เหตุใดกกต.และโดยเฉพาะ 7 กกต.จึงถูกมองด้วยความแคลงกลางกังขาในประสิทธิภาพพลันที่ผ่านการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มี นาคม

ระยะแรกไม่ว่าคสช. ไม่ว่ารัฐบาล ไม่ว่าผบ.เหล่าทัพล้วนออกมาการันตี

เรียกร้อง”สังคม”ให้เชื่อมั่นต่อ “กกต.”

ขณะเดียวกัน ก็มีการแก้ต่างว่าต้องเห็นอกเห็นใจ”กกต.”เพราะกฎกติกาที่ใช้ในการเลือกตั้งครั้งนี้ล้วนเป็นเรื่องใหม่ ทั้งในแง่กกต.และในแง่ของประชาชน

ขณะเดียวกัน หากมองจากความเป็นมาของกกต. ความเป็นมาของ 7 กกต.ก็ยิ่งก่อให้เกิดความแคลงคลาง กังขา

ว่าเป็นเพราะ”ประสิทธิภาพ” หรือมีเหตุปัจจัยอื่น

 

แม้ว่ากฎกติกาอันบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 จะเปนเรื่องใหม่ แต่หากมองจากรากฐานความเป็นมาของกกต.นี่มิได้เป็นของ ใหม่

ตรงกันข้าม กกต.ก่อเกิดตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2540 รับผิดชอบในการเลือกตั่งตั้งแต่เมื่อเดือนมกราคม 2544

อายุของกกต.จึงมากกว่า 20 ปี

แม้ 7 กกต.จะเพิ่งเข้ามารับผิดชอบในยุคหลังรัฐประหารเมื่อ เดือนพฤษภาคม 2557 ผ่านกลไกของสนช.อันเป็น”1 ในแม่น้ำ 5 สาย”ของคสช.

แต่เจ้าหน้าที่ประจำก็สะสมความจัดเจนมาตั้งแต่การเลือกตั้งเมื่อเดือนมกราคม 2544

ยิ่งกว่านั้นองค์ประกอบของ 7 กกต.ก็มาจากนักการทูต นักกฎหมาย และข้าราชการประจำระดับอธิบดีและผู้ว่าราชการจังหวัด ล้วนเป็นคนดีโดยพื้นฐานและมีประสบการณ์

คำถามก็คือ แล้วเหตุใดคนดีโดยพื้นฐานและมากประสบการณ์จึงทำงานคล้ายกับไร้ประสิทธิภาพอย่างที่เห็น

 

ตรงนี้เป็นความไม่เข้าใจ ขณะเดียวกัน ก็เป็นความไม่เข้าใจบนพื้น ฐานที่มองและประเมินกกต.และ 7 กกต.ด้วยสายตาที่เล็งผลเลิศเป็นอย่างสูง

ถามว่าปฏิกิริยาความไม่พอใจของสังคมเกิดจากอะไร

เกิดจากกฎกติกาที่ผิดเพี้ยน เกิดจากความไม่ไว้วางใจต่อรากและฐานที่มาของกกต.

หรือเป็นความไม่พอใจในลักษณะสะสมที่มากกว่านั้น