บทวิเคราะห์ : เศรษฐกิจเอเชีย ยังไม่มีข่าวดีจาก “เอดีบี”

บรรยากาศช่วงสุกดิบก่อนสงกรานต์ในบ้านเราปีนี้ออกแนวแปลกๆ พิกล ถึงขนาดทำให้เพื่อนพ้องหลายคนเปรยๆ ใส่กันว่า รู้สึกเหมือนงานการยังคาราคาซัง แต่ถึงเวลาต้องหยุดยาวไปเล่นสนุกยังไงยังงั้น

มีหวังต้องเล่นสงกรานต์ไม่เป็นสุขนัก คงต้องสาดน้ำไปขมวดคิ้วนิ่วหน้าไปตลอดเทศกาลกระมัง

ผมเดาเอาเองว่า ความรู้สึกอึนๆ มึนๆ ที่ว่านี้คงถูกบรรยากาศการเมืองที่ไม่สะเด็ดน้ำเสียทีระบาดใส่เอา

หรือไม่อย่างนั้นก็คงเป็นภาวะเศรษฐกิจของเมืองไทยที่ถึงแม้จะไม่แย่กระไรนัก แต่ก็ไม่ได้อยู่ในระดับหวือหวาอนาคตสดใสให้ยิ้มแย้มแจ่มใสได้แต่อย่างใดทั้งสิ้น

แถมผู้รู้ผู้สันทัดกรณีส่วนใหญ่ยังจับเอาสองเรื่องนี้มาผูกโยงเข้าด้วยกันอีกต่างหาก เล่นเอาอารมณ์ค้างกันไปอีกนานนับเดือน

ที่สำคัญ จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีข่าวดีในทางด้านเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะสำหรับทั้งโลก หรือจำเพาะเจาะจงเอาแต่เฉพาะในภูมิภาคเอเชียเราแต่อย่างใดทั้งสิ้น

ไม่ว่าจะเป็นคริสตีน ลาการ์ด กรรมการผู้จัดการใหญ่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ก็เพิ่งออกมาเตือนว่า ความมั่นคงทางเศรษฐกิจของโลกในยามนี้สั่นคลอนมากกว่าครั้งไหนๆ ในรอบสองสามปีกันเลยทีเดียว

เตือนให้ตระหนักกันถึงขนาดว่า 70 เปอร์เซ็นต์ของเขตเศรษฐกิจทั้งโลกจะตกอยู่ในภาวะการเติบโตชะลอลงในปีนี้

 

ถัดจากคำเตือนของไอเอ็มเอฟ ก็ถึงคราวของธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (เอดีบี) ที่เผยแพร่รายงานว่าด้วยภาพรวมของภาวะเศรษฐกิจในเอเชียออกมาเมื่อ 3 เมษายนที่ผ่านมา

ตอกย้ำชัดเจนว่า อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของบรรดา “ประเทศกำลังพัฒนา” ในภูมิภาคเอเชียทั้งหลาย จะชะลอตัวต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ติดต่อกันในปี 2019 นี้

คำว่า “ประเทศกำลังพัฒนา” ของเอดีบีดังกล่าวนี้ คือบรรดาประเทศในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก รวม 45 ประเทศ

ซึ่งแน่นอนมีไทยเรารวมอยู่ด้วย จะมีอัตราการขยายตัวเพียง 5.7 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้ ชะลอลงจากระดับคาดการณ์เมื่อปี 2018 ที่ 5.9 เปอร์เซ็นต์

และต่ำลงมากจากระดับ 6.2 เปอร์เซ็นต์เมื่อปี 2017 ที่ผ่านมา ทั้งยังเป็นการลดประมาณการของเอดีบีที่ให้ไว้เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว แม้จะเล็กน้อยก็ตาม ซึ่งเอดีบีคาดไว้ตอนนั้นว่าเศรษฐกิจภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกจะขยายตัว 5.8 เปอร์เซ็นต์

ประเด็นสำคัญที่สุดก็คือ ในปีนี้ตลอดทั้งปีสถานการณ์จะไม่กระเตื้องขึ้น เพราะเอดีบีคาดว่าในปี 2020 เศรษฐกิจของเอเชีย-แปซิฟิกจะขยายตัวลดลงไปอีก เหลือเพียง 5.6 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง

 

ยาสุยูกิ ซาวาดะ หัวหน้าคณะนักเศรษฐศาสตร์ประจำเอดีบี ให้เหตุผลเอาไว้ในการแถลงเผยแพร่รายงานชิ้นนี้ว่า สถานการณ์ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกา ที่เสื่อมทรามลงหรืออาจกลายเป็นความขัดแย้งเต็มรูปแบบขึ้นมา จะเป็นตัวการสำคัญในการบ่อนทำลายการลงทุนและการขยายตัวทางเศรษฐกิจของบรรดาประเทศกำลังพัฒนาทั้งหลายในเอเชีย

ในเวลาเดียวกันความไม่แน่นอนในนโยบายการคลังของสหรัฐอเมริกา กับความเป็นไปได้ที่จะเกิด “ความไม่เรียบร้อย” ขึ้นในการดำเนินความพยายามเพื่อออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) ของอังกฤษที่รู้จักกันในชื่อ “เบร็กซิท” นั้น ล้วนแล้วแต่เป็น “ความเสี่ยง” ต่อภาพรวมทางเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้ เพราะเหตุการณ์เหล่านี้มีแต่จะส่งผลให้การเติบโตทางเศรษฐกิจในเอเชีย-แปซิฟิกชะลอลงมากยิ่งขึ้นไปอีก และทำให้ภาวะเศรษฐกิจในอนาคตอันใกล้ของประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลกอย่างจีน กลายเป็นเรื่องไม่แน่นอน ไม่มีความชัดเจนขึ้นมา

ซาวาดะเรียกช่วงเวลาที่เกิดขึ้นในเวลานี้ว่า เป็น “ห้วงเวลาแห่งความไม่แน่นอน” ครับ

 

เมื่อจำกัดวงให้แคบลงมาอีกเป็นเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอดีบีปรับลดการคาดการณ์ถึงอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจโดยรวมของภูมิภาคอาเซียนในปีนี้ลดลงมาอยู่ที่ 4.9 เปอร์เซ็นต์ จากเดิมที่เคยคาดว่าจะอยู่ที่ 5.1 เปอร์เซ็นต์ เพราะคาดว่าทั้งมาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ และไทย จะขยายตัวในระดับชะลอลงกว่าที่เคยประเมินไว้ก่อนหน้านี้

ก่อนที่จะกระเตื้องขึ้นนิดหน่อยในปี 2020 เป็น 5.0 เปอร์เซ็นต์

เอาเถอะ ไหนๆ สงกรานต์ก็มาถึงแล้ว ยังไงๆ ก็ทำใจให้สนุกเต็มที่ ลืมเลือนตัวเลขไม่น่าดูเหล่านี้ไปสักพักก็ยังดีครับ