เรื่องลึกในโหราศาสตร์ไทยชุด “คลังโหร” ว่าด้วย ดวงโยกย้าย

อ่านอนาคตของคุณไม่ยากหรอก…แค่รู้จักดาว 10 ดวงเท่านั้น! เรื่องลึกในโหราศาสตร์ไทยชุด “คลังโหร” ดวงโยกย้าย

ผมขึ้นหัวเรื่องไว้อย่างนี้ มีความหมายครอบคลุมหมดนะครับว่า คือการที่อยู่ไม่ติดที่เดิม ต้องเคลื่อนต้องย้ายไปจากที่เดิมด้วยเหตุผลใดเหตุผลหนึ่ง

เรื่องอย่างนี้ตั้งแต่โบราณกาลท่านมีสูตรของท่านไว้แล้วในดวงชาตา

แต่สูตรก็คือสูตร การนำเอาสูตรของท่านมาใช้นั้นยังต้องประกอบด้วยปัจจัยอื่นอีกบางอย่างด้วยจึงจะทำให้สูตรนั้นสัมฤทธิผลเต็มที่

ในขั้นนี้ผมจะได้นำเอา “สูตร” ที่ท่านโบราณาจารย์ได้บอกไว้มาเสนอให้คุณๆ ได้เรียนรู้กันก่อน เพื่อให้อย่างน้อยคุณๆ ก็จะได้เคล็ดลับในการทายดวงในเรื่องนี้กับเขาบ้างดีไหมครับ?

ดี!

คุณไม่ต้องตอบ ผมตอบให้เอง

rge4gee

เคล็ดลับของการทายสภาวะการอยู่ไม่ติดที่นี้ โหราจารย์ท่านวางเป็นคำกลอนไว้ดังนี้ครับ :-

อยู่ไม่เป็นหลัก เที่ยวย้ายเที่ยวยัก ระเหระหน

ท่านว่าตัวเสาร์ เข้ามาปะปน พิจิกจรดล ทำให้ร้อนเรือนฯ

และจากคัมภีร์จักร์ทีปนี ถอดออกมาได้ใจความว่า–

ผิว์พระเสาร์อยู่ราศีพิจิก ผู้นั้นจะพลัดพรากจากที่อยู่ จะอยู่ที่ไหนก็อยู่ไม่ได้นานแลฯ

ท่านบอกว่า อันพระเสาร์อยู่พิจิกนั้น เปรียบเสมือนรามเกียรติ์ตอนพระรามเดินดง ต้องจรไปเรื่อยๆ อยู่ที่ไหนก็ไม่ได้นาน มีการโยกย้ายตลอด

กว่าจะจบการเดินดงได้ก็หมายถึงว่า “งานเสร็จแล้ว” นั่นแหละจึงจะหยุดการเดินดง

ชีวิตของมนุษย์เราที่มีดาวพระเสาร์สถิตราศีพิจิกก็เช่นกัน มักจะต้องประสบกับการโยกย้ายเหมือนต้องเดินดงไปได้เรื่อยๆ มันมีวันจบลงเหมือนกัน แต่กว่าจะจบก็คงจะต้องย้ายกันอยู่หลายหน

นี่ว่ากันไปตามคัมภีร์นะครับ สูตรโบราณท่านว่าเอาไว้ยังงี้ เราก็ต้องมาทดลองใช้หรือพิสูจน์กันดูว่าจริงไหม?

คุณอาจจะอยากถามผมขึ้นมาว่า แล้วผมว่าจริงมั้ยล่ะ สูตรนี้น่ะ?

 

ผมเองก็ได้พยายามพิสูจน์เรื่องนี้อยู่ตลอดมา พบดวงที่มีดาวเสาร์สถิตราศีพิจิกดวงใด ผมจะต้องถามเจ้าของดวงทุกครั้งว่า ชีวิตเขาต้องโยกย้ายอยู่ไม่ติดที่บ้างหรือไม่ ก็ได้รับคำตอบว่าจริงมั่งไม่จริงมั่ง ดวงที่มีดาวเสาร์สถิตพิจิกนั้น ผมก็ว่าดาวเสาร์สถิตราศีพิจิกนั้นได้มาตรฐานราชาโชคและมหาจุล คือมีทั้งดีทั้งร้าย และเจ้าของดวงเขาก็บอกว่าเขาอยู่กับที่ไม่ได้ย้ายไปไหนเลย คืออยู่จนตายโดยไม่เคยโยกย้าย ผมก็แยกเอาดวงที่ว่าโยกย้ายจริงไว้พวกหนึ่ง ที่ว่าไม่จริงไปอยู่อีกพวกหนึ่ง แยกทำไม?

แยกไว้เพื่อจะได้นำเอามาพิจารณาหาดูว่า ที่ว่าโยกย้ายจริงนั้นอะไรทำให้เป็นจริง และที่ว่าไม่จริงนั้นมันไม่จริงยังไง มีอะไรเป็นตัวกีดกันขัดขวางไว้งั้นหรือ?

แล้วผมก็ได้พบ… จะเป็นทีเด็ดที่โบราณาจารย์ท่านหมกเอาไว้หรือเปล่าก็ไม่ทราบ

ผมพบดวงที่ “อยู่ไม่ติดที่” อย่างว่านี่แหละสองดวงซ้อนเลย

เป็นดวงที่มีลัคนาสถิตราศีสิงห์ทั้งคู่ด้วย และที่เหมือนกันทั้งสองดวงอีกอย่าง ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมรู้สึกเหมือนว่าได้พบกุญแจไขความลับอันนี้

นั่นก็คือ–

 

ทั้งสองดวงนั้นเป็นดวงที่ดาวเสาร์กับอังคาร “แย่งเรือน” กัน

คือเสาร์อยู่พิจิกและอังคารสถิตที่ราศีมังกร ได้มาตรฐานมหาอุจจ์ใหญ่เบ้อเริ่มเทิ่ม เสาร์อยู่พิจิกเรือนอังคารก็ได้มาตรฐานราชาโชค ใหญ่เหมือนกัน เพราะได้อยู่เรือนอุจจ์ด้วย ต่างคนต่างใหญ่ยังงี้ก็ย่อมจะแสดงฤทธิ์กันได้เต็มที่ อังคารนั้นเป็นเจ้าเรือนพันธุอยู่แล้ว เมื่อไปใหญ่อยู่ในภพอริก็เท่ากับ “พันธุ – อริ” แล้วดาวเสาร์เจ้าเรือนอริมาสถิตที่ภพพันธุ เป็นการย้ำให้แน่ชัดว่าเจ้าชาตานั้นมีบ้านเป็นอริแน่ๆ ลงแบบนี้แล้วจะ “อยู่ติดที่” ได้ยังไงล่ะ จริงไหมครับ?

ผมจึงคิดว่า นี่ไง-ท่านครูโหรท่านขยักทีเด็ดเอาไว้อีกแล้ว บอกเราแต่ว่าเสาร์อยู่พิจิกจะอยู่ไม่ติดที่ แต่ท่านไม่บอกว่าต้องแย่งเรือนกับอังคารด้วยนะ

เอากะท่านซี

แต่คำว่า “โยกย้าย” หรือ “อยู่ไม่ติดที่” นี่น่ะ ไม่ได้หมายความถึงแค่เพียงการย้ายบ้านย้ายที่อยู่เท่านั้นนะครับ

มันมีความหมายรวมไปถึงการโยกย้ายอื่นๆ ได้อีกด้วย เช่น ย้ายงาน หรือย้ายตำแหน่ง

ในสถานเบาก็อาจเป็นการย้ายโต๊ะทำงานไปอยู่อีกที่หนึ่งก็ได้ สุดแต่ว่าเราจะใช้ในกรณีไหน

และในบางกรณีที่ผมเคยพบมา คนที่รถถูกขโมยไปก็ตกอยู่ในเกณฑ์ดวงแบบนี้เหมือนกันครับ

จำไว้อีกอย่างนะครับเป็นกรณีพิเศษ ภพ “อริ” นี้หมายถึงถูก “ขโมย” ก็ได้ เวลาดูดวงคนที่มาขอให้เราดูเรื่องถูกขโมยน่ะ ถ้าในขณะนั้นดาวจรปรากฏว่า “อริ – ลาภะ” ละก็ ยังแปลว่า “ของหายจะได้คืน” อีกด้วยนะ

อีกกรณีหนึ่งของผู้ที่มีดวงอย่างที่ว่านี้ คือเสาร์แย่งเรือนกับอังคาร หรือพันธุ-อรินี้ เจ้าชาตาอาจไม่ต้องย้ายบ้านหรือย้ายที่ทำงานบ่อยๆ ก็ได้ แต่เป็นดวงของนักเดินทาง ซึ่งในชีวิตมักมีกิจกรรมที่จะต้องเร่ร่อนไปในที่ต่างๆ เสมอ

เช่น คนขายของเร่ คือเอาของเอาสินค้าไปขายตามจังหวัดต่างๆ แห่งละสามสี่วันแล้วก็ย้ายต่อไปอีก

แม้แต่ในดวงของแม่ค้าหาบเร่หลายคนผมก็เคยเจอมาแล้ว บางทีเสาร์ไม่ได้แย่งเรือนกับอังคารหรอกครับ เพียงแต่ดาวพันธุไปกุมกับดาวมรณะ การ “อยู่ไม่ติดที่” ก็เกิดขึ้นแล้วเหมือนกัน

เพื่อความเข้าใจ ผมจะทำดวงตัวอย่างให้ดูสักดวงหนึ่ง ยังงี้ครับ

 

ดวงนี้เป็นของใครคุณไม่จำเป็นต้องรู้หรอกครับ ผมบอกให้เพียงว่า เจ้าของดวงนี้เป็นชายเจ้าเสน่ห์ มีคู่เป็นว่าเล่นเลยครับ หลายครั้งที่มีซ้อนๆ กันสองสามคนเลยทีเดียว คำว่า “คู่” นี้ไม่ได้หมายความว่าเป็นเมียนะครับ จะเรียกว่าเป็น “คู่ชั่วคราว” คงจะเหมาะสมกว่า และไอ้ความที่มีคู่มากซ้อนๆ กันทีละสามสี่คนนี่แหละ ทำให้เจ้าตัว “อยู่บ้านไม่ติด” ต้องเร่ร่อนไปที่บ้านนั้นทีบ้านนี้ที เดือนนึงๆ อยู่บ้านไม่ถึงอาทิตย์หรอกครับ

และที่น่าสังเกตอีกอย่างหนึ่งก็คือ เจ้าของดวงนี้แม้จนปัจจุบันจะมีอายุกว่า 50 ปีแล้วก็ตาม (พ.ศ.2547) ยังไม่มีบ้านอยู่เป็นของตัวเองเลยครับ ต้องเช่าบ้านเขาอยู่มาโดยตลอด

กรณีนี้อาจจะเป็นอิทธิพลของ “พันธุ – มรณะ” เล็งลัคน์ก็ได้กระมังครับ

นักเดินทางอีกประเภทหนึ่งเป็นนักเดินทางอาชีพ เช่น นักบินหรือแอร์โฮสเตส นักเดินเรือที่ต้องออกทะเลอยู่บ่อยๆ รวมไปถึงคนที่ชอบเดินทางท่องเที่ยวบ่อยๆ ด้วยเหมือนกัน พวกนี้ก็จัดอยู่ในพวก “ไม่ติดที่” เหมือนกันนะครับ

แต่ประเภทนี้มีเกร็ดอยู่ว่า ให้ดู พระเกตุ ในดวงนั้นก่อนว่าอยู่ที่ไหน ถ้าหากว่ามีพระเกตุเล็งลัคน์หรือมีตนุลัคน์เล็งพระเกตุแล้วไซร้ ท่านว่าดวงอย่างนี้ชอบเดินทางท่องเที่ยวยิ่งนัก ยิ่งถ้าพระเกตุลอยอยู่ในภพ “ศุภะ” ด้วยละก็ ท่านว่าเจ๋งเป้งเลยเชียวละ

ที่ว่ามานี่หมายถึงพวกที่มีดาวเสาร์สถิตราศีพิจิกด้วยนะครับ เพราะเสาร์พิจิกนั้นเป็นเสาร์ร่อนเร่อันเป็นตัวหลักอยู่แล้ว ยิ่งถ้ามีอังคารมาแจมตามตำราด้วยก็ยิ่งแน่ชัดเลยว่าอยู่ไม่ติดที่แน่

 

มีโหรผู้ใหญ่ท่านหนึ่งบอกเอาไว้ว่า ถ้าดวงใครมี ดาวกาลกิณีลอยอยู่ในภพศุภะ ละก็ ท่านว่าเจ้าชาตานั้นเป็นผู้ที่ชีพจรลงเท้า อยู่บ้านไม่ติดแลฯ

จะจริงเท็จยังไงก็ทดสอบดูนะครับ

นักโหราศาสตร์ที่ดีจะต้องทดสอบอยู่เสมอ หาความรู้ของดวงแต่ละดวงให้ถี่ถ้วนว่ามีดาวในลักษณะอย่างใด

ใครกับใครไปจับคู่กันอยู่ที่ไหน คู่แต่ละคู่มีคุณสมบัติอย่างไร ทำหน้าที่ (เป็นเจ้าเรือน) อะไร และจะส่งผลให้เจ้าชาตาเป็นอย่างไร หนักเบาแค่ไหน แม้แต่ดาวที่ไม่ได้จับคู่กับใคร คืออยู่ดวงเดียวโดดๆ ก็ต้องดูว่าอยู่ในราศีอะไร

เกษตรเจ้าราศีนั้นเป็นคุณเป็นโทษกับดาวดวงนั้นหรือเปล่า

ถ้าให้คุณให้อย่างไร ให้โทษให้อย่างไร หนักเบาแค่ไหน และราศีนั้นส่งกระแสมาถึงลัคนาหรือเปล่า

ถ้าเชิงมุมส่งไม่ถึง เช่น เป็นอริมรณะวินาสน์ต่อกัน ก็ต้องดูว่ามีดาวที่รับกระแส “แรงเอื้อม” ของดาวนั้นส่งต่อมาถึงลัคนาหรือถึงดาวอื่นในดวงหรือไม่ ฯลฯ

ต้องอย่างนี้แหละครับถึงจะเรียกว่าเป็นนักโหราศาสตร์แท้

และถ้าคุณได้เป็นนักโหราศาสตร์แท้แล้วละก็ รับรองเลยครับว่าคุณพยากรณ์ได้แม่นยำแน่

แต่ถ้าดูกันแบบลวกๆ ก็เสร็จโก๋ละครับ เขามาดูทีเดียวก็เข็ดไปเลย ก็ทายเขาไม่ถูกแล้วเขาจะมาดูอีกทำไมให้เสียเงินฟรีล่ะครับ