่อไทยจะได้เป็นรัฐบาล ซึ่งเขารับไม่ได้ เขาคงเลือกที่จะไปอยู่กับทหารจะดีกว่า

ดังนั้น ถ้าจะให้การปิดสวิตช์ ส.ว. ๒๕๐ คนเป็นจริง พรรคเพื่อไทยต้องเสียสละ ยอมให้พรรคขนาดกลางเป็นรัฐบาล ได้แก่ ให้พรรคภูมิใจไทยเป็นนายกฯ ร่วมรัฐบาลกับพรรค ปชป. และพรรคขนาดกลางและขนาดเล็กอื่นๆ โดยมีพรรคเพื่อไทยถอยออกมาเป็นผู้ดู

ส่วนพรรคอนาคตใหม่มีสองทางเลือก คือเข้าร่วมรัฐบาลด้วย หรือถอยออกมาเป็นผู้ดู ฉันว่าแบบหลังจะดีกว่า แสดงให้เห็นว่า การเข้ามาเล่นการเมืองของพรรคอนาคตใหม่ ไม่ได้ต้องการเก้าอี้ แต่ต้องการปรับเปลี่ยนระบบการเมืองไทยใหม่

แบบนี้พรรค ปชป.คงรับได้ เท่ากับว่าฝ่ายประชาธิปไตยจบบทบาทของฝ่ายทหารลง และ ปชป.ก็ได้เข้าเป็นรัฐบาล ซึ่งไม่มีพรรคเพื่อไทยอยู่ในนั้นเลย

จะเห็นว่า key ของมันอยู่แค่นี้ แต่พรรคเพื่อไทยจะใจถึง ถึงขนาดนั้นเชียวหรือ หากคิดถึงอดีต พวกเขาคงทำไม่ได้ คงยืนยันที่จะ deadlock และสร้างความเสียหายแก่ประเทศชาติต่อไป ด้วยความดื้อรั้น มุมานะ และจบลงด้วยความสูญเสียของระบอบประชาธิปไตย

แต่หากเพื่อไทยทำได้ จะเกิดผลดีมากมาย จริงอยู่พรรคของเขาไม่ได้เป็นรัฐบาล แต่พวกเขาทำสำเร็จสิ่งหนึ่ง สิ่งเดียว แต่มีค่ายิ่ง คือการหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของทหาร ซึ่งที่จริงคือหัวใจของการเลือกตั้งครั้งนี้

ประเทศไทยมีรัฐประหารเป็นเนื้อร้าย ซึ่งจะอธิบายง่ายๆ ดังนี้ว่า มะเร็งเกิดจากการทำงานผิดปกติของเซลล์ ๔ ขั้น เหมือนมี door สี่บาน หากเปิดครบ มะเร็งจึงจะเกิด

วันหนึ่ง ใครคนหนึ่งอายุสิบห้าปี อาจเดินอยู่ดีๆ บนถนนธรรมดาสายหนึ่ง ในวูบหนึ่ง เขาเจอมลภาวะกระแทกเข้ามาที่หน้า ในวูบหนึ่งนั้น ภายในร่างกายของเขา door บานที่หนึ่งได้เปิดออก แต่เขาก็ยังปกติอยู่ เพราะต้องรอ door อีกสามบานเปิด เขาจึงจะเป็นมะเร็ง ซึ่งเราก็ไม่รู้หรอกว่าประตูอีกสามบานนั้นจะเปิดเมื่อไร อาจจะอีกนาน หลายสิบปีก็ได้ ดังนั้น คนเป็นมะเร็งจึงมักเกิดกับคนมีอายุ

คนบางคน ประตูจะค่อยๆ เปิดทีละบาน ด้วยเหตุผลที่แตกต่าง เราไม่รู้จริงๆ ว่าจะเกิดวันไหน ด้วยเหตุใด และบางคนอาจโชคดี ที่ตลอดชีวิต ประตูสี่บานนี้เปิดไม่ครบ เขาก็ปลอดภัย

โชคร้าย การเมืองไทย การเปิดประตูสี่บานนั้นได้เปิดครบแล้ว เราจึงวนเวียนอยู่ในการทำรัฐประหาร ด้วยเพราะเชื้อชั่วไม่ยอมตาย การจะฆ่าพวกมันให้หมด เป็นงานหนักกว่าที่เราจะปิดประตูสี่บานนี้ให้แน่นหนา ไม่รู้ว่าต้องใช้ความพยายามเท่าไร

อาจบางทีในอาเซียนนี้ ประเทศไทยของเราจะเป็นประเทศสุดท้ายที่จะเลิกรัฐประหาร

มันจะเกิดจากฝ่ายเหลือง หากพวกเขาไม่พอใจอะไรก็ตาม พวกเขาจะคิด อยากให้ทหารเข้ามาทำรัฐประหาร พวกเขาคือนักกีฬา ที่หากว่าสู้เอาชนะไม่ได้ ก็จะเรียกหาองค์กรอิสระหรือกองทัพให้เข้ามาแทรกแซง ทั้งที่จริง องค์กรอิสระเหล่านั้นคือกรรมการ พวกเขาเป็นกลาง และกองทัพที่จริงมีหน้าที่รักษาความสงบในบ้านเมือง ไม่ควรเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมืองเลย แต่เพราะบานประตูทั้งสี่ได้เปิดแล้ว มันกลายเป็นนิสัย กลายเป็นความเคยชิน และจะถูกเรียกร้องโดยฝ่ายเหลือง

ประเทศไทยของเรานี้ ปัญหาเกิดจาก

๑ ฝ่ายเหลือง หรือฝ่ายอนุรักษ์ที่ใช้อารมณ์

๒ ฝ่ายแดง หรือฝ่ายประชาธิปไตยที่ใช้มโน

สองกลุ่มนี้ เกิดแล้วตายยาก เปลี่ยนแปลงได้ยาก คนที่วันนี้เป็นเหลืองหรือแดง ก็จะเป็นเช่นนั้นตลอดชีวิต อาจมีเพียง ๑๐ หรือ ๒๐ เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่จะเปลี่ยนแปลงได้ ในหนึ่งชีวิตนี้ ที่เหลืออีก ๘๐ เปอร์เซ็นต์ จะไม่ยอมเปลี่ยนใจเลย เคยใช้อารมณ์อย่างไรก็ใช้อย่างนั้น เคยมโนอะไรก็ยังมโนต่อไป ด้วยเพราะมโนเหล่านั้น เวลาเกิดแล้ว มันไม่ยอมตาย

ฉันเชื่อว่า ครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์จะได้กลับมาเป็นนายกฯ อีก ความคิดของคุณธนาธรที่จะปิดสวิตช์ ส.ว. ๒๕๐ คนนั้น ฉันว่าทำไม่ได้ มันได้ในหลักการ แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง จะทำไม่ได้ เพราะพรรคอื่นไม่ได้ยึดมั่นในหลักการเหนียวแน่นเท่าพรรคอนาคตใหม่ ทำไปทำมาจะสะดุดที่พรรค ปชป. และท้ายสุดจะสะดุดที่พรรคเพื่อไทยเอง เท่ากับว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ ฝ่ายประชาธิปไตยแพ้

แพ้เพราะเพื่อไทยใจไม่ถึง ไม่ถึงเหมือนในอดีตที่ผ่านมา

การให้พรรคขนาดกลางเป็นรัฐบาล และตัวเองถอยออกมา เป็นการยึดอุดมการณ์อย่างเหนียวแน่น และองอาจ สมดั่งวาจา

สิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยง คือ

๑ สภาวะ deadlock

๒ การให้ทหารสืบทอดอำนาจต่อไป

พรรคอนาคตใหม่ วันหนึ่ง พวกเขาจะเจอศัตรู คือ

๑ ทหาร

๒ ฝ่ายเหลือง หรือพวกอนุรักษ์ที่ใช้อารมณ์

ฝ่ายเหลือง หรือพวกอนุรักษ์ที่ใช้อารมณ์ พวกนี้ พวกเขาจะชิงชังพรรคอนาคตใหม่ โดยนิสัย โดยธรรมชาติ ด้วยข้อกล่าวหาที่ว่าพรรคนี้เป็นพรรคล้มเจ้า มันเป็นการกล่าวหาลอยๆ โดยไม่มีหลักฐานหรือเหตุผลใดเลย นี้เองที่ฉันเรียกพวกเขาว่า พวกอนุรักษ์ที่ใช้อารมณ์

ที่จริงการจะไปกล่าวหาใครสักคนในข้อหาที่ร้ายแรง เราต้องมีหลักฐานแน่ชัด ไม่ใช่กล่าวหาลอยๆ โดยอาศัยอคติ ความคิดของตัวเรา แต่ฝ่ายเหลืองถนัดเรื่องแบบนี้ จนกลายเป็นธรรมชาติไปแล้ว เราจะไปหวังพวกเขาเป็นอื่นคงไม่ได้

ฝ่ายเหลืองยืนยันแบบคอขาดบาดตายไปนานแล้วว่าฝ่ายแดงคือพวกเผาบ้านเผาเมือง และพรรคอนาคตใหม่คือพวกล้มเจ้า ไม่มีความจำเป็นต้องพิสูจน์อะไร ตัวฝ่ายเหลืองเองนั่นแหละคือศาล

แต่ฝ่ายเหลืองถึงจะน่ากลัว แต่ไม่เท่าทหาร ฉันกลัวทหารทำรัฐประหาร เพราะหากเกิดขึ้นจริง บ้านเมืองนี้ก็จะถดถอย และยังตกอยู่ในวังวนเดิมอีกนานพอควร แต่หากมันเกิดขึ้นจริง พรรคอนาคตใหม่ก็ต้องอดทน เพราะอีกสี่ปีข้างหน้า คนรุ่นใหม่จำนวนมากก็พร้อมจะเข้ามาช่วย เด็กๆ มากมายก็จะเติบโตเป็นหนุ่มสาว พลังของอนาคตใหม่มีแต่จะเพิ่มขึ้นในกาลเวลา ขอเพียงพรรคอนาคตใหม่ในวันนี้ ยังยืนหยัด ยังพูดถูก ทำถูกต่อไป

ไม่ช้า ทหารก็จะต้านไม่อยู่

สิ่งที่ฉันกลัวต่อไปคือ คุณธนาธรอาจต้องติดคุกหรือถูกลอบสังหาร หากเกิดขึ้นจริง ก็น่าเสียใจยิ่งนัก เพราะจะหาคนแบบเขาได้ยาก

ฉันเข้าใจความรู้สึกของคุณธนาธร เขาเล่นการเมือง รู้ตัวว่าอันตราย และได้ทำใจไว้แล้ว มันเหมือนกีฬาที่อันตรายชนิดหนึ่ง เช่น การปีนเขา การปีนเขาหมายถึง เขาอาจเสียชีวิตเมื่อไหร่ก็ได้ แต่การปีนเขานั้นตื่นเต้น งดงาม มันกระตุ้นความรู้สึกอย่างแรงกล้า