เผยแพร่ |
---|
ข่าวที่ว่าอาจจะมี 35 ส.ส.จากพรรคประชาธิปัตย์ มีความไหวเอน ไปทางพรรคพลังประชารัฐ และพร้อมยกมือสนับสนุนให้ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี
น่าสนใจ
น่าสนใจมากยิ่งกว่า 12 ส.ส.จาก 12 พรรคการเมืองเล็กจะเรียงแถวหน้ากระดานเรียงหนึ่งชูมือให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
น่าสนใจมากยิ่งกว่า 5 ส.ส.จากพรรคเศรษฐกิจใหม่จะชูมือให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
น่าสนใจมากยิ่งกว่าการตัดสินใจของพรรคภูมิใจไทย พรรค ชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนา หรือแม้กระทั่งพรรครวมพลังประชาชาติไทย
เพราะว่าเป็น 35 ส.ส.จากพรรคประชาธิปัตย์
ต้องยอมรับว่ารากฐานของพรรคประชาธิปัตย์คือ นายควง อภัยวงศ์ คือ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช
พรรคนี้ก่อรูปขึ้นในเดือนเมษายน 2489
พรรคนี้เริ่มจาก นายควง อภัยวงศ์ กระทั่งตกอยู่บนบ่าของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
จากที่เคยเป็นพรรคอันดับ 1 กลายเป็นพรรคอันดับ 2
จากที่เคยเป็นพรรคอันดับ 2 ก็แพ้พ่ายแม้กระทั่งพรรคใหม่อย่าง พรรคพลังประชารัฐ หรือพรรคอนาคตใหม่
เป็นความแพ้พ่ายในท่ามกลางความขัดแย้ง
ความขัดแย้งเริ่มตั้งแต่หลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 และต่อเนื่องมายังการต่อสู้เพื่อแย่งชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค ระหว่าง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม
ในที่สุดหลังการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม รอยร้าวก็แตกและนำไปสู่การแยกตัวด้วยจำนวนที่มากถึง 35 จากจำนวนทั้งสิ้น 52
เหลือเพียง 17 เท่านั้นที่มิได้เอนไหวตามไปด้วย
หากข่าวที่ออกมาจากพรรคพลังประชารัฐเป็นความจริง ความขัดแย้งครั้งนี้จะสำคัญเป็นอย่างมากสำหรับพรรคประชาธิปัตย์ในยุคหลัง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีความหมายเป็นอย่างสูง
พรรคประชาธิปัตย์จะถึงคราว”ผลัดใบ”ครั้งใหญ่และแยกแตกตัวครั้งใหญ่
เป็นพรรค”ใหญ่” หรือจะกลายเป็นพรรค”เล็ก”