ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 5 - 11 เมษายน 2562 |
---|---|
คอลัมน์ | หนังสือเรียนสำหรับเด็ก (เล่มใหม่) |
เผยแพร่ |
หนังสือเรียนสำหรับเด็ก (๒๕.๔)
๑ก่อนการเลือกตั้ง ฉันได้ลองตรวจสอบ ถามไถ่เพื่อนฝูง คนรู้จัก ว่าพวกเขาจะไปเลือกตั้งไหม และหากไป จะไปเลือกพรรคไหน
๒ กลุ่มคนที่ฉันรู้จัก ไม่อาจใช้เป็นโพลได้ เพราะมีจำนวนน้อย และส่วนใหญ่เป็นคนมีอายุ แต่กระนั้นฉันก็รู้สึกคำตอบ น่าสนใจดี มันอบอุ่น และเป็นชีวิต
๓ ฉันสนใจการเลือกตั้งครั้งนี้ ในแง่ปรัชญา คืออยากรู้ว่า กระแสข้างนอก ที่เกิดจากข่าวในสื่อต่างๆ เกิดจากโพล หรือข่าวโซเชียล หรือสิ่งอื่นใดก็ตาม เป็นความจริง
หรือสิ่งที่ฉันสัมผัสได้จริง แม้จะเป็นหน่วยย่อยเล็กนิดเดียว ด้วยเพราะมันแตกต่างกันมาก ในการตรวจสอบครั้งนี้ ฉันเพียงบอกพวกเขาว่า ฉันจะไปเลือกพรรคอนาคตใหม่เท่านั้น ฉันไม่ไปชักชวนคนอื่นเลย
ในแง่ปรัชญา ฉันคิดว่า ฉันเคารพในสิ่งที่พวกเขาเป็น อยากให้พวกเขาเลือกในสิ่งที่พวกเขาอยากได้
หากพวกเขาสับสน คิดไม่ออก ฉันก็ปล่อยให้พวกเขาสับสนต่อไป และแม้ฉันจะชอบพรรคอนาคตใหม่ตั้งแต่วันแรกที่พวกเขาก่อตั้งพรรค
และไม่ลังเลใจที่จะเลือกพรรคนี้ แต่ฉันก็ยังสนใจ อยากเห็นว่าคนไทยจะไปทางไหน หากปล่อยให้พวกเขาเดินเอง
๔เริ่มจากพี่น้องของฉัน
๑ พี่สาวคนโตของฉัน เป็นเหลืองตัวแม่ ปกติเราก็ไม่ได้คุยกันทางการเมือง แต่พอฉันถามไป เธอก็พรั่งพรูข้อมูลของฝ่ายเหลือง ส่งมาทางไลน์ ทำให้ฉันเข้าใจว่าฝ่ายเหลืองไม่ได้หายไปไหน พวกเขายังเหมือนเดิมทุกประการ เธอบอกว่าจะไปเลือกประยุทธ์ มันทำให้ฉันหวาดกลัวข้อมูลของฝ่ายเหลืองเป็นอันมาก เพราะมันเป็นข้อมูลที่เต็มไปด้วยอคติ ไม่เป็นความจริง มันบิดเบี้ยวอย่างน่าสะพรึงกลัว แต่กระนั้น ข้อมูลของฝ่ายแดง ก็ไม่ได้ดีกว่าเท่าไร มันก็เบี้ยวไปอีกแบบ
๒ พี่สาวคนที่สอง เธอไม่แน่ใจ แต่เธอบอก เธอไม่ชอบทหาร
๓ ตัวฉัน เลือกพรรคอนาคตใหม่ คงเพราะฉันเป็นปัญญาชน และเป็นพวกหัวก้าวหน้า และเป็นกวี สิ่งเหล่านี้รวมกัน มันลงตัวกับพรรคนี้พอดี ในวันนี้ ฉันให้พวกเขาสิบคะแนนเต็ม แต่ฉันก็เป็นเพียงผู้ดู หากพวกเขาทำงานไป แล้วเกิดความผิดพลาด ฉันค่อยมาหักคะแนนพวกเขาทีหลัง วันนี้ฉันสังเกตว่าพวกเขาพูดถูกทุกอย่าง ทำถูกทุกอย่าง อาจมีความผิดพลาดเล็กน้อยในฐานะปุถุชน
และอาจมีบางครั้ง พวกเขายึดในอุดมคติมากเกินไป จนสิ่งที่ทำ กลายเป็นบทกวีทางการเมือง มากกว่าจะใช้ได้ผลจริง
แต่สิ่งเหล่านั้น ก็ไม่ใช่ความผิดร้ายแรง แต่หากจะเน้นภาคปฏิบัติ บทกวีเหล่านั้น อย่าเขียนจะยังดีกว่า เช่น การปิดสวิตช์ ส.ว. ๒๕๐ คน มันเป็นการเสนอความคิดที่งดงาม แต่ทำไม่ได้หรอก ด้วยเพราะมนุษย์แตกต่างกัน
เราอย่าฝันหวานเกินไปเลย อะไรที่สวยงามอย่างเหลือเชื่อ ล้วนทำไม่ได้จริง ด้วยโลกนี้ไม่ใช่บทกวี เราต้องเผชิญหน้ากับ ส.ว. ตามความเป็นจริง อย่าไปสร้างภาพบวกหรือลบใดล่วงหน้า
๔ น้องชายคนรองของฉัน เขาไม่สนใจการเมือง แต่สนใจปัญหาปากท้อง ดังนั้น เขาจึงเลือกมิ่งขวัญ
๕ น้องสาวคนรอง เธอเป็นพวกพลังเงียบที่แท้จริง ซึ่งแปลกลับอีกที คือพวกที่ไม่มีความรู้ทางการเมือง ไม่รู้ตัวว่าควรจะเลือกใคร คนแบบนี้มีเยอะมาก ต่อให้พวกเขาออกมาเลือกตั้งกันหมด พวกเขาก็ไม่เลือกพรรคใดพรรคหนึ่ง พวกเขาเหมือนเรือเล็กที่ไร้หางเสือ ล่องลอยสะเปะสะปะ ไร้ทิศทาง
๖ น้องสาวคนเล็ก เป็นอีกคนที่ไม่รู้จะเลือกใคร เธอบอกว่า ไม่ชอบพรรคไหนเลย แต่เนื่องด้วยการเลือกตั้งครั้งนี้ มีแรงจูงใจอย่าลึกซึ้ง ถึงยังไงเธอก็จะไปเลือก คนไทยถึงจุดหนึ่ง ก็อยากเลือกตั้ง อยากใช้สิทธิ ใช้เสียง แม้จะไม่รู้ว่าจะเลือกใครดี
๗ น้องชายคนเล็ก เขาลังเลใจอยู่นาน แต่ในที่สุด เขาก็เลือกพลังประชารัฐ เพราะเขาเป็นพวกสลิ่ม ในที่สุด เขาก็เลือกตามชนชั้นของตัวเอง ปกป้องผลประโยชน์ของตัวเอง
เขาเป็นหนึ่งในครอบครัวคนหนึ่งเปอร์เซ็นต์ ที่ได้ประโยชน์จากทหาร เขาทำไปโดยไม่รู้สึกตัว ก่อนการเลือก เขาคงได้พูดคุยกับเพื่อนฝูง ซึ่งก็คือคนชนชั้นเดียวกัน ในสมองของเขาจึงมากมายด้วยข้อมูลของฝ่ายสลิ่ม
ซึ่งสรุปว่า ประยุทธ์คือนายกฯ ที่ดีที่สุดในรอบยี่สิบปีของเมืองไทย
๕ต่อมา ถึงเพื่อนของฉัน
๑ คนแรก เขาประกาศตัวไม่ไปเลือกตั้ง เพราะเขาอกหักจากการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว ที่ถูกประกาศเป็นโมฆะ และจากการทำรัฐประหาร เขายังเจ็บใจมาถึงวันนี้ และหมดหวังกับระบอบประชาธิปไตย เขาเชื่อว่า ถึงยังไง นี่เป็นเกมการเมืองของฝ่ายทหาร ที่ส่งมาล่อให้คนไทยมีความหวัง ได้ทำอะไรสนุกๆ แต่ท้ายสุด ก็คืออำนาจจะตกเป็นของฝ่ายทหารอยู่ดี ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
๒ คนที่สอง เขาประกาศตัวชัดเจนว่าจะไปเลือกสุเทพ เขาเป็นเพื่อนเก่าแก่ที่สุดของฉัน คบกันมาตั้งแต่ประถมปีที่สอง เป็นเพื่อนที่ฉันสนิทสนมมาก และฉันถือเป็นลูกพี่ของฉัน เพราะเขาฉลาด กล้าหาญ แต่เมื่ออายุมากขึ้น เขากลับกลายเป็นเหลืองตัวพ่อ
๓ คนที่สาม เขาเลือกมิ่งขวัญ
๔ คนที่สี่ เธอเลือกพรรคเพื่อไทย ด้วยเป็นแฟนเก่ามาช้านาน
๕ คนที่ห้า เขาเลือกพลังประชารัฐ
๖ คนที่หก เขาเลือกพรรคพลังธรรมใหม่ คำตอบนี้แปลก เพราะพรรคนี้ฉันไม่รู้จักเลย
๗ คนที่เจ็ด คนนี้ก็เป็นพวกพลังเงียบ คือไม่รู้จะเลือกใครดี แต่จะไปเลือก เธอลังเลใจอยู่นานมาก ในที่สุดก็สรุปที่ ปชป.
๘ คนที่แปด เลือกพรรคอนาคตใหม่
๙ คนที่เก้า เขาบอกเขตของเขาไม่มีพรรคเพื่อไทย เขาตั้งใจแต่แรกว่าจะไปเลือก ทษช. แต่เมื่อถูกยุบพรรค เขาจึงลำบากใจ ต้องเลือกพรรคอื่น ในใจของเขาขณะนี้ ไม่พรรคเพื่อชาติก็คือพรรคเสรีรวมไทย
๖ ฉันฟังความเห็นของเพื่อนๆ ด้วยความสนใจ ฉันรู้ตัวว่ามันไม่อาจใช้เป็นโพล ไม่อาจตัดสินการเลือกตั้งครั้งนี้ได้ แต่มันอบอุ่นดี เห็นถึงความหลากหลาย คนเราคิดต่างกันจริงๆ และเรายังคงเป็นเพื่อนกัน ยังคงเป็นพี่น้องกัน
ยังคบกันเหมือนเดิม
๗ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ฉันมีข้อสังเกตสองข้อ
๑ ฉันเห็นด้วยกับคุณจตุพร พรหมพันธุ์ ในสมัยที่เขาออกจากคุกใหม่ๆ เขาดูเปลี่ยนไป มีแนวคิด ท่าทีเฉพาะตน เขาเคยเตือนไว้ว่าฝ่ายประชาธิปไตยอย่าได้คุยเรื่องจะจัดตั้งรัฐบาลอย่างไร พรรคไหนจะไปรวมกับพรรคไหน หากทำเช่นนั้นจะแพ้ ให้ทุกพรรคพยายามหาเสียงให้พรรคของตัวเองให้มากที่สุดก่อน หลังการเลือกตั้งค่อยมาว่า เพราะฝ่ายที่สนับสนุนทหารนั้น ไม่จำเป็นต้องคิดอะไร พวกเขาเป็นปึกแผ่นอยู่แล้ว หากฝ่ายประชาธิปไตยมาเสียเวลา เสียพลังงานในการคิด ว่าจะรวมกับใคร จะจัดตั้งรัฐบาลสูตรไหน จะแพ้ทันที ข้อคิดนี้ ฉันว่าแหลมคม น่าเสียดายที่คุณจตุพรพอใกล้วันเลือกตั้งเข้าไป เขาก็เปลี่ยนกลับไปเป็นเหมือนเดิม อาจเพราะการขึ้นเวทีหาเสียง ทำให้ตัวตนเก่าของเขากลับคืนมา เขาเริ่มลืมสิ่งที่ตัวเองพูด มนุษย์เราไม่อาจลืมตัวตนเก่าได้ ตัวตนใหม่ที่เกิดจากสมาธิของการอยู่ในคุก กลับเลือนหายไป
๒ พรรคประชาธิปัตย์ทำความผิดอย่างใหญ่หลวง เทียบเท่าทักษิณเลย คือการประกาศว่าไม่เอาประยุทธ์ ซึ่งประเด็นนี้ไม่ควรแตะต้องเลย ควรปล่อยให้เป็นความคลุมเครือเหมือนเดิม เพราะพรรคแทงกั๊ก ก็มีคะแนนของเขา คนไทยไม่น้อยที่ไม่รังเกียจประยุทธ์ แต่ก็ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นเขา กลุ่มคนเหล่านี้จะเป็นของ ปชป. แต่การประกาศจุดยืนชัดเจน ไปบีบบังคับคนไทยให้เลือกข้าง คนที่เลือกไม่เอาประยุทธ์ ก็จะเลือกพรรคอนาคตใหม่ดีกว่า เพราะชัดเจนกว่าเยอะ คนที่เลือกประยุทธ์ ก็จะเลือกพลังประชารัฐ เพราะชัดเจนกว่าเช่นกัน พรรคนี้ไม่สามารถเปลี่ยนท่าที กลายเป็นพรรคที่ชัดเจนได้ เพราะคนไทยจะไม่เชื่อ เนื่องด้วยในอดีต พวกเขาไม่เคยเป็นอย่างนั้น
น่าสงสารคุณอภิสิทธิ์ โดยส่วนตัวเขาทำถูกต้อง ที่เปลี่ยนมาเป็นคนชัดเจน แต่ทำผิดเวลา